18 ต.ค. 2021 เวลา 23:53 • หนังสือ
🗓• 20210905
📝• บันทึกการอ่าน บทที่ 12 การแสดงออกซึ่งความเมตตา
🪄• INTO THE MAGIC SHOP
✍🏻• ดร.เจมส์ อาร์. โดตี เขียน
⌜P197⌟
จิมบรรยาย : ผมชอบดูโอเปร่าและมักต้องหลั่งน้ำตาแม้ไม่เข้าใจคำพูดสักคำ การปล่อยความรู้สึกอย่างเข้มข้นห้าวหาญที่ก้าวข้ามขีดจำกัดของภาษา โอเปร่าไม่ใช่สิ่งที่จะคิดพิจารณาหรือสำรวจได้ด้วยหัวสมอง แต่รู้สึกได้ด้วยหัวใจเท่านั้น ศัลยแพทย์หลายคนเปิดดนตรีระหว่างผ่าตัดเพื่อให้ผู้ป่วยสงบสบาย หรือไม่ก็เพื่อให้ทีมผ่าตัดมีสมาธิและมีพลัง ดนตรีส่งผลเช่นเดียวกับยาที่ลดอัตราการเต้นของหัวใจ ลดความเครียด และลดความดันโลหิต ให้ผลด้านความสงบทั้งกับผู้ป่วยและศัลยแพทย์เอง
เพลงที่ผมไม่เคยเปิดระหว่างผ่าตัดเลยคือโอเปร่า เพราะขณะผ่าตัดผมจะเป็นเหมือนเครื่องจักร ผู้ป่วยอาจต้องการความเห็นใจและการเชื่อมโยงทางอารมณ์ก่อนผ่าตัด แต่ระหว่างการผ่าตัด พวกเขาต้องการทักษะ ความสามารถทางเทคนิค พวกเขาไม่ต้องการให้ผมร้องไห้ใส่พวกเขาบนเตียงผ่าตัด พวกเขาต้องการให้ผมห่วงใย แต่คงไม่ต้องการที่จะให้ความห่วงใยนั้นขัดขวางการช่วยชีวิตพวกเขา
⌜P198⌟
จิมบรรยาย : ไม่ว่าผมจะเป็นหมอที่ยอดเยี่ยมเพียงใด เธอ [ จูนผู้ป่วยที่เป็นนักแสดงโอเปร่า ] จะไม่ยอมเลิกทำสิ่งที่เธอรักสองอย่างคือการร้องเพลงและพาสต้า ต่อให้ผมสั่งให้เลิกทำทั้งสองอย่างเพื่อรักษาชีวิตเธอไว้
โอเปร่าเป็นทั้งอาชีพและสิ่งที่เธอรัก
จูน : “ฟังดูบ้านะ แต่ฉันชอบมากเวลาที่ฉันร้องเพลงแล้วคนร้องไห้ นั่นเป็นนาทีที่ฉันรู้ว่าฉันเข้าถึงพวกเขา เป็นช่วงที่ฉันรู้ว่าเราเชื่อมต่อกัน”
จูน : “ไม่ว่าฉันจะเป็นอะไร ฉันจะไม่ยอมทำอะไรที่ส่งผลต่อเสียงหรือความสามารถในการร้องเพลง เพราะมันเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ฉันมี”
จิมบรรยาย : ผมต้องแจ้งข่าวร้ายนี้ให้เธอทราบ
⌜P199⌟
จิมบรรยาย : ผมรู้ว่านี่เป็นเรื่องด่วน แต่ผมก็รู้ว่าเธอต้องการให้เราอธิบายถึงกระบวนการที่ละเอียดอ่อนนี้อย่างช้า ๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก [ WHAT HOW WHY ] แย่หน่อยที่ประสาทศัลยแพทย์บางคนอธิบายอาการที่ร้ายแรงที่สุดอย่างทื่อ ๆ ตรงไปตรงมาด้วยข้อเท็จจริง บอกวิธีการรักษาและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่ได้เข้าใจเลยว่า แม้นี่จะเป็นงานปกติประจำวันของแพทย์อย่างเรา แต่การรักษานั้นมักจะเป็นเรื่องใหญ่มากในชีวิตของผู้ป่วยและครอบครัวของพวกเขา [ งานวางแผนการเงินก็เช่นกัน ] จูนเจอสิ่งนี้จากประสาทศัลยแพทย์อีกสองคนที่เธอไปพบเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม เธอจึงกลับมาด้วยความหวาดกลัว ด้วยความรู้สึกเหมือนตนเองไม่ใช่คน แต่เป็นโรค
เธอต้องการเวลาสำหรับเรื่องนี้ และที่สำคัญ ผมพยายามให้เวลาเธอเท่าที่สภาพร่างกายของเธอจะรอไหว การใช้เวลากับผู้ป่วยเป็นส่วนหนึ่งของการแพทย์ [ การใช้เวลากับลูกค้าก็เป็นส่วนหนึ่งของนักวางแผนการเงินเช่นกัน ] สุดท้ายแล้วพวกเราอยู่กับคนจริง ๆ ที่มีความกังวลและความกลัวจริง ๆ ผู้ป่วยไม่ใช่เครื่องจักรที่ทำงานผิดปกติ และศัลยแพทย์ก็ไม่ใช่ช่างเครื่อง
มิตรภาพได้ก่อเกิดขึ้นระหว่างเรา จนกระทั่งเธอบอกว่าผมเป็นคนเดียวที่เธอไว้ใจให้ผ่าตัดให้ การที่คนไข้มั่นใจในความสามารถของคุณนั้นเป็นเรื่องวิเศษ แต่มันต่างไปถ้าเขาหรือเธอเป็นเพื่อนด้วย วันก่อนผ่าตัด จูนอัดเสียงร้องเพลงที่ชอบให้ผม คืนนั้นผมก็นั่งหลับตาฟังเพลงของเธอ
เช้าวันผ่าตัด ผมเลือกเพลงคลาสสิกร็อกสมัยผมเป็นเด็ก จูนยิ้มให้ผมอย่างอบอุ่นจากที่นอนบนรถที่กำลังถูกเข็นเข้าห้องผ่าตัด
⌜P200⌟
จิมบรรยาย : ผมรู้ว่าลักษณะภายนอกนั้นสำคัญกับเธอมาก จึงตัดผมออกให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
ถ้าหลอดเลือดโป่งพองนี้แตกออก เธอจะเป็นโรคหลอดเลือดสมอง พูดไม่ได้ หรือ อาจเสียชีวิต
มันอาจจะแตกได้ทันทีตอนไหนก็ได้ ถ้าผมพลาดมันจะแตก ความผิดพลาดของผมจะพรากสิ่งที่มีความหมายที่สุดสำหรับจูน คือการร้องเพลงไป
[ อิคิ ∙ 生き ] ส่ิงที่ชอบมากสำหรับหนังสือเล่มนี้คือ การบรรยายการผ่าตัดของคุณหมอโดตีได้อย่างละเอียดเห็นภาพ สามารถเข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกของแพทย์ระหว่างผ่าตัด การส่งมอบความเมตตาและความปรารถนาดีให้ผู้ป่วยบนเตียง สัมผัสได้ถึงความละเมียดด้านความรู้สึกในขณะลงมือปฏิบัติหน้าที่
⌜P201⌟
จิมบรรยาย : ทันใดนั้นผมเห็นหน้าของเธอขึ้นในหัวและคิดถึงเสียงร้องเพลงของเธอ ผมได้ยินทำนองของเพลง จากนั้นก็คิดถึงภาพที่เธอเป็นอัมพาด พูด หรือร้องเพลงไม่ได้ มือที่จับตัวหนีบไว้เริ่มสั่น ไม่ใช่สั่นเบา ๆ แต่สั่นอย่างรุนแรง ผมทำต่อไม่ได้
เป็นเรื่องอันตรายมากสำหรับศัลยแพทย์ที่จะคิดถึงความเป็นมนุษย์ของผู้ป่วยระหว่างผ่าตัด งานนี้ต้องเป็นเรื่องทางเทคนิคล้วน ๆ คุณจำเป็นต้องมองคนเหมือนว่าเขาเป็นวัตถุชิ้นหนึ่ง หากคิดว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเพื่อนมนุษย์คนนี้ คุณจะผ่าตัดต่อไม่ได้ นี่มันใกล้ชิดอารมณ์ของผมมากเกินไป ผมกลัว และไม่เคยเกิดอาการแบบนี้กับผมมาก่อน
มือของผมสั่นมากจนต้องหยุดแล้วนั่งพัก ผมหลับตาและกำหนดลมหายใจ หายใจเข้าและหายใจออกช้า ๆ จนกระทั่งผมเว้นระยะห่างจากความคิดของผมได้ โดยรู้ว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะกลัว มีเวลาสำหรับการเปิดหัวใจ และมีเวลาสำหรับการกลับมาเชื่อในทักษะและความสามารถในฐานะศัลยแพทย์ของผม ความสามารถในทางเทคนิคล้วน ๆ นี่เป็นหัตถการที่ผมทำมาแล้วหลายครั้ง เป็นหัตถการที่ผมช่ำชองอย่างมากด้วย ความกลัวไปจากผมแล้ว ผมกลับเข้าสู่สภาพสงบตั้งมั่น ผมเห็นภาพในจิตว่าตัวหนีบนั้นเข้าไปยังที่ของมันและหลอดเลือดโป่งนั้นฝ่อยุบลง [ จากนั้นจิมลงมือผ่าตัดต่อ ] แล้วค่อย ๆ หนีบตัวหนีบ จากนั้นก็แทงเข็มเข้าไปในก้อนนูนนั้นเพื่อดูดเอาเลือดออกมา มันไม่โป่งกลับขึ้นมาใหม่ สัตว์ร้ายตายลงแล้วและไม่ก่ออันตรายอีก เธอจะกลับมาร้องเพลงได้อีก เมื่อเย็บแผลสุดท้ายเสร็จ ผมก็ได้ยินเพลงเดิมเล่นซ้ำ “Love is All You Need, Love is All You Need”
[ อิคิ ∙ 生き ] ชอบตอนนี้นะ บรรยายให้เข้าถึงอารมณ์ความคิดคุณหมอเลย
⌜P202⌟
จิมบรรยาย : ผมนั่งลงอย่างหมดแรงและหลับตาหลายนาทีก่อนจะเขียนสั่งการรักษาต่อ ผมคิดถึงเธอและคิดถึงมือที่สั่น ทันใดนั้นผมก็ได้ยินเสียงเธอ “หมอโดตีอยู่ไหน ฉันอยากคุยกับเขา ฉันอยากคุยกับเขาตอนนี้เลยค่ะ”
ผมเดินไปหาเธอและจับมือ “จูน เป็นยังไงบ้าง”
เธอมองลึกเข้าไปในตาผมและเห็นในสิ่งที่อยากเห็น “ดีค่ะ ดี ขอบคุณ” จากนั้นเธอเอื้อมแขนเพื่อกอดผมและเริ่มร้องไห้เมื่อรู้ว่าเธอปลอดภัยแล้ว
เราทุกคนมีพรสวรรค์และความสามารถที่จะเชื่อมโยงถึงผู้อื่น ไม่ว่าจะผ่านดนตรี ศิลปะ บทกวี หรือเพียงการฟังซึ่งกันและกัน มีวิธีการหลายล้านวิธีที่หัวใจจะพูดคุยกัน และนี่เป็นวิธีที่จูนสื่อสารกับผม
ผมดีใจที่เธอยังสามารถแบ่งปันพรสวรรค์ให้กับโลก และความซาบซึ้งนั้นทำให้น้ำตายิ่งเอ่อล้น ผมร้องเพลงโอเปร่าไม่เป็น แต่ผมรู้ว่ามันมีความหมายสำหรับจูนเพียงใด ผมอยากกลับบ้าน อยากกอดคนที่ผมรัก และผมรู้สึกขอบคุณ ขอบคุณที่ผมได้ช่วยเธอ ขอบคุณที่ผมได้เป็นหมอ
⌜P203⌟
จิมบรรยาย : การใช้ชีวิตอยู่ด้วยหัวใจที่เปิดออกอาจจะเจ็บปวด แต่คงไม่มากเท่ากับการใช้ชีวิตด้วยหัวใจที่ปิดอยู่ ผมยังมีปัญหากับการประสานกันระหว่างส่วนหนึ่งในตัวผมที่อยากเป็นศัลยแพทย์ กับอีกส่วนหนึ่งซึ่งกระหายจะเชื่อมโยงกับผู้อื่น
ผมอยากกลับไปถามเธอ [ รูธ ] ว่าอะไรทำให้เธอเข้าหาผมขณะที่หลายคนคงไม่ทำเช่นนี้ เธอไม่ได้ร่ำรวย และเธอก็ใช่ว่าจะไม่มีปัญหาส่วนตัว แต่หัวใจของเธอเปิด เธอเห็นคนที่กำลังต้องการความช่วยเหลือและลงมือทำบางอย่างเพื่อช่วยเหลือ เรื่องนี้ทำให้ผมสงสัยว่าเป็นไปได้อย่างไรที่คนที่มีมากมายกลับช่วยเหลือคนที่มีปัญหาได้เพียงน้อยนิด ในขณะที่คนที่ไม่มี [ ในแง่วัตถุทรัพย์สิน ] บางคนยังมอบทุกอย่างที่มีให้กับคนที่ด้อยกว่าได้ ทำไมบางคนเช่นรูธถึงเลือกลุกขึ้นช่วยเหลือคนอื่น และทำไมบางคนถึงหันหลังให้คนที่กำลังเป็นทุกข์
สิ่งที่ผมได้เรียนรู้คือเมตตานั้นเป็นสัญชาตญาณ เป็นสิ่งที่เรามีมาโดยกำเนิด พวกเราที่เป็นมนุษย์ทุกคนมีสัญชาตญาณแห่งความเมตตารุนแรงยิ่งกว่า [ สัตว์หลาย ๆ ประเภท ] สมองของพวกเราพัฒนามาพร้อมกับความต้องการที่จะช่วยเหลือกันและกัน
⌜P204⌟
จิมบรรยาย : เราถูกสร้างมาเพื่อดูแลและช่วยเหลือผู้อื่นที่ต้องการในทำนองเดียวกันเมื่อเราหยิบยื่นให้คนอื่น สมองส่วนนี้จะกระตุ้นศูนย์ความพึงพอใจและการให้รางวัลในสมอง ยิ่งกว่าเวลาที่เราเป็นผู้รับเสียอีกและเมื่อเราเห็นคนทำสิ่งที่เอื้ออารีหรือช่วยเหลือผู้อื่น ผลคือเราจะยิ่งแสดงความเมตตากรุณามากขึ้น
การอยู่รอดของผู้ที่จิตใจดีที่สุดและให้ความร่วมมือมากที่สุดต่างหากที่จะการันตีความอยู่รอดของสิ่งมีชีวิตชนิดนั้น ๆ ในระยะยาว เรามีวิวัฒนาการมาเพื่อทำงานร่วมกัน เพื่อเลี้ยงดูคนรุ่นหลังที่ต้องการการพึ่งพิงและอยู่รอดไปด้วยกันเพื่อประโยชน์ของทั้งกลุ่ม
ไม่ใช่เรื่องน่าอายที่จะห่วงใยหรือรู้สึกถึงความเจ็บปวดของคนอื่น มันเป็นเรื่องสวยงาม
รูธเสียชีวิตั้งแต่ปี 1979 ด้วยมะเร็งเต้านม
เมื่อสมองและหัวใจทำงานร่วมกัน เราจะมีความสุข สุขภาพดีขึ้น และเราจะแสดงความรัก ความเอื้ออารี และความห่วงใยต่อกันและกันโดยอัตโนมัติ
⌜P205⌟
จิมบรรยาย : ผมเริ่มการศึกษาวิจัยเรื่องความเมตตาและการเห็นแก่ผู้อื่น
⌜P206⌟
จิมบรรยาย : ช่วงเวลาวิเศษที่ได้มีโอกาสอยู่เบื้องหน้าองค์ทะไลลามะ มีรัศมีแห่งความรักโดยสมบูรณ์ไร้เงื่อนไขแผ่ซ่อนออกมา ให้ความรู้สึกเหมือนกับการสูดหายใจลึกเข้าไปหลังกลั้นหายใจมานาน
คุณไม่จำเป็นต้องเป็นใครที่ยิ่งใหญ่กว่าที่คุณเป็น การถูกตอบรับด้วยการยอมรับที่เต็มที่ เป็นความรู้สึกอันล้ำลึกที่ยากจะหาคำอธิบายได้
จินปาล่ามขององค์ทะไลลามะ : “จิม องค์ทะไลลามะประทับใจในความตั้งใจของคุณและความพยายามที่คุณได้ริเร่ิมอย่างมาก ท่านปรารถนาจะช่วยสนับสนุนงานของคุณด้วยปัจจัยของท่านเอง”
⌜P207⌟
จิมบรรยาย : องค์ทะไลลามะมีเงินทุนส่วนตัวของท่านจากการขายหนังสือที่ท่านมักจะมอบให้โครงการหรืองานริเริ่มต่าง ๆ ของทิเบต ท่านเคยมอบเงินจำนวนน้อยกว่านี้ให้กับโครงการอื่น ๆ แต่การบริจาคเงินครั้งนี้ดูจะเป็นจำนวนที่มากที่สุดที่ท่านเคยให้กับโครงการที่ไม่ใช่ของทิเบต
หลังจากนั้นมีคนหนึ่งร่วมอยู่ในการพบปะนั้นบอกผมว่า เมื่อเห็นองค์ทะไลลามะพูดคุยกับผมแล้ว เขารู้สึกว่าควรต้องบริจาคให้งานของผมด้วย สัปดาห์ต่อมาวิศวกรจากกูเกิลที่ผมเคยเจอและสนใจงานของผมติดต่อมาเพื่อบอกว่าเขาได้ยินเรื่องการพบปะกันแล้ว และประทับใจเรื่องการบริจาคขององค์ทะไลลามะ ในที่สุดทั้งสามก็ให้เงินสนับสนุนในจำนวนที่เหลือเชื่อ
สิ่งที่เป็นเพียงโครงการไม่จริงจัง ตอนนี้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นโดยคณบดีของโรงเรียนแพทย์ ด้วยการสนับสนุนจากผู้อำนวยการสถาบันประสาทศาสตร์และหัวหน้าแผนกของผม และได้กลายเป็น “ศูนย์วิจัยและการศึกษาด้านความเมตตาและความเห็นแก่ผู้อื่น (CCARE : Center for Compassion and Altruism Research and Education หรือ ซีแคร์ http://ccare.stanford.edu)”
และที่วิเศษอีกอย่างคือ จินปา - ที่นอกจากจะเคยเป็นพระมาก่อนแล้ว ยังเคยจบปริญญาเอกจากเคมบริดจ์ - ได้กลายมาเป็นเพื่อนสนิท และใช้เวลาเดือนละสัปดาห์ในอีกสามปีต่อมาเพื่อร่วมสร้างสิ่งที่ทุกวันนี้เรียกว่าซีแคร์กับผมด้วย เขายังร่วมมือกับแผนกจิตวิทยาเพื่อพัฒนาโครงการฝึกเพาะบ่มความเมตตา ซึ่งตอนนี้มีผู้เรียนหลายพันคนและกำลังศึกษาถึงผลของการฝึกอยู่ เรายังฝึกครูผู้ฝึกสอนที่จะช่วยกระจายพลังของการฝึกนี้ไปสู่ส่วนต่าง ๆ ของโลก
⌜P208⌟
จิมบรรยาย : เราหวังว่าซีแคร์จะเป็นเหมือนไฟนำทางที่ส่องให้เราเห็นถึงพลังของคนคนหนึ่งที่มีผลต่อชีวิตของคนอื่น ๆ และแสดงให้เห็นถึงคุณค่าของพฤติกรรมแห่งความเมตตาเหล่านี้ในแง่มุมของสุขภาพ ความเป็นอยู่ที่ดี และชีวิตที่ยืนยาว ผ่านการทดลองเชิงประจักษ์
ซีแคร์เป็นวิธีหนึ่งที่ผมใช้ทำในสิ่งที่รูธขอให้ทำ นั่นคือการสอนกลของผมให้คนอื่น ๆ ส่วนอีกวิธีคือการชี้แนะแก่ผองเพื่อนในวิชาชีพแพทย์
#หนังสือคือชีวิต #intothemagicshop

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา