บันทึกการอ่าน เล่มที่ 2
"ALONE AROUND THE WORLD : รอบโลกตามลำพัง"
ALONE AROUND THE WORLD
เรื่องราวการเดินทางของผู้ชายคนหนึ่ง ที่เดินทางรอบโลกด้วยตัวคนเดียวโดยเลือกเดินทางในฝั่งซีกโลกใต้ จากเอเชีย สู่แอฟริกา มุ่งไปอเมริกาใต้ ขึ้นอเมริกาเหนือ และกลับสู่เอเชียอีกครั้ง ระยะทางกว่า 48,000 กิโลเมตร ขณะที่เส้นความยาวรอบโลกยาวประมาณ 40,000 กิโลเมตร ดูเหมือนไม่น่าเชื่อ แต่ทุกอย่างได้เกิดขึ้นแล้ว
ธีรธัธร์ คือนามปากกาของชายผู้เขียนเรื่องเล่าการเดินทางรอบโลกของตัวเอง โดยมี เฟอร์ดินัน แมกเจนแลน ผู้ที่เดินทางรอบโลกสำเร็จเป็นคนแรกของโลก เป็นฮีโร่ที่ ให้แรงบันดาลใจในการเดินทางครั้งนี้
เส้นทางการเดินทางรอบโลกของธีรธัธร์
หลังจากศึกษาเส้นทางการเดินทาง และจัดการเรื่องวีซ่าและตั๋วเครื่องบินเสร็จสรรพ ก็ถึงเวลาเดินทางของจริง โดยที่ไม่ว่าเตรียมความพร้อมมาอย่างไร แต่ก็เชื่อว่า “ ความพร้อมไม่มีอยู่จริง ” “ ความไม่พร้อมนั้นแหละ คือความพร้อมที่ดีที่สุด ”
เริ่มออกเดินทางบินตรงจากไทยข้ามมหาสมุทรอินเดียมายังนครไนโรยีแห่งประเทศเคนย่า เรื่องราวมากมายของมวลสัตว์แห่งมาไซมาราก็ได้เริ่มต้นขึ้น การนั่งรถชมสัตว์ท่ามกลางสถานที่ที่เป็นเหมือนสวนสัตว์เปิด และเจอเจ้าสิงโตกำลังรับประทานอาหารเที่ยงขวางทางเดินรถ คนบนรถไม่สามารถทำอะไรได้ ได้แต่รอให้เจ้าสิงโตจัดการเหยื่อของมันจนอิ่มเอมแล้วเดินจากไป รถจึงได้วิ่งต่อไปได้ ซึ่งก็เสียเวลาไปค่อนวันกับการชมสัตว์ และเดินทางต่อไปชมทะเลสาบสีชมพูแห่งนากูรู ซึ่งยังอยู่ในประเทศเคนย่า
ชนเผ่ามาไซ
จากนั้นแวะทักทายโจฮันเนสเบิร์กแบบสั้นๆ ก่อนที่จะไปต่อที่กรุงมาเซรูของราชอาณาจักรเลโซโท เรื่องราวสุดแสนจะประทับใจในเมืองเล็กๆที่ชื่อ มอริจา ได้เข้าชมบ้านเรือนและพิพิธภัณฑ์ของที่นี่ ห้องจัดแสดงเรื่องราวตั้งแต่อดีตที่เกี่ยวข้องกับประเทศ และยัังมีห้องโถงที่จัดแสดงซากฟอสซิลและภาพถ่ายของรอยเท้าไดโนเสาร์ รวมทั้งกระดูกไดโนเสาร์หลากหลายชิ้น ที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์มากๆ
การขี่ม้าขึ้นภูเขา
การขี่ม้าผ่านขุนเขาที่สูงเสียดฟ้า ม้าบาโซโทเป็นม้าพันธุ์พิเศษที่มีความทนทรหด สามารถทนความหนาวได้ถึง -14 องศาเซลเซียส และไต่เขาสูงชันได้ จึงเป็นเหมือนแม่เหล็กดึงดูดให้ผู้คนที่มาเยือนเมืองแห่งนี้มิตรภาพของผู้คนแห่งกาฬทวีป และเรื่องราวของการรอคอยที่แสนยาวนานเกือบๆ ยี่สิบชั่วโมงที่นครโจฮันเนสเบิร์ก และการก้าวข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกไปสู่อเมริกาใต้อย่างทรหดอดทน
ก้าวเท้าลงจากเครื่อง ณ บัวโนสไอเรสอย่างทุลักทุเล และได้พบกับเพื่อนเก่าอย่าง “เฟเด” เรื่องราวของมิตรภาพระหว่างเพื่อนเก่าที่โคจรมาพบกันอีกครั้งจึงเริ่มขึ้น
น้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในโลก
การเดินทางสู่น้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในโลกระหว่างพรหมแดนฝั่งบราซิลและอาร์เจนตินา และแทรคกิ้งอีกฝั่งของสายน้ำที่ไม่โดดเดี่ยว โดยมีเพื่อนใหม่เป็นทหารสาวที่เพิ่งปลดประจำการ เลยรีบนำเบี้ยเลี้ยงที่กองทัพมอบให้ มาเที่ยวให้ลืมๆกฎระเบียบที่น่าเบื่อพวกนั้นไปซะ
และมาเจอปัญหาการเดินทางอีกครั้ง เป็นการเปลี่ยนแผนเดินทางกะทันหัน จากแผนที่จะเดินทางไปโบลิเวียโดยเครื่องบิน แต่ก็มีปัญหาในการขอวีซ่าที่สถานฑูตไม่สามารถออกให้ได้ทันเวลา จนต้องมานั่งคิดแผนการเดินทางใหม่ และสรุปกับตัวเองว่าคงต้องนั่งรถบัสจากอาร์เจนติน่าข้ามเทือกเขาที่ยาวที่สุดในโลกอย่างแอนดีสไปที่เมืองหลวงของชิลี
การเดินทางบนรถทัวร์ที่ยาวนานที่สุดในชีวิตกว่ายี่สิบแปดชั่วโมงข้ามทะเลทรายอตาคามาที่แห้งแล้งที่สุดในโลกไปสู่เมืองโอเอซิสท่ามกลางความแห้งแล้งที่มีชื่อว่าอะริกา ขึ้นยอดเขา เอล มอรโร เดอ อาริกา ซึ่งมีสถานที่สำคัญสองที่คือ พิพิธภัณฑ์สงครามแปซิฟิก และรูปปั้นขนาดยักษ์ของพระเยซูที่หันหน้าออกสู่มหาสมุทรแปซิฟิก
มุ่งหน้าขึ้นเหนือสู่เปรู แวะถ่ายรูปกับโบสถ์ประจำเมือง และนั่งรถบัสต่อไปยังเมืองปูโนที่อยู่ในระดับความสูงเกือบๆ สี่พันเมตร ช่วงแรกๆร่างกายอาจจะยังไม่สามารถปรับตัวได้ อาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับการหายใจและการไหลเวียนเลือดในระบบต่างๆของร่างกาย แต่ก็เพื่อการมาเยือนทะเลสาบติติกากา จึงต้องเดินทางมาที่นี่
ทะเลสาบติติกากาที่สูงที่สุดในโลก
การล่องเรือในทะเลสาบติติกากาที่สูงที่สุดในโลก ซึ่งเป็นที่อยู่ของชาวอูโรส ผู้ซึ่งดำเนินชีวิตอยู่ได้โดยไม่ง้อแผ่นดิน โดยสร้างเกาะลอยบนผืนน้ำด้วยต้นกก สร้างบ้านก็สร้างด้วยต้นกก สร้างเรือก็ใช้ต้นกกเช่นกัน นับเป็นความมหัสจรรย์ของมนุษย์จริงๆ
การเดินทางอย่างทุลักทุเลจนในที่สุดก็พาตัวเองไปถึงนครกุสโกที่แสนสวยงาม หากย้อนไปเมื่อครั้งที่อาณาจักรอินคายังคงเรืองอำนาจ กุสโกก็คือเมืองที่เป็นศูนย์รวมอำนาจในการปกครองของอาณาจักรอินคาที่ยิ่งใหญ่ในอดีต
มาชูพิกชู
การเดินทางไปเยือนสิ่งมหัสจรรย์ของโลกอย่างมาชูพิกชู เมืองลี้ลับของอาณาจักรอินคา การรอลุ้นว่าเช้าวันที่ไปนั้นจะมีเมฆหมอกมาบดบังมาชูพิกชูที่อยากหรือไม่ แต่ในที่สุดเมื่อเวลาผ่านไป ม่านหมอกหนาที่ปกคลุมก็ค่อยๆ จางหายไป ปรากฏให้เห็นสิ่งมหัสจรรย์ของโลกอย่างมาชูพิกชูจนได้
จนมาถึงการเดินทางออกจากทวีปอเมริกาใต้สู่ประเทศปานามาในอเมริกากลาง ชมความมหัสจรรย์ของคลองปานามาที่น่าทึ่ง คลองปานามาถือเป็นการเอาชนะธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ตัวเล็กๆที่จะย่นระยะทางการเดินเรือจากมหาสมุทรแอตแลนติกไปมหาสมุทรแปซิฟิกได้อย่างเหลือเชื่อ กับการย่นระยะทางลงถึง 22,500, กิโลเมตร
มหาพีระมิดโบราณแห่งเตโอตีอัวกัน
และสุดท้ายกับการมาเยือนนครที่ยิ่งใหญ่อย่างเม็กซิโกซิตี้ เยี่ยมชมมหาพีระมิดโบราณแห่งเตโอตีอัวกัน ซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกรองจากมหาพีระมิดสองแห่งที่อียิปต์ ชมเมืองท่าเก่าแก่ และเมืองอาณานิคมที่คล้ายถูกหยุดเวลา จนในที่สุดเวลาแห่งการกลับบ้านก็มาถึง
แบกเป้แบ๊คแพ๊คขึ้นหลัง เดินทางจากเม็กซิโกซิตี้ สู่ฮุสตันในมลรัฐเท็กซัส ก่อนที่จะขึ้นเครื่องอีกครั้งโดยมีจุดหมายอยู่ที่อีกฟากฝั่งของมหาสมุทร ณ ดินแดนอาทิตย์อุทัย กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในเวลาเกือบๆ 14 ชั่วโมง และพาตัวเองกลับมาบ้านเกิด ณ กรุงเทพ ประเทศไทย อีก 6 ชั่วโมง นับเป็นการเดินทางกลับบ้านที่มาราธอนมากๆ
หากถามว่าทำไมต้องเดินทางทั้งหมดนี้ไปเพื่ออะไร มันทำให้เรารู้ความสำคัญของตัวเองน้อยลง เหมือนเป็นเพีงคนโง่เขลาคนหนึ่งบนโลกใบนี้ และทำให้รู้ว่าระยะทางทั้งหมดที่ได้เดินมานี้ผ่านโลกในหลากหลายมุมมอง ไม่มีที่ไหนแล้วในโลกใบนี้ที่จะยืนหายใจได้อย่างเปี่ยมสุขเฉกเช่นแผ่นดินอันเป็นบ้านเกิดของเราเอง
ติดตามนักเขียนหนังสือ Facebook page : ALONE around the WORLD
#lifestyleofsogood #บันทึกการอ่าน #Books #ALONEAROUNDTHEWORLD #รอบโลกตามลำพัง #ธีรธัธร์ #หนังสือ
Follow Sogood
YouTube : Lifestyle of Sogood
Facebook page : Lifestyle of Sogood
Instagram : pom_sogood
Instagram : pix_by_sogood
- 2
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
