20 ต.ค. 2021 เวลา 23:50 • หนังสือ
หนังสือเล่มนี้ได้เจ้าของคนต่อไป คือ คุณ วาซาบิ ดีต่อใจ นะค้า หากท่านใดที่สนใจแต่ไม่ได้รับไปในรอบนี้ ไม่เป็นไรนะค้า อิคิ ∙ 生き ยังมีหนังสือมาส่งมอบอีกเป็นระยะ ๆ ค่า
📕• ส่งมอบหนังสือ 1 เล่ม [ไม่มีค่าใช้จ่าย]
∎∎∎∎∎∎∎∎∎∎∎∎∎∎∎∎∎∎∎∎∎∎∎∎∎∎∎∎∎∎∎∎∎∎∎∎∎∎∎∎∎∎
🤫• ความลับ HIMITSU
✍🏻• ฮิงาชิโนะ เคโงะ เขียน || บุญชู ตันติรัตนสุนทร แปล
🔖• หากท่านใดมีโอกาสได้ฟัง Poscast แสงแรก คือ ชีวิต EP.3 ตอน Reading is Life นี่คือตัวอย่างการบันทึกการอ่านหนังสือนวนิยายของ อิคิ ∙ 生き นะคะ [ https://www.blockdit.com/posts/616cb63e25c5b80c90abf625 ]
จิตวิญญาณของภรรยากลับไปอยู่ในร่างกายของลูกสาววัยสิบต้น ๆ ความสัมพันธ์ของสามีภรรยาจะดำเนินไปอย่างไร เป็นสมการที่แก้ไม่ออกเลยจริง ๆ
วันหนึ่ง ภรรยาและลูกสาว ของเฮซึเกะ [ ชายวัยกลางคนอายุย่าง 40 ปี ] เกิดอุบัติเหตุ ภรรยาเสียชีวิต แต่ดวงวิญญาณของผู้เป็นแม่กลับกลายมาอยู่ในร่างลูกสาววัยประถม 6 เมื่อเป็นเช่นนี้
เธอจึงตั้งใจจะใช้ชีวิตที่ไม่ต้องกลับมาเสียใจภายหลังให้กับลูกสาว
ที่สำคัญความสัมพันธ์ระหว่างสามี ภรรยา จะดำเนินต่อไปอย่างไร ในเมื่อเวลาของทั้งสองคนกำลังเดือนสวนทาง
สามีวัยกลางคนเมื่อเวลาผ่านไป ร่างกายค่อย ๆ โรยรา ส่วนภรรยาในร่างลูกสาวกลับค่อย ๆ เติบโตตามช่วงวัย
หนังสือเล่าเรื่องราวไปจนลูกสาวอายุ 25 ปี ระหว่างอ่าน อิคิ ∙ 生き ต้องร้อง แง้ ออกมาหลายครั้ง มีความอึดอัดว่าจะยังไงต่อดี ทั้ง ๆ ที่ทั้งสองฝ่ายก็พยายามแล้ว
อิคิ ∙ 生き หาทางออกให้คู่นี้ไม่เจอเลยค่ะ สุดท้ายเมื่ออ่านจบ จึงเข้าใจว่า “ความลับ” นั้นคือ ทางออก 😭😭😭
หากให้พูดตรง ๆ นวนิยายเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ทำให้รู้สึกสนุกตื่นเต้นเร้าใจต้องติดตามจนวางไม่ลง แต่ตลอดระยะเวลาที่ได้อ่านทำให้ อิคิ ∙ 生き ได้ซึมซับอารมณ์ของตัวละครอย่างค่อยเป็นค่อยไป เข้าใจถึงความคับข้องใจและสถานการณ์ที่ไม่มีทางออก
ตลอดเวลาที่ อิคิ ∙ 生き นั่งทบทวนและบันทึกสิ่งที่ได้จากการอ่านนวนิยายเล่มนี้ เปรียบเสมือน อิคิ ∙ 生き ได้อ่านหนังสือเล่มนี้อีกครั้งค่ะ ส่ิงนี้ทำให้เราได้เข้าใจเบื้องหลังความคิด การกระทำของตัวละครนั้น ๆ อย่างลึกซึ้ง
อิคิ ∙ 生き ได้สัมผัสแรงขับเคลื่อนว่าอะไรทำให้ตัวละครพูดแบบนั้นหรือตัดสินใจทำพฤติกรรมนั้น หลาย ๆ อย่างไม่ได้เข้าใจตอนอ่านครั้งแรก แต่เมื่อได้อ่านครั้งที่สองก็ได้สัมผัสว่า อ๋อ นาโอโกะ คิดแบบนี้นี่เอง ถึงทำแบบนี้
ที่สำคัญ อิคิ ∙ 生き ได้บทเรียนชีวิตจากมุมมองของตัวละครด้วยค่ะ ดังนั้นสิ่งที่ อิคิ ∙ 生き ได้เรียนรู้จากเรื่องราวของ เฮซึเกะและนาโอโกะ มีดังต่อไปนี้ค่ะ
1. เราไม่ได้มีโอกาสที่จะใช้ชีวิตรอบที่สองเหมือนนาโอโกะ เพราะฉะนั้นจงใช้ชีวิตเดียวของเราในแบบที่เราต้องการจริง ๆ จนสามารถบอกตัวเองได้ว่า ถ้าเรามีโอกาสอีกครั้ง เราก็จะใช้ชีวิตอย่างนี้นี่แหละ⌜ตอนที่ 17 || P115⌟
2. บางครั้งการมีเป้าหมายในการทำเพื่อคนอื่น ก็ทำให้เราหลุดพ้นจากความเคียดแค้น โศกเศร้า มองเหตุการณ์ตามความเป็นจริง ที่สำคัญเป็นพลังให้ก้าวต่อไปด้วยนะ ⌜ตอนที่ 17 || P116 - P117⌟
3. ผู้ก่อเหตุอาจเป็นผู้ประสบเหตุด้วยเช่นกัน หากเรานำความเจ็บปวดและการสูญเสียของเราเป็นใหญ่ เราจะมองโลกในแง่มุมที่ผิดเพี้ยน ดำเนินชีวิตไปอย่างผิดเพี้ยน และ ใช้ชีวิตอยู่ด้วยความโกรธแค้น - เมื่อเช้า อิคิ ∙ 生き เพิ่งอ่านหนังสือ “คนสำเร็จเขามีนิสัยแบบไหน” ตอนที่ 48 ที่ชื่อว่า “จงให้อภัยทุกคนที่เคยทำผิดกับคุณ” [ ✍🏻• เพราะนั่นคือการทำเพื่อตัวเราเอง ] ⌜ตอนที่ 18 || P129 - P130⌟
4. บางครั้งการเก็บความโกรธ เกลียดไว้ ก็เป็นข้ออ้างให้เรามีสิทธิที่จะโศกเศร้าต่อไป [ อย่าทำแบบนั้นเลย ปลดปล่อยตัวเองเป็นอิสระเถอะนะ ] ⌜ตอนที่ 18 || P129 - P130⌟
5. บางครั้งการมีชีวิตอยู่เพื่อใครสักคน ก็เป็นแรงบันดาลใจที่ดีในการใช้ชีวิตนะ ⌜ตอนที่ 40 || P272 - 273⌟
6. ถ้าเรายังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร ลองเริ่มจากสิ่งที่เราสนใจดูก่อนก็ได้ ⌜ตอนที่ 26 || P184 ⌟
7. การบอกลาใครสักคน หากจากลากันแบบค่อยเป็นค่อยไป จะทำให้ต่างฝ่ายต่างยอมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น - [ This is HOW TO SAY GOODBAYE 101 ] ไม่สงสัยเลยว่าทำไมการอ่านหนังสือเล่มนี้ไม่ได้ทำให้เราเศร้าโศกอย่างรุนแรง แต่เป็นการเศร้าซึม ๆ ในความรู้สึกลึก ๆ เพราะเค้าทั้งสองค่อย ๆ จากกันแบบค่อยเป็นค่อยไป ดีนะไม่ทำร้ายทั้งความรู้สึกของตัวละครและคนอ่าน ⌜ตอนที่ 41 || P276 - P277⌟
8. ความโศกเศร้า บางครั้งไม่สามารถประเมินได้จากสิ่งที่คน ๆ นั้นแสดงออก บางทีหากเราละเมียดในการรับรู้สัญลักษณ์บางอย่างหรือฟังด้วยหัวใจ เราจะรับรู้ว่าภายใต้เสียงหัวเราะนั้นยังคงมีความเศร้าอยู่เบื้องหลัง ⌜ตอนที่ 42 || P281⌟
9. เวลาที่เรากำลังจะสูญเสียอะไร เวลาจะผ่านไปในชั่วพริบตา ดังนั้นอย่ารอให้สูญเสียเลยเนอะเพราะเราจะทำอะไรไม่ทันแล้ว ⌜ตอนที่ 46 || P297⌟
10. บางทีการเก็บความลับไว้กับตัวเองคนเดียวหรือสองคน ก็คือทางออกของปัญหาได้เช่นกัน ⌜ตอนที่ 46 || P301⌟
อิคิ ∙ 生き ต้องการจะส่งมอบหนังสือเล่มนี้ให้กับคนต่อไป หากท่านไหนเป็นแฟนหนังสือของอาจารย์ ฮิงาชิโนะ เคโงะ อิคิ ∙ 生き คิดว่าเป็นเล่มที่ไม่ควรพลาดนะคะ
โดย อิคิ ∙ 生き ตั้งใจที่จะส่งมอบให้กับผู้ที่เห็นประโยชน์และคิดว่าตนเองจะมีเวลาอ่านหนังสือเล่มนี้ หากท่านใดสนใจสามารถ Comment มาใต้ Post นี้ได้เลยนะคะ
สภาพของหนังสือเล่มนี้ ต้องบอกเลยค่ะ จะมีร่องรอยของการอ่าน เช่น การเขียนบันทึกสั้น ๆ ดอกจัน ขีดเส้นใต้ Highlight เป็นระยะตลอดการอ่านค่ะ
หากท่านใดชอบอ่านหนังสือใหม่อาจจะไม่เหมาะ
แต่ถ้าท่านไหนมองว่าไม่เป็นปัญหาในการอ่าน
ขอให้ท่านแจ้งความประสงค์มาใน Comment ของ Post ใน FACEBOOK ตาม LINK นี้
เท่านั้นนะคะ 😊
หนังสือมีแค่ 1 เล่มนะคะ
หมายเหตุ : สำหรับท่านที่เคยได้รับหนังสือจาก อิคิ ∙ 生き ในช่วงเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา ก็สามารถแจ้งความประสงค์เข้ามาก่อนได้นะคะ แต่ อิคิ ∙ 生き จะขอโอกาสให้กับคนที่ยังไม่เคยได้รับหนังสือในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาก่อน โดยจะกำหนดระยะเวลาแจ้งความประสงค์ไว้ หากไม่มีท่านใดแจ้งความประสงค์มาในระยะเวลาที่กำหนด อิคิ ∙ 生き จะส่งมอบให้หนังสือให้กับท่านที่เคยรับหนังสือไปแล้วและได้แจ้งความประสงค์มาเป็นท่านแรกค่ะ
ต่อจากนี้เป็นบันทึกการอ่านแบบดิบ ๆ ของ อิคิ ∙ 生き หากท่านใดสนใจลองอ่านดูได้นะคะ
แต่ถ้าท่านใดตั้งจะอ่านหนังสือเล่มนี้อยู่แล้ว อิคิ ∙ 生き แนะนำให้เว้นช่วง
⌜🚨•SPOILED ALERT⌟ ตอนท้ายไว้นะคะ เดี๋ยวจะเสียอรรถรสในการอ่านค่ะ 😊
⌜ตอนที่ 3 || P26⌟
เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยบอกเฮซึเกะในงานศพ นาโอโกะ [ ภรรยาเฮซึเกะ ] ว่า “ตอนพบร่างคนเจ็บ เราคิดว่ามีแค่ผู้หญิงนอนเจ็บคนเดียว แต่พอเข้าไปช่วย ถึงรู้ว่าใต้ร่างของผู้หญิงมีเด็กอยู่ แม่ของเด็กเอาร่างกายตนเองปกป้องลูกไว้ครับ เอาตัวเองรับเศษกระจกทั้งหมด ตัวเองจึงบาดเจ็บเลือดเต็มตัวแต่เด็กไม่มีบาดแผลใด ๆ”
⌜ตอนที่ 5 || P32⌟
นาโอโกะ [ ภรรยาเฮซึเกะในร่างลูกสาวโมนามิ ] : “ถ้านี่เป็นโรคพิเศษ กินยาหรือผ่าตัดแล้วเอาลูกกลับมาได้ ฉันจะทำโดยไม่ลังเลเลย”
เฮซึเกะ ถามนาโอโกะ : “แต่ถ้าทำอย่างนั้นแล้ว แล้วคุณล่ะ จิตวิญญาณของคุณจะเป็นอย่างไร จิตวิญญาณของคุณจะไม่หายไปหรือ”
นาโอโกะ [ ภรรยาเฮซึเกะในร่างลูกสาวโมนามิ ] : “ถึงเป็นแบบนั้นก็ไม่เป็นไร ขอเพียงลูกกลับมามีชีวิตยินดีไปที่ไหนก็ได้”
⌜ตอนที่ 17 || P115⌟
นาโอโกะ [ ภรรยาเฮซึเกะในร่างลูกสาวโมนามิ ] : “แน่นอน บางทีฉันก็ขมขื่น ถึงแม้ฉันเป็นเพียงมนุษย์ตัวน้อยนิด แต่ฉันก็พยายามดิ้นรนสู้ชีวิตเต็มที่เท่าที่ได้ ถ้าเป็นไปได้ ฉันก็อยากกลับไปมีชีวติต่อจากแบบเดิม ฉันอยากกลับไปยังช่วงเวลาที่อยู่กับคุณและโมนามิด้วยกันสามคนมากที่ แต่ว่ามันช่วยไม่ได้นี่ ฉันไม่สามารถกลับไปได้อีก ดังนั้นถ้ากลับไปไม่ได้ ฉันมีทางเลือกแค่คิดว่าจะดำเนินชีวิตในหนสองนี้อย่างไร มันทำให้ฉันคิดว่าจะทำอย่างไรดี คิดทุกวันมากมายไปหมด จนฉันได้คำถอบมาข้อหนึ่ง จะทำอย่างไรไม่ให้เสียใจภายหลังเหมือนเมื่อก่อนอีก”
😊• WOW ดีจังเลยคุณนาโอโกะมีโอกาสได้มีชีวิตรอบสอง เพื่อจะทำสิ่งที่ไม่ให้เสียใจภายหลัง
⌜ตอนที่ 17 || P116 - P117⌟
นาโอโกะ [ ภรรยาเฮซึเกะในร่างลูกสาวโมนามิ ] : “การฝากความฝันไว้ที่ลูกหลานก็เป็นวิธีหนึ่ง ฉันไม่รู้คุณเป็นอย่างไรแต่ฉันมีความฝันฝากไว้ที่ลูก แต่ไม่ได้คิดอะไรเป็นรูปธรรมประเภทอยากให้ลูกเป็นนักเปียโน หรืออยากให้ลูกเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินหรอกนะ ฉันแค่อยากให้โมนามิเป็นผู้หญิงที่เป็นตัวของตัวเองอย่างอิสระได้โดยไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น ไม่ใช่แค่การพึ่งพิงทางความคิดหรืออารมณ์นะ แต่ทางเศรษฐกิจด้วย ฉันอยากให้ลูกสามารถมีขีวิตโดยไม่ต้องพึ่งผู้ชาย เป็นผู้หญิงเข้มแข็ง นอกจากนั้นถ้าเป็นไปได้อยากให้ลูกไปถึงระดับแนวหน้าด้วย”
เฮซึเกะ : “คุณไม่พอใจการมีครอบครัวร่วมกับผมหรือ คุณเสียใจเรื่องนี้หรือ”
นาโอโกะ [ ภรรยาเฮซึเกะในร่างลูกสาวโมนามิ ] : “ฉันคิดว่าผู้หญิงที่ยืนบนขาของตัวเองได้สามารถเป็นแม่บ้านได้อยู่แล้วไม่มีปัญหา สิ่งที่ฉันไม่ชอบคือ การที่ผู้หญิงไม่อาจยืนบนขาของตัวเองได้ แล้วต้องลงเอยด้วยการทนเป็นแม่บ้านอย่างไม่มีทางเลือกต่างหาก แม้ว่าจะเบื่อสามีแค่ไหน แต่อย่าเข้าใจผิด นี่เป็นเรื่องสมมุติ มีผู้หญิงจำนวนมากที่แม้จะเบื่อสามีแต่ก็ไม่ยอมเลิก ด้วยเหตุผลแค่ว่าอยู่ด้วยตัวเองไม่ได้ ฉันไม่อยากให้ลูกเป็นแบบนั้น ไม่คิดหรือว่าการที่ต้องพึ่งผู้ชายสักคนโดยไม่มีทางเลือกจะขมขื่นมากแค่ไหน ส่วนฉันแค่โชคดีต่างหาก เพราะได้คุณเป็นสามี แต่ถ้าไม่ใช่คุณ ได้ผู้ชายแย่ ๆ จะกลายเป็นยังไง เพราะในที่สุดแล้ว ชีวิตฉันจะมีความสุขน้อยแค่ไหนต้องขึ้นอยู่กับคุณทั้งหมด”
“ฉันไม่ได้คิดว่าตัวเองมีทุกข์มากกว่าคนอื่น ๆ ฉันก็เหมือนคนทั่วไป แต่จะคิดว่าตัวเองทุกข์หรือไม่ขึ้นอยู่กับตัวคนนั้นเอง” [ 😊•เห็นด้วยกับนาโอโกะ ]
“ด้วยเหตุนี้ ฉันจึงตัดสินใจจะเป็นผู้หญิงที่ยืนบนลำแข้งตนเองให้ได้แทนโมนามิ ฉันมีโอกาสแก้ตัวในชีวิตอีกครั้ง ซึ่งคิดว่าคนอื่นไม่มี ฉันจึงไม่อยากทำลายสิ่งมหัศจรรย์นี้ให้สูญเปล่า”
👩🏻• ประโยคนี้มีความเป็น feminist นะคะเนี่ย และแสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมญี่ปุ่นอย่างชัดเจน เท่าที่สัมผัสมา เมื่อไรก็ตามที่ผู้หญิงมีลูก เมื่อนั้นต้องเป็นแม่โดยสมบูรณ์หรือเป็นแม่เต็มเวลาเท่านั้น จึงต้องพึ่งพิงสามีซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัวผู้ทำงานหาเลี้ยง ดังนั้นเชื่อว่าแม่ ๆ ชาวญี่ปุ่นต้องมีความใฝ่ฝันที่อยากทำอะไรด้วยตัวเองและพึ่งพาตนเองให้ได้เพื่อมีอิสระในการใช้ชีวิตอย่างแน่นอน
⌜ตอนที่ 18 || P129 - P130⌟
นาโอโกะ [ ภรรยาเฮซึเกะในร่างลูกสาวโมนามิ ] : “รู้แล้วล่ะ คุณพ่อสามารถรักษาความสมดุลในใจได้ ไม่พาลโกรธเกลียดใครมั่วไปหมด ไม่เหมือนฉันเที่ยวแค้นเคืองโดยไม่สมเหตุผล”
👨🏻‍💼• ประโยคนี้ถ่ายทอดว่า เฮซึเกะ เป็นชายที่มีจิตใจดี คนอื่น ๆ พากันโกรธเกลียดครอบครัวคนขับรถทัวร์ซึ่งเป็นต้นเหตุให้ผู้โดยสารเสียชีวิตจำนวนมาก แต่เฮซึเกะกลับมีความเห็นใจภรรยาและลูกสาว ของคนขับรถทัวร์ ผู้ซึ่งเสียชีวิตในอุบัติเหตุเช่นกัน
“ถ้าเป็นอย่างนั้นจะได้แค้นคนขับโดยไม่ต้องฟังเหตุผลอะไรเลย ทุกครั้งที่ฉันเศร้า เขาจะได้เป็นเป้าความแค้น คุณพ่ออาจไม่เข้าใจก็ได้ เวลาที่เรารู้สึกว่าทนต่อสภาพที่เกิดขึ้นไม่ไหว ตอนนั้นอย่างน้อยอยากมีใครให้เกลียด จะได้บรรเทาความเศร้าเสียใจลงได้บ้าง”
👩🏻• เมื่ออ่านประโยคนี้อีกครั้ง จึงได้เข้าใจแล้วว่าในตอนท้ายที่นาโอโกะในร่างลูกสาวโมนามิ แต่งงานกับฟุมิยะลูกชาย คาจิกาวะคนขับรถทัวร์ ชี้ให้เห็นว่าเธอให้อภัยคาจิกาวะผู้ที่เป็นสาเหตุในการคร่าชีวิตเธอและลูกสาวได้แล้ว
⌜ตอนที่ 19 || P134⌟
นาโอโกะ [ ภรรยาเฮซึเกะในร่างลูกสาวโมนามิ ] : “ฉันไม่อยากเข้าร่วมการกำหนดราคาชีวิตตัวเอง ไม่ว่าจะสูงแค่ไหนก็ตาม”
⌜ตอนที่ 19 || P136⌟
ผู้เขียนบรรยาย : [ เงินชดเชยก้อนใหญ่สำหรับการเสียชีวิตของภรรยา ] “เขา [ เฮซึเกะ ] กลับไม่รู้สึกถึงชัยชนะที่ได้มาเลย เพราะท้ายที่สุดมันคงเป็นแค่การตอกย้ำว่าชีวิตของบรรดาคนที่รักนั้นไม่มีวันหวนคืนมาได้”
“เฮซึเกะรู้สึกว่านี่คงกลายเป็นความทรงจำที่เสื่อมไปตามกาลเวลา เหลือแต่กระดาษตรงหน้า [ สัญญายอมรับค่าชดเชย ] เป็นบันทึกโศกนาฏกรรม”
⌜ตอนที่ 19 || P138⌟
ผู้เขียนบรรยาย : “เขา [ เฮซึเกะ ] นึกถึงคำพูดนาโอโกะที่ว่า เวลาไม่สามารถทนสภาพที่เกิดขึ้น อยากได้ใครสักคนมาเป็นเครื่องรองรับความเกลียดและความแค้น”
⌜ตอนที่ 20 || P140⌟
ห้วงความคิดของเฮซึเกะในวันที่ไปดูผลสอบเข้าโรงเรียนมัธยมชื่อดังของ นาโอโกะ [ ภรรยาเฮซึเกะในร่างลูกสาวโมนามิ ] : “หากคนที่สอบได้เป็นโมนามิตัวจริง แล้วถ้านาโอโกะที่อยู่ตรงนี้เป็นร่างของนาโอโกะเอง เธอคงร้องไห้เพราะตื้นตันดีใจแน่นอน
⌜ตอนที่ 20 || P142⌟
ผู้เขียนบรรยาย : “เขา [ เฮซึเกะ ] พลิกตัวนอนคว่ำ เอาคางวางบนหมอน เหม่อมองตรงลายเสื่อตาตามิ เสื่อเหล่านี้สมัยนาโอโกะย้ายเข้ามาเคยสีเหลืองเขียวอ่อนสดใหม่ ทุกวันนี้มันเก่าจนกลายเป็นสีน้ำตาล เวลาล่วงเลยมานานแล้ว และจากนี้ต่อไป เวลายังคงไหลเวียนไป สีน้ำตาลของเสื่อคงเข้มขึ้นเรื่อย ๆ และตัวเขาเองคงแก่ชราขึ้น”
“เขารู้สึกเหงาและอ้างว้างอย่างบอกไม่ถูก เหมือนตนเองถูกทิ้งไว้คนเดียวในอุโมงค์มืดมิดไม่เห็นปลายทาง ปราศจากนาโอโกะคนที่เคยเดินเคียงมาด้วยกัน เขาแค่ได้ยินเสียงของเธอเท่านั้น และเหมือนเธออยู่คนละภพกับเขาตรงนี้มีแต่เขาตัวคนเดียว
⏳• บรรยายและเปรียบเทียบได้ดีมาก ทำให้ผู้อ่านค่อย ๆ สัมผัสความเดียวดายในจิตใจของเฮซึเกะ เวลาชีวิตของเฮซึเกะและนาโอโกะ ค่อย ๆ เดินสวนทางกันและทำให้เขาและเธอ ค่อย ๆ ห่างกันออกไปทุกที ทุกที คิดถึงภาพยนตร์ญี่ปุ่น "Tomorrow I Will Date with Yesterday's You" เลย เล่าเรื่องการสวนทางกันของเวลาของคน 2 คน ยิ่งเวลาผ่านไปคนสองคนก็ยิ่งห่างกัน
⌜ตอนที่ 20 || P144⌟
ผู้เขียนบรรยาย : “ทันใดนั้นสีหน้านาโอโกะก็แสดงอาการอึ้ง ริมฝีปากค้าง ตาจ้องอย่างสงสัย แต่เฮซึเกะเห็นตาคู่นั้นเริ่มก่ำแดงอย่างรวดเร็ว”
“เธอพบภาพของฮาชิโมโต ทาเอะโกะ [ คุณครูประถมสาวสวยของโมนามิ ] แน่นอน เฮซึเกะสรรหาคำแก้ตัวสารพัดทันที ‘ภาพนี้ไม่รู้ถ่ายไว้เมื่อไหร่ จำไม่ค่อยได้ . . . แต่ลืมเอาไปให้เจ้าตัว ตอนอ่านหนังสือเล่มนี้ไม่มีที่คั่นใกล้ตัวเลยเอามาคั่นแทนไปก่อนเท่านั้น’”
“แต่ว่าข้ออ้างทั้งหลายไม่จำเป็นแล้ว นาโอโกะไม่ได้พูดอะไร เธอปิดหนังสือ ซบหน้าลงบนอกเขาอีกครั้ง”
“เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งนาที เธอค่อย ๆ เลื่อนตัวออกจากใต้ผ้าห่ม สีหน้ายิ้มแย้มเช่นเดิม ‘ขอโทษที่มากวนเวลานอน’”
เฮซึเกะถาม : “จะไปแล้วหรือ”
นาโอโกะตอบ : “อึ่ม ราตรีสวัสดิ์”
เฮซึเกะ : “ราตรีสวัสดิ์”
😭😭😭 • อ่านถึงตรงนี้เขียนบันทึกไว้ว่า “แง้ จะเป็นยังไงต่อไปน้าา” บอกเลยว่าคู่ชีวิตไม่สามารถโกหกกันได้ มันจะมีสัมผัสพิเศษบางอย่าง ที่รู้ว่าคนของเราแปลกไป และเวลานั้นหัวใจเรามักจะร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่ม นาโอโกะเป็นคนเข้มแข็งมากเลยจริง ๆ
⌜ตอนที่ 21 || P146⌟
เมื่อครบรอบหนึ่งปีของการจากไป เฮซึเกะและนาโอโกะ ไปที่หน้าผาจุดที่เกิดอุบัติเหตุเพื่อไว้อาลัยกับผู้วายชนม์
นาโอโกะ : “ตอนนั้นฉันคิดว่าตัวเองต้องตาแน่ แปลกตะ ฉันคิดด้วยว่าจะตายยังไง ทั้งร่างคงถูกของหลายอย่างแทง หัวจะแตกเหมือนแตงโมถูกทุบ”
“แต่ฉันกลับคิดว่าช่างมัน ขออย่าให้โมนามิมีอันเป็นไปก็พอ ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่มีหน้ามาพบคุณ เพราะรู้สึกผิด แปลกจังทั้งที่ตัวเองกำลังจะตายด้วยแท้ ๆไม่เห็นจำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้เลย แต่ฉันคงคิดว่าต้องช่วยลูกให้ได้ แม้ว่าตัวเองจะตายก็ยอม”
🤰🏻• นี่คงเป็นสัญชาตญาณของความเป็นแม่ ซึ่งในชาตินี้เราคงไม่มีวันได้รู้สึกกับใครบางคนแบบที่นาโอโกะ รู้สึกกับ โมนามิ ได้
⌜ตอนที่ 21 || P147⌟
ห้วงความคิดของเฮซึเกะ : หลังพิธีสำเร็จการศึกษา บริเวณสนามเป็นที่สำหรับทุกคนกล่าวคำอำลา โดยเฉพาะนาโอโกะถูกเพื่อนห้อมล้อมเต็มไปหมด เพราะเธอจะเข้าเรียนต่อโรงเรียนมัธยมเอกชนจึงไม่ได้พบเพื่อกลุ่มเดิมอีก เฮซึเกะเฝ้ามองอยู่อย่างห่าง ๆ บางคนขอจับมือ บางคนส่งสมุดให้เซ็น เด็กหญิงบางคนร้องไห้ นาโอโกะเอามือตบบ่าและพูดปลอบ จะว่าไปกิริยาของเธอคล้ายแม่มากกว่าเพื่อนร่วมชั้นเสียอีก
😊• เมื่ออ่านถึงตรงนี้ ภาพในจินตนาการคือ เด็กหญิงวัยประถมหก ที่มีบุคลิกเกินวัย ตบบ่าและปลอบเพื่อน สิ่งที่ทำคือ วาด (-v-) ลงไปท้ายย่อหน้า พร้อมรอยยิ้มที่ระบายอยู่บนหน้าตัวเอง
⌜ตอนที่ 21 || P148 - P149⌟
ผู้เขียนบรรยาย : “เฮซึเกะรู้ทันทีว่าคืนนั้นนาโอโกะเห็นรูปที่คั่นในหนังสือแน่นอน แม้จะไม่เคยพูดถึงมันอีกเลยก็ตาม แต่ในใจเธอคงกลัดกลุ้มมาตลอด ว่าจะยอมรับเรื่องที่เฮซึเกะหลงรักครูทาเอะโกะดีหรือไม่
เฮซึเกะ : “ตกลง งั้นเราไปด้วยกัน”
นาโอโกะ : “เอ๊ะ”
เฮซึเกะ : “ไปทักทายด้วยกัน”
นาโอโกะ : “แน่ใจหรือว่าดี”
เฮซึเกะ : “ดีสิ ไม่อย่างนั้นคงแปลกพิลึก” “ไป” เฮซึเกะพูดขึ้นพลางยื่นมือขวาให้ นาโอโกะลังเลชั่วครู่พลางกุมมือนั้น [ น่าร๊ากกก🥰 ]
ผู้เขียนบรรยาย : “เฮซึเกะจูงมือนาโอโกะมาตลอดทางพอลองนึกดู เขากับนาโอโกะไม่ได้เดินจูงมือกันมานานมากแล้ว เขารู้สึกแปลกเพราะก่อนเกิดอุบัติเหตุ เวลาเขาเดินกับโมนามิจะจูงมือกันเสมอ”
⌜ตอนที่ 22 || P155⌟
นาโอโกะกล่าวถึงอิสึมิ [ ลูกสาวของคาจิกาวะคนขับรถทัวร์และให้หลังคุณแม่เธอเสียชีวิตจึงต้องไปอาศัยอยู่กับญาติที่ไม่สนิท ] : “เด็กคนนั้นคงรู้สึกตัวเองเป็นเหมือนกาฝากสำหรับที่อยู่ใหม่ไม่ใช่หรือ เธอต้องรู้จักเกรงใจเพื่อเอาตัวรอดคงไม่กล้าแม้จะขอเติมข้าวสักครั้งในบ้านใหม่นั้น”
😔• อ่านถึงตรงนี้แล้วเข้าใจเลย การต้องไปใช้ชีวิตในบ้านที่เราไม่คุ้นเคย กับคนที่เราไม่คุ้นเคย นั้นเป็นเรื่องที่ทรมานน่าดู [ ทำให้คิดถึงชีวิตตัวเองตอนมัธยมเลย ต้องไปอยู่บ้านญาตินานเป็นปี ๆ ได้กลับบ้านตัวเองแค่เสาร์ อาทิตย์ ก่อนไปก็บอก PA MA ว่าไม่เอา แต่ด้วยความหวังดีของ PA MA มันต้องทำแบบนั้น และ หลังจากนั้นชีวิตและจิตใจของข้าพเจ้าก็ได้เปลี่ยนไปตลอดกาล ]
⌜ตอนที่ 23 || P156⌟
นาโอโกะ : “พอฝืนระเบียบได้ข้อหนึ่ง ก็คงคิดว่าไม่ทำข้อสอง ข้อสาม และข้ออื่น ๆ ก็ได้ แล้วในที่สุดก็ล้มเหลว ชีวิตของฉันเป็นแบบนั้น ฉันเลยได้ชื่อว่าเรียนหนังสือจากประถมฯถึงอนุปริญญาสิบสี่ปี แต่ไม่มีความสามารถในการยังชีพติดตัวเลย ฉันไม่อยากทำผิดซ้ำสอง ไม่อยากเสียใจทีหลังอีก ถึงตายก็ไม่เอง”
🤔• นาโอโกะมีชีวิตรอบสองให้ได้แก้ตัว แต่เราคงไม่มี ดังนั้นอย่าทำเรื่องที่ตัวเองต้องเสียใจภายหลังนะรชยา
⌜ตอนที่ 23 || P157⌟
นาโอโกะ : “โลกนี้มีสิ่งดี ๆ อยู่เยอะ เราสามารถเรียนรู้วิธีสร้างสุขได้โดยไม่ต้องใช้เงินทองมากมาย สามารถเปลี่ยนโลกทัศน์ได้ง่าย ทำไมฉันถึงไม่เคยรู้มาก่อนนะ” นาโอโกะจะพูดเช่นนี้กับเฮซึเกะด้วยแววตาเป็นประกายทุกครั้งเมื่อพบหนังสือหรือดนตรีที่ประทับใจ
=====================================
🐸• พี่เสือเป็นคนชอบเดินทาง ไปรับประสบการณ์ตรง ส่วนเค้านั้นชอบอยู่บ้านอ่านหนังสือ
เมื่อคืนเสือบอกว่า “นี่ต่าย ถ้าไม่ไปรับประสบการณ์บ้างก็จะเป็นกบในกะลานะ”
ส่วนในใจเค้านั้นอยากจะเถียงว่าเรานั้นเปิดโลกด้วยการอ่านต่างหาก เมื่อวานเลยแก้แค้นพี่เสือไปโดยการถามกลับว่า. . .
ต่ายถาม : “นี่เสือ รู้มั๊ย Bitcoin Halving คืออะไร”
เสือตอบ : “อะไร Halving ไม่รู้เรื่อง”
ต่ายโต้ : “อ้าวเสือไม่รู้หรอ อ้าวเสือก็เป็นกบในกะลาเหมือนกันนะเนี่ย”
😈• นี่คือเหตุการณ์ตัวอย่างของภาคตัวร้ายในตัวต่ายทำงาน 😆 😆😆
=====================================
⌜ตอนที่ 23 || P157 - P158⌟
นาโอโกะ : “เด็กพวกนี้เป็นครูฉัน” “ไม่ได้หมายความแค่ว่าเป็นต้นแบบในการทำตัวเป็นเด็กมัธยมฯนะ เวลาฉันอยู่กับเด็ก ๆ พวกนี้ ฉันรู้สึกเหมือนได้เปลี่ยนแปลงค่านิยมเก่า ๆ ในตัวให้ทันสมัย แล้วยังรู้สึกอีกว่าดอกตูมของประสาทรับรู้สิ่งต่าง ๆ ซึ่งแม้แต่ตัวเองก็ไม่เคยรู้ว่ามันมีอยู่ ค่อย ๆ บานออกทีละดอกคล้ายดอกไม้บาน เวลาสัมผัสเด็ก ๆ เหล่านี้ สีสันของโลกจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง”
ผู้เขียนบรรยาย : “ถึงเฮซึเกะจะรู้ความหมายของคำพูดนั้น แต่เขาไม่สามารถเข้าใจได้ เขาได้แค่เออออตามว่า “งั้นหรือ อย่างนั้นก็ดีแล้ว” เขาต้องยอมรับช่องว่าระหว่างเขากับนาโอโกะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ [ 😭😭😭 ]
“เฮซึเกะเข้าใจว่าแม้อุปนิสัยยังเป็นนาโอโกะ แต่อารมณ์และความรู้สึกกลับถูกควบคุมโดยสมองอันอ่านเยาว์ของโมนามิ เช่นเดียวกับความสามารถทางการเรียนนั่นเอง ลักษณะที่พบเห็นได้เฉพาะในหมู่วัยรุ่น หรือลักษณะที่หายไปเมื่ออายุมากขึ้น ตอนนี้ปรากฎในตัวนาโอโกะอย่างชัดเจน
“สิ่งที่สร้างปัญหาคือ นาโอโกะควบคุมการเปลี่ยนแปลงความสามารถในการรับรู้ไม่ได้ ซึ่งแน่นอนว่าเฮซึเกะตามการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ทัน สำหรับเขาแม้ภายนอกนาโอโกะจะดูเป็นโมนามิ แต่เขาคิดเสมอว่านั่นคือภรรยาของตนโดยมองจากอุปนิสัย” [ เฮ้อออออ 😤 ]
⌜ตอนที่ 23 || P160 - P161⌟
ห้วงความคิดของเฮซึเกะ : “เราเป็นสามี สามีดูภรรยาเปลือยผิดตรงไหน แม้ร่างกายจะเป็นโมนามิ แต่นั่นก็ลูกสาวของเราเหมือนกัน ผ้าอ้อมยังเคยเปลี่ยนมาแล้ว”
ผู้เขียนบรรยาย : ความโกรธแล่นไปทั่วร่างครู่หนึ่ง แต่ไม่นานนักเขาสงบสติอารมณ์ได้ เขาเริ่มเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถึงแม้ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้แต่ดูเหมือนเขาได้สะดุดเส้นไหมบางเบาที่ขึงอยู่ในใจของนาโอโกะเข้าแล้ว
[ 🤔• บางทีการปล่อยให้ความโกรธ แล่นไปในร่างกาย เปิดโอกาสให้ใจเราได้ศึกษาเรียนรู้ ดูงานอารมณ์ สิ่งนี้ก็สามารถส่งผลให้เราเกิดภาวะ “ซาโตริ” นั่นคือความยึดมั่นถือมั่นอ่อนกำลังและแปลเปลี่ยนเป็นความเข้าใจขึ้นมาแทนที่ ]
ผู้เขียนบรรยาย : เขายังไม่ได้ล้างหน้าให้สะอาด เขาตระหนักถึงความสกปรกของชายวัยกลางคนเช่นตนเอง
นาโอโกะ : “ขอโทษนะ ไม่รู้ทำไม ตัวฉันเองก็ไม่เข้าใจ ทั้งที่ฉันไม่ได้รังเกียจคุณนะ”
ผู้เขียนบรรยาย : เฮซึเกะพูดไม่ออก เขาไม่รู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นภรรยาหรือลูกสาวกันแน่ อย่างไรก็ตามเขาคิดว่าเรานี้มีทางเลือกสำหรับตนแค่ทางเดียว
นาโอโกะหันมาช้า ๆ ดวงตาแดงก่ำ แล้วพูดว่า “เราสองคนจะห่างกันไปเรื่อย ๆ แบบนี้ใช่ไหม”
[ 😭• เศร้าจังเลย ]
⌜ตอนที่ 26 || P182⌟
ผู้เขียนบรรยาย : เฮซึเกะใคร่ครวญว่าจากนี้ต่อไปจะมีชีวิตอยู่อย่างไร เป็นพ่อที่ไม่ใช่พ่อ เป็นสามีที่ไม่ใช่สามี การที่เจ้าสิ่งนั้นไม่สู้ ยังหมายถึงความเป็นผู้ชายแต่ไม่ใช่ชายด้วย หัวใจเขาสั่นคลอนด้วยความสมเพชตนเอง
[ 😭• แง้ ๆ ๆ ๆ ]
⌜ตอนที่ 26 || P184 ⌟
นาโอโกะ : “เพราะฉันพยายามไตร่ตรองมาตลอดว่าตัวเองอยากเป็นอะไรกันแน่แต่หาคำตอบไม่ได้ เลยลองเปลี่ยนมานึกดูว่าสนใจอะไรอยู่บ้าง กลับรู้คำตอบทันที ฉันอยากรู้เกี่ยวกับร่างกายของตนเอง สนใจว่าทำไมถึงเกิดปาฏิหาริย์แบบนี้ขึ้นกับตัวเอง การมีชีวิตหมายถึงอะไร เลือดเนื้อจิตวิญญาณคืออะไร ฉันอยากรู้สิ่งเหล่านั้นเป็นอย่างไร เลยคิดว่าถ้าได้เรียนหมอแล้วคงหาคำตอบได้”
[ 🤔• เป็นอีกเทคนิดในการค้นหาอาชีพที่ดีนะ แทนที่จะคิดว่าอยากเป็นอะไร ลองคิดดูว่าเราสนใจเรื่องอะไรแทน ]
⌜ตอนที่ 26 || P186 ⌟
ผู้เขียนบรรยาย : สิ่งบันเทิงอย่างเดียวของนาโอโกะคือดนตรี เธอบอกว่าฟังวงเซปปลินเพราะทำให้แก้โจทย์เลขได้ดี ส่วนภาษาอังกฤษต้องฟังโมซาร์ท สังคมต้องฟังวลคาสิโอเปีย ภาษาญี่ปุ่นต้องฟังวงควีน และวิทยาศาสตร์ต้องฟังเพลงของมัตสึโทยะ ยูมิดีที่สุด ด้วยเหตุนี้เฮซึเกะจึงรู้ได้ว่า เธอกำลังดูหนังสือวิชาอะไรอยู่ จากเสียงดนตรีที่ลอดออกมาจากห้องของเธอ
นาโอโกะเลือกทางลำบากทั้งที่มีทางสบาย สละเวลาแห่งความสนุกสนานมาดูหนังสือแทน ความมานะและพยายามดังกล่างย่อมส่งผลแน่นอน
[ 👍🏻• เก๋อ่ะเลือกดนตรีให้เข้ากับหนังสือที่กำลังอ่าน ]
⌜ตอนที่ 28 || P193 ⌟
ผู้เขียนบรรยาย : ทั้งที่เข้าใจ เฮซึเกะยังอดกล่าวโทษเธอไม่ได้ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นนะ ขณะเดียวกันเขาก็โกรธแค้นตนเองว่าไม่สามารถรักเธอได้ทั้งร่างกายและจิตใจ
เฮซึเกะไม่ได้โกรธ ทว่าเศร้าเมื่อรู้ว่าเขากับเธอกำลังเกิดช่องว่างซึ่งไม่อาจถมให้เต็บเพื่อก้าวผ่านไปในอนาคตได้ และเขารู้ว่าเธอเองก็คิดเช่นกัน จากความรู้สึกที่ถ่ายทอดมาจากร่างกายของเธอ ช่างน่าเสียใจเหลือเกิน ที่การสื่อกันได้โดยไม่ต้องพูดจาซึ่งเป็นความรู้สึกเฉพาะของสามีภรรยากลับเกิดขึ้นในตอนนี้
⌜ตอนที่ 37 || P257 ⌟
เนะงิชิ โนริโกะ [ ภรรยาเก่าคาจิกาวะคนขับรถทัวร์ที่เป็น ต้นเหตุของอุบัติเหตุ ] กำลังกล่าวถึงการที่คาจิกาวะรับว่าฟุมิยะเป็นลูก ทั้ง ๆ ที่ฟุมิยะเป็นลูกแฟนเก่าโนริโกะ : “เขาบอกว่า ‘เลือกระหว่างการให้รู้ว่าผมไม่ใช่พ่อแท้ ๆ กับทำให้เขาเข้าใจต่อไปว่าผมคือพ่อที่แท้จริง อย่างไหนจะทำให้ฟุมิยะมีความสุขมากกว่ากัน’ ดิฉันใคร่ครวญดูแล้วบอกเขาว่า ‘แน่นอนมีคุณเป็นพ่อย่อมดีกว่า’ เขาเลยพูดต่อว่า ‘ใช่ไหม ผมเองก็คิดอย่างนั้น ผมจึงตัดสินใจเป็นพ่อของเขาตลอดไป เวลาลูกลำบาก คนเป็นพ่อก็ต้องยื่นมือเข้าช่วย สมัยก่อนตอนรู้ว่าฟูมิยะไม่ใช่ลูกในไส้ ผมเอาแต่กลุ้มใจคิดว่าตัวเองจะทำใจเป็นพ่อได้หรือไม่ ไม่เคยคิดเลยว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดที่ทำให้กับคนที่ตัวเองรักได้ ผมรักฟุมิยะขนาดนั้น แต่กลับคิดโง่’ สามีพูดอย่างนั้นค่ะ คิดฉันได้ยินเสียงเขาร้องไห้จากโทรศัพท์”
[🤔•บางครั้งการมีเป้าหมายในการทำเพื่อคนอื่น ก็ทำให้เราหลุดพ้นจากความเคียดแค้น โศกเศร้า มองเหตุการณ์ตามความเป็นจริง ที่สำคัญเป็นพลังให้ก้าวต่อไปด้วยนะ ]
⌜ตอนที่ 38 || P259 ⌟
เฮซึเกะ นึกถึงคำพูดของ เนะงิชิ โนริโกะ ที่เล่าถึงคาจิกาวะ ยุกิฮิโระ ‘การเลือกหนทางที่ทำให้คนที่ตนรักมีความสุข’
ห้วงความคิดของเฮซึเกะ : “เราก็รู้อยู่แล้วว่าตัวเองควรทำอย่างไร”
ผู้เขียนบรรยาย : “ไม่จำเป็นต้องมีใครมาบอกคำตอบให้ สิ่งที่ตัวเองทำ. . .เขารู้อยู่แล้วและรู้มานานหลายปีแล้วด้วย”
[ 😭• อ่านถึงตรงนี้สิ่งที่นาโอโกะทำจริง ๆ แล้วก็คือการเลือกหนทางที่ทำให้คนที่ตนรักมีความสุขเช่นเดียวกัน ทั้งการใช้ชีวิตเพื่อโมนามิลูกสาว และทางเลือกตอนท้ายที่นาโอโกะเลือกเพื่อเธอและเฮซึเกะจะได้มีความสุข ]
⌜ตอนที่ 38 || P262 ⌟
ผู้เขียนบรรยาย : “หลังจากกินเสร็จเขาอาบน้ำ และใช้เวลาอ่านหนังสือพิมพ์กับดูโทรทัศน์ เฮซึเกะสัมผัสถึงความสงบใจจิตใจตัวเองได้อย่างประหลาด เขารู้สึกถึงความผ่อนคลายของไหล่ทั้งสองข้าง”
⌜ตอนที่ 39 || P267 ⌟
เฮซึเกะพูดกับโมนามิ [ ลูกสาว ] : “ระหว่างที่โมนามิกำลังหลัยอยู่นั้น มีเรื่องเหลือเชื่อเกิดขึ้น วิญญาณของคุณแม่ซึ่งควรล่วงลับไปแล้ว กลับมาอยู่ในร่างของโมนามิ และใช้ชีวิตเป็นโมนามิแทนตัวโมนามิเอง”
“คุณแม่มีชีวิตแทนโมนามิให้ไงล่ะ คุณแม่ขยันเรียนมาก ๆ สอบเข้าโรงเรียนดี ๆ ได้เข้าชมรมเทนนิส คุณแม่ใช้ชีวิตวัยรุ่นอย่างคุ้มค่าโดยไม่ต้องเสียใจภายหลังไว้ให้หนู”
[ KEYWORD : “คุณแม่ใช้ชีวิตวัยรุ่นอย่างคุ้มค่าโดยไม่ต้องเสียใจภายหลังไว้ให้หนู” ]
⌜ตอนที่ 40 || P272 - 273⌟
เฮซึเกะอ่านข้อความบนกระดาษที่นาโอโกะเขียนให้โมนามิ : “หนังสือชั้นล่างสุด สมุดเล่มขวา อ่านคนเดียวนะ”
เฮซึเกะพูดกับโมนามิ : “คุณแม่บอกว่าเมื่อมีชีวิตอยู่เป็นโมนามิ ต้องทำให้ดีที่สุด”
[ 🥰• บางครั้งการมีชีวิตอยู่เพื่อใครสักคน ก็เป็นแรงบันดาลใจที่ดีในการใช้ชีวิตนะ ]
⌜ตอนที่ 41 || P276 - P277⌟
เฮซึเกะ : “ว่าไปสมุดจดแลกเปลี่ยนเล่มนั้นเหมือนสมองส่วนหนึ่งของทั้งนาโอโกะกับโมนามิเลยทีเดียว”
นาโอโกะ : “อาการคอร์ซาคอฟ เป็นสภาพความจำเสื่อมลงถึงขีดสุด ลืมแม้แต่เรื่องเพิ่งเกิด คนเหล่านี้จึงต้องพึ่งพาการจดบันทึก เพื่อให้สามารถมีชีวิตอยู่อย่างปกติได้ ไม่ว่าจะเรื่องการกระทำของตัวเอง เรื่องที่พบเห็นหรือรับฟัง รายละเอียดเศษเสี้ยวทุกอย่างต้องจดไว้หมด แล้วเวลาจะทำอะไรต้องดูบันทึกที่จดไว้ตลอด”
[ 😆• อ่านตรงนี้แล้วคิดถึงตัวเองเลย ]
ผู้เขียนบรรยาย : ระยะเวลาที่โมนามิตื่นเริ่มนานขึ้นเรื่อย ๆ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือช่วงที่นาโอโกะตื่นอยู่หดสั้นลงเรื่อย ๆ นั่นเอง ระยะหลังมานี้เมื่อโมนามิตื่น เธอมักจะอยู่นานหลายชั่วโมง ทำให้เขามีเวลาได้อยู่กับเธอฉันพ่อลูกอย่างแท้จริ เฮซึเกะดีใจแน่นอน แต่เขาก็รู้สึงตัวว่ากำลังจะสูญเสียบางสิ่งไปจากชีวิตอีกแล้วเช่นกัน เขาไม่อยากสูญเสีย แต่นั่นเป็นความต้องการของเขาฝ่ายเดียว”
[ 🤔• อ่านถึงตรงนี้แล้ว รู้สึกนาโอโกะสร้างสรรค์มาก ค่อย ๆ fade ตัวเองออกไปและเพิ่มเวลาให้เฮซึเกะได้อยู่กับโมนามินานขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป เป็นการจากลากันแบบละมุมละม่อมจริง ๆ ]
⌜ตอนที่ 42 || P281⌟
ผู้เขียนบรรยาย : “เฮซึเกะอยากสอนชายคนเมื่อครู่ว่า ‘ความโศกเศร้าไม่ใช่สิ่งที่เห็นด้วยตาเท่านั้น’ ภายในดวงตาของเฮซึเกะ ภาพตุ๊กตาสั่นไหวไปมาใสรถเบนซ์นั้นยังประทับอยู่”
⌜ตอนที่ 44 || P290⌟
เฮซึเกะพูดถึงความมุ่งมั่นของ นาโอโกะที่มีต่อโมนามิให้ฟุมิยะ [ ลูกชายคาจิกาวะ ยุกิฮิโระ ] ฟัง : “แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นหมอก็ได้ ความฝันของเขาคือต้องการให้ลูกทำอะไรก็ได้ที่ไม่ต้องมาเสียใจภายหลัง”
⌜ตอนที่ 45 || P295⌟
นาโอโกะในร่างโมนามิ : “ไม่ว่าเรื่องอะไรต้องมีวันจบ ความจริงควรจะจบไปตั้งแต่อุบัติเหตุวันนั้น แต่ก็ยังหน่วงเหนี่ยวมาได้จนถึงวันนี้”
เฮซึเกะ : “อยู่อีกสักระยะหนึ่งไม่ได้เลยหรือ”
นาโอโกะในร่างโมนามิ : “ไม่ได้หรอก” เธอหัวเราะน้อย ๆ “ไม่รู้จะพูดว่าอย่างไรดี บอกได้แต่ว่าที่ฉันรู้เพราะเป็นเรื่องของตัวเอง หมดเวลาแล้วสำหรับนาโอโกะ”
เฮซึเกะ : “นาโอโกะ. . .” เฮซึเกะบีบมือข้างขวาของเธอ
นาโอโกะในร่างโมนามิ : “เฮจัง” เธอเรียกชื่อเขา “ขอบคุณ ลาก่อน อย่าลืมฉันนะ”
[ 😭• แง้ แง้ แง้ นาโอโกะเป็นคนที่เข้มแข็งมากเลย ถ้าไม่เข้มแข็งทำแบบนี้ไม่ได้แน่นอน ]
••••••••••••••••••••••••••••••••••
⌜ตอนที่ 46 || P297⌟
ผู้เขียนบรรยาย : “ทั้งห้องกลับสู่ความมืดมิด เหลือเฮซึเกะอยู่ตามลำพัง เขานั่งเหม่อลอยเล็กน้อย แล้วค่อย ๆ ลุกขึ้นเพื่อหยิบชุดพิธีที่แขวนอยู่มาใส่ เวลาตั้งแต่กำหนดวันแต่งจนถึงพิธีจริงวันนี้ช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่มีเวลาให้เศร้าเท่าไหร่ แต่เขาคิดว่าบางทีชีวิตคงเป็นเช่นนี้ เวลาสูญเสียอะไร รู้สึกว่าทุกอย่างช่างผ่านไปในชั่วพริบตา”
[ 🤔• เวลาสูญเสียอะไร เวลาจะผ่านไปในชั่วพริบตา อย่ารอให้สูญเสียเลยเนอะเพราะเราจะทำอะไรไม่ทันแล้ว ]
โมนามิ : “ท้ายที่สุดหนูคิดว่าน่าจะเป็นอาการอย่างหนึ่งของโรคคนเดียวสองบุคลิกภาพ ความช็อกจากอุบัติเหตุทำให้เกิดบุคลิกอีกคนหนึ่งขึ้นในตัวหนู และเชื่อมั่นว่าเป็นแม่ของตนเอง ตัวอย่างคือเรื่องร่างทรงในอดีต ส่วนใหญ่อธิบายได้แบบนี้เช่นกัน อย่างเรื่องที่ว่าล่วงรู้ถึงความลับเฉพาะบุคคล เรื่องที่เมื่อก่อนทำไม่ได้แต่ตอนนี้กลับทำได้ ส่วนใหญ่ก็เกิดจากเจ้าตัวบอกเองจึงทำให้เชื่อได้ยาก อาจเป็นเพราะตอนเล็ก ๆ หนูอยู่กับคุณแม่ตลอด การจะทำตัวเหมือนเป็นคุณแม่ย่อมทำได้ไม่ยาก พอเวลาผ่านไปภาวะทางจิตใจเป็นผู้ใหญ่ขึ้น บุคลิกเดิมจึงเริ่มปรากฏออกมาทำให้อีกฝ่ายหนึ่งต้องหายไป”
ผู้เขียนบรรยาย : “เฮซึเกะยืนยันได้อย่างเด็ดขาดว่า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากอาการคนเดียวสองบุคลิกภาพ ตลอดระยะเวลาห้าปีที่อยู่ด้วยกัน ทำให้เขาสามารถแยกแยะได้ว่าเป็นนาโอโกะตัวจริงหรือไม่”
“เฮซึเกะคิดว่า ท้ายที่สุดนาโอโกะก็มีชีวิตอยู่เพียงภายในหัวใจของตัวเขาเองเท่านั้น”
[ 🤔• จริงนะขนาดเราคนอ่านยังบอกได้เลยว่าไม่ใช่อาการคนเดียวสองบุคลิกภาพแน่นอน หลาย ๆ เรื่องที่นาโอโกะคิด พูด ทำ ไม่ทีทางที่จะเป็นโมนามิได้ และเรื่องบางเรื่องก็มีแค่สามีและภรรยาเท่านั้นที่รู้ ]
⌜ตอนที่ 46 || P299⌟
เฮซึเกะ : “ใช่เพราะลูกชายเจ้าของนาฬิกาเรือนนี้คือเจ้าบ่าวของโมนามิ”
คนซ่อมนาฬิกา : “ใช่ โมนามิเอาแหวนวงนั้นมาที่นี่ แล้วบอกว่าให้หลอมแหวนเพื่อใช้ทำแหวนเจ้าสาววงใหม่ เพราะเป็นแหวนที่ระลึกของคุณแม่”
⌜ตอนที่ 46 || P300⌟
⌜🚨•SPOILED ALERT⌟
ห้วงความคิดของเฮซึเกะ : “แหวงวงนั้นควรอยู่ในตุ๊กตาหมีเท็ดดี้ นาโอโกะเป็นคนใส่ลงไป ทำไมโมนามิถึงเอาออกมา ไม่ใช่สิ เธอเอาออกมาได้อย่างไร ไม่มีทางที่โมนามิจะรู้ว่ามีแหวานอยู่ข้างในนั้น เพราะนั่นเป็นความลับระหว่างเขากับนาโอโกะ หรือนาโอโกะจะบอกโมนามิผ่านสมุดจด แต่กระนั้นก็ตามจำเป็นอะไรที่ต้องหลอมแหวนวงนั้นเพื่อทำใหม่ ทำไมต้องปิดบังด้วย”
“เขาสัมผัสแหวนซึ่งตนเองสวมอยู่ หัวใจร้อนผ่าว”
“นาโอโกะ เธอไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่กล้วทำเป็นหายไปเท่านั้นหรือ”
“เฮซึเกะนึกถึงครั้งแรกที่โมนามิกลับมา ก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน เฮซึเกะตัดสินใจจะปฏิบัติต่อเธอเหมือนโมนามิ ในฐานะพ่อ การเรียก ‘โมนามิ’ เป็นการแสดงจุดมุ่งมั่นนั้น”
“นาโอโกะจะรับรู้ความรู้สึกนั้นอย่างไรกัน เมื่อทราบว่าสามีตัดสินใจแล้วตนเองก็ควรตัดสินใจเช่นกันไม่ใช่หรือ”
“แกล้งทำเป็นโมนามิได้ย้อนกลับมา และแสดงเป็นโมนามิอย่างสมบูรณ์แบบ”
“แต่ทว่าจะรีบร้อนคงไม่ได้ ดังนั้นจึงเลือกหนทางค่อย ๆ ทำเป็นว่านาโอโกะหายไป”
“เธอเล่นละครมาตลอดเก้าปีเต็ม และตั้งใจว่าจะสวมบทบาทนั้นไปจนวันตาย”
“เขานึกถึงวันที่ไปสวยยามะชิตะ วันนั้นไม่ใช่วันที่นาโอโกะหายไป หากน่าจะเป็นวันที่เธอตัดสินใจทิ้งความเป็นนาโอโกะสิ้นเชิง หลังจากตื่นขึ้นมาเป็นโมนามิร้องไห้เสียงดัง นั่นน่าจะเป็นน้ำตาแห่งความโศกเศร้าที่ต้องสูญเสียความเป็นตนเองไปมากกว่า”
“นาโอโกะ เธอยังคงมีชีวิตอยู่หรือ”
⌜ตอนที่ 46 || P301⌟
⌜🚨•SPOILED ALERT⌟
ห้วงความคิดของเฮซึเกะ : “เฮซึเกะคิดถึงบรรยากาศเมื่อ 30 ปีก่อน นาโอโกะสวยมากในชุดเจ้าสาว”
ผู้เขียนบรรยาย : “เจ้าหน้าที่ช่วยแต่งตัวออกไปข้างนอกหมดแล้ว เหลือแต่เฮซึเกะกับโมนามิตามลำพัง ทั้งสองจ้องตากัน”
“นาโอโกะในวินาทีนั้นเฮซึเกะรู้แจ้ง. . .
ไม่ว่าจะพูดอะไรคงเปล่าประโยชน์ ถามไปคงไร้ความหมาย เธอไม่มีทางยอมรับว่าตัวเองเป็นนาโอโกะอย่างแน่นอน และตราบที่เธอไม่พูดออกมา เธอก็คือโมนามิ ซึ่งสำหรับเฮซึเกะแล้วนั่นคือลูกสาวไม่ใช่ใครอื่น”
โมนามิ : “คุณพ่อ ขอบคุณค่ะที่ช่วยดูแลหนูมานาน นานมากจริง ๆ” เสียงนั้นสะอื้นพร้อมน้ำตา
ผู้เขียนบรรยาย : เฮซึเกะพยักหน้า เป็นการพยักหน้ารับรองว่าความลับนั้นจะเป็นความลับตราบชั่วนิรันดร์
[ 😭• แง้ แง้ แง้ อ่านจบแล้วไม่เศร้าโวยวาย แต่เศร้าลึก ๆ อ่ะ ]
#หนังสือคือชีวิต

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา