29 ต.ค. 2021 เวลา 04:03 • หุ้น & เศรษฐกิจ
สรุปมุมมองการเข้าซื้อกองทุนต่างประเทศ
by หนีดอย ประจำวันที่ 29 ต.ค. 2021
"ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามคาด
Facebook ประกาศเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็นเมตา (Meta)
เพื่อเป้าหมายใหม่ที่ใหญ่กว่า จาก Social Media
ไปเป็นการพัฒนาเทคโนโลยี Metaverse อย่างเต็มตัว "
8
📌 มาดูภาพรวมดัชนีจาก Investing.com
📌 ตลาดเอเชียเริ่มกันที่ ดัชนี CSI300 +0.32% ​(ที่ 4879 จุด), ดัชนี HSTECH -0.49% (ที่ 6413 จุด)
📌 ส่วนทองคำราคาอยู่ที่ 1797 ขณะที่ราคาแร่เงินอยู่ที่ 23.95 USD/Oz.
(ข้อมูลจาก investing.com/indices/major-indices)
📌 สำหรับดัชนี Fear & Greed index ล่าสุดสำหรับตลาดสหรัฐอยู่ที่ 72 (Greed > Fear) (ข้อมูลจาก money.cnn.com/data/fear-and-greed/)
📌 ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (28 ต.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดทำนิวไฮ ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงบริษัทเมอร์ค แอนด์ โค และฟอร์ด มอเตอร์ โดยผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทเหล่านี้ได้ช่วยสกัดปัจจัยลบจากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 ของสหรัฐที่ขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปี
1
📌 ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (28 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทในกลุ่มอาหารและกลุ่มเทคโนโลยี รวมถึงการที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามการคาดการณ์ของตลาด และยังคงระบุว่าเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นในช่วงที่ผ่านมานั้นเป็นการพุ่งขึ้นเพียงชั่วคราว
1
ทั้งนี้ ที่ประชุม ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หรืออัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.50% ขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%
1
นอกจากนี้ ECB ระบุว่า ทางธนาคารจะยังคงซื้อพันธบัตรวงเงิน 2 หมื่นล้านยูโร/เดือนภายใต้โครงการ Asset Purchase Programme (APP) และซื้อพันธบัตรในโครงการ Pandemic Emergency Purchase Programme (PEPP) จนถึงเดือนมี.ค.2565 วงเงินรวม 1.85 ล้านล้านยูโร
📌 สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (28 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนช้อนซื้อหลังจากราคาน้ำมันร่วงลงกว่า 2% เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการประชุมของกลุ่มโอเปกพลัสในวันที่ 4 พ.ย.นี้
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 15 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 82.81 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 26 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 84.32 ดอลลาร์/บาร์เรล
📌 สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กดีดตัวขึ้นมายืนที่ระดับ 1,800 ดอลลาร์ได้อีกครั้งเมื่อคืนนี้ (28 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 ที่ขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปี นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยดึงดูดแรงซื้อทองคำ ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 3.8 ดอลลาร์ หรือ 0.21% ปิดที่ 1,802.6 ดอลลาร์/ออนซ์
📌 ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐเปิดเผยแผนการใช้จ่ายด้านสวัสดิการมูลค่า 1.75 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อวานนี้ (28 ต.ค.) หลังมีการเจรจาอย่างเข้มข้นกับสมาชิกสภาคองเกรสของพรรคเดโมแครตมาตลอดหลายสัปดาห์
ทำเนียบขาวเผยแพร่แผนการใช้จ่ายที่ชื่อว่า "Build Back Better Framework" ซึ่งครอบคลุมถึงการลงทุนในพลังงานสะอาดและการแก้ปัญหาโลกร้อนจำนวน 5.55 แสนล้านดอลลาร์, งบประมาณอุดหนุนการดูแลเด็กและการเรียนอนุบาลฟรีจำนวน 4 แสนล้านดอลลาร์, การลดหย่อนภาษีรายได้จากการทำงานและค่าลดหย่อนบุตรจำนวน 2 แสนล้านดอลลาร์ และการลงทุนในการสร้างที่อยู่อาศัยราคาย่อมเยาจำนวน 1.5 แสนล้านดอลลาร์
แผนการดังกล่าวมุ่งที่จะจัดเก็บภาษีรูปแบบใหม่กับบริษัทเอกชนรายใหญ่และมหาเศรษฐีชาวอเมริกัน เพื่อระดมรายได้ราว 2 ล้านล้านดอลลาร์ตลอดช่วง 10 ปีต่อจากนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะนำเงินมาใช้อย่างเต็มที่ในแผนการใช้จ่ายด้านสวัสดิการ หากแผนการดังกล่าวผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรส ก็จะมีการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลขั้นต่ำ 15% สำหรับบริษัทที่มีเงินได้เกิน 1 พันล้านดอลลาร์ตามที่รายงานต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้น และจะจัดเก็บภาษีส่วนเพิ่มจากการซื้อหุ้นคืน 1% นอกจากนี้ แผนการดังกล่าวยังเรียกเก็บภาษีส่วนเพิ่มจากบุคคลที่มีรายได้เกิน 10 ล้านดอลลาร์ในอัตรา 5% และเรียกเก็บจากบุคคลที่มีรายได้เกิน 25 ล้านดอลลาร์เพิ่มขึ้นอีก 3%
ทั้งนี้ แผนการใช้จ่ายล่าสุดนี้ มีมูลค่าน้อยกว่าข้อเสนอเดิมของปธน.ไบเดนซึ่งอยู่ที่ 3.5 ล้านล้านดอลลาร์ และยังไม่ได้มีการบังคับใช้เป็นกฎหมาย "ไม่มีใครได้ทุกอย่างที่ตัวเองต้องการ รวมถึงผมด้วย แต่นั่นคือการประนีประนอม นั่นคือฉันทามติ" ปธน.ไบเดนแถลงที่ทำเนียบขาว ก่อนจะออกเดินทางไปร่วมการประชุมสุดยอด G20 ในยุโรปในสัปดาห์นี้
📌 เฟซบุ๊ก ประกาศเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็นเมตา (Meta) เพื่อสะท้อนถึงจุดมุ่งหมายใหม่ของบริษัทที่จะเปลี่ยนจากการมุ่งเน้นโซเชียลมีเดีย ไปเป็นการพัฒนาเทคโนโลยี Metaverse อย่างเต็มตัว เฟซบุ๊กประกาศการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในการประชุม Facebook Connect โดยนายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของ Meta กล่าวว่า "ปัจจุบันทุกคนมองว่าเราคือบริษัทโซเชียลมีเดีย แต่แท้จริงแล้วในดีเอ็นเอ เราคือบริษัทที่สร้างเทคโนโลยีที่สามารถเชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกัน และเทคโนโลยี Metaverse คือหมุดหมายใหม่ เหมือนกับที่เราเริ่มต้นจากการสร้างโซเชียลมีเดียในอดีต"
2
ทั้งนี้ Meta จะทุ่มเงินลงทุนราว 1 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีหน้า เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีที่จะช่วยพัฒนา Metaverse "เราหวังว่าภายใน 10 ปีข้างหน้า ผู้คนกว่าพันล้านคนจะสามารถเข้าถึงเทคโนโลยี Metaverse ได้ ซึ่งจะสร้างมูลค่าของดิจิทัลคอมเมิร์ซได้ถึงแสนล้านดอลลาร์ และสร้างงานใหม่ให้กับกลุ่มครีเอเตอร์และนักพัฒนาได้อีกนับล้านตำแหน่ง" นายซัคเคอร์เบิร์กกล่าวว่า นอกจากนี้ บริษัทจะเปลี่ยนสัญลักษณ์หุ้นจาก FB เป็น MVRS โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. เป็นต้นไป ส่วนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียจะยังคงใช้ชื่อเฟซบุ๊กเช่นเดิม
📌 บริษัทแอปเปิล อิงค์เปิดเผยรายได้ที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 4/2564 โดยนายทิม คุก ซีอีโอของแอปเปิลระบุว่าเป็นผลมาจากปัญหาการขาดแคลนชิป รวมทั้งผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทำให้ห่วงโซ่อุปทานสะดุดลง ทั้งนี้ กำไรต่อหุ้นของแอปเปิลในไตรมาสดังกล่าวอยู่ที่ 1.24 ดอลลาร์ ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ส่วนรายได้อยู่ที่ระดับ 8.336 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งแม้ว่าเพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ตัวเลขดังกล่าวยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.485 หมื่นล้านดอลลาร์
ส่วนรายได้จากยอดขาย iPhone อยู่ที่ 3.887 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 47% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ยังต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 4.151 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่รายได้จากยอดขาย Mac อยู่ที่ 9.18 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 1.6% แต่ยังน้อยกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 9.23 พันล้านดอลลาร์ และรายได้จากยอดขาย iPad อยู่ที่ 8.25 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 21.4% และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 7.23 พันล้านดอลลาร์
สำหรับรายได้จากการบริการอยู่ที่ระดับ 1.828 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 25.6% และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.764 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนรายได้จากผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อยู่ที่ระดับ 8.79 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 11.5% แต่ยังน้อยกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 9.33 พันล้านดอลลาร์
📌 นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 33.18 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากปิด ตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 33.31 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากดอลลาร์อ่อนค่าหลังมีแรงกดดันจากตัวเลขจีดีพีของสหรัฐออกมาแย่กว่าคาด และผล ประชุมธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ที่ส่งผลให้ยูโรแข็งค่า "บาทแข็งค่าจากเย็นวานนี้ตามทิศทางตลาดโลกเนื่องจากดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก" นักบริหารเงินกล่าว โดยนักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 33.00 - 33.30 บาท/ดอลลาร์ โดยปัจจัยที่ต้อง ติดตาม ได้แก่ การแถลงภาวะเศรษฐกิจของธนาคารแห่งประเทศไทย, ผลประชุม ศบค.เกี่ยวกับการเปิดประเทศ, ทิศทางการเคลื่อนไหว ของเงินทุนต่างประเทศ
Cr. สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)
💵Lists กองทุนใน Watchlists ทั้งหมดที่น่าสนใจ (โปรดอ่านหมายเหตุด้านล่างประกอบ)
1 ASP-DISRUPT
2 ASP-EUG
3 ASP-EVOCHINA 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
4 ASP-JHC
5 ASP-ROBOT
6 B-Bharata
7 B-GTO
8 B-INNOTECH
9 BCAP-CLEAN
10 BCAP-CTECH 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
11 BCARE
12 K-CHANGE-A
13 K-CHINA-A 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
14 K-HIT
15 K-USA-A
16 K-USXNDQ-A
17 K-WORLDX
18 KF-EUROPE
19 KF-GTECH
20 KF-ORTFLEX
21 KF-US
22 KFCMEGA-A 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
23 KFGBRAND-A
24 KFHTECH-A
25 KFINFRA-A
26 KT-ASHARES-A 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
27 KT-CHINA-A 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
28 KT-EURO/K-EUSMALL
29 KT-PRECIOUS
30 KT-WTAI-A
2
31 LHCYBER-A
32 LHESPORT-A / WE-PLAY
33 LHINNO-A
34 LHMOBILITY
35 M-EM
36 MATECH-A
37 MFTECH
38 ONE-DISC-RA
39 ONE-GECOM 💵💵💵
40 ONE-UGG-RA
41 P-CGREEN
42 PRINCIPAL GCLEAN-A
43 PRINCIPAL GCLOUD-A
44 PRINCIPAL GHEALTH-A
45 Principal VNEQ-A
46 PWIN
47 SCBDJI(A)
48 SCBGOLD (แบบไม่ Hedge)
49 SCBGOLDH (แบบ Hedge)
50 SCBKEQTG 💵💵💵
51 SCBNK225
52 SCBS&P500
53 SCBSEMI
54 SCBUSSM
55 T-ES-GGREEN
56 T-ES-GINNO / TMB-ES-GINNO
57 T-GLOBALENERGY / MRENEW
58 T-Premium Brand
59 TBIOTECH
60 TCHCON 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
2
61 TCHTECH-A / SCBCTECHA 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
62 TCLOUD
63 TGENOME
64 TGHDIGI
65 TMB-ES-AUTOMATION
66 TMB-ES-CHINA-A 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
67 TMB-ES-STARTECH 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
68 TMBAGLF
69 TMBCOF 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
70 TMBGQG
71 TMBWDEQ
72 TNEWENGY
73 TNEXTGEN / WE-CYBER
74 UCHI 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
75 UCI 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
76 UEDTECH 💵💵💵
77 UEV
78 WE-CANB, MCANN 💵💵💵
79 WE-CHIG 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
80 WE-GOLD 💵💵💵
81 WE-TENERGY / SCBCLEANA
2
📌หมายเหตุ : หลังจากทางการจีนได้ลงดาบบริษัทกลุ่มการศึกษาในประเทศทั้งหมดที่ครอบคลุมระดับ K-12 ให้เปลี่ยนเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร และมีเงื่อนไขข้อจำกัดในการระดมทุนต่างๆ เพื่อไม่ให้เป็นผลเสียกับเด็กในระยะยาว และเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายทางบ้านที่ทำให้อัตราการเกิดของประชากรจีนน้อยลงจากค่าเรียนกวดวิชา ทำให้พื้นฐานหุ้นกลุ่มนี้เปลี่ยนไปถาวร โดยได้รับการยืนยันจากทางการในวันที่ 25 ก.ค. 2021 ยังไม่รวมถึงที่ทางการจีนเข้ามามีบทบาทการควบคุมบริษัทเทค ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแง่การผูกขาด หรือ ความปลอดภัยของข้อมูลที่จัดเป็นความมั่นคงของชาติ ซึ่งส่งผลให้มีการถอดแอพไม่ให้ผู้ใช้งานใหม่สามารถ Download ได้ เช่น Didi Global ที่ทำการ Listing ในตลาดสหรัฐฯ โดยไม่มีกำหนดว่าระยะเวลาการตรวจสอบหรือคุมเข้มในหลายๆอุตสาหกรรมจะสิ้นสุดเมื่อไหร่
ภายหลังรัฐบาลจีนออกกฎเกณฑ์เพื่อควบคุมธุรกิจภาคการศึกษาในวันที่ 24 ก.ค. ได้สร้างแรงกดดันให้ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงในช่วงที่ผ่านมา โดยรายงานจาก Bloomberg เผยว่าหน่วยงานกำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์ในจีนจัดการประชุมด่วน ในวันที่ 28 ก.ค. 2021 หลังตลาดหุ้นจีนถูกเทขายอย่างหนัก เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางในการผ่อนคลายความกังวลที่เกิดขึ้น เกิดสัญญาณที่ดีต่อตลาดหุ้นจีนในระยะสั้น ที่เข้ามาช่วยลดความกังวลจากรัฐบาลจีนที่อาจกระจายการควบคุมไปยังอุตสาหกรรมอื่น
ทางผู้เขียนจึงขอแบ่งออกเป็น 3 แนวทางในการลงทุนหุ้นจีนจากนี้เป็นต้นไป ดังนี้
1. ยังคงถือต่อ เนื่องจากทางผู้จัดการกองทุนน่าจะมีการลดหุ้นกลุ่มการศึกษาหรือกลุ่มเสี่ยงออก หลังจากทุกอย่างคลี่คลาย ระยะยาวน่าจะส่งผลดี
2. ลดสัดส่วนหรือรินขายออก เนื่องจากหากมีเหตุการณ์ลงดาบแบบนี้ทำให้ธุรกิจกลุ่มนี้แทบตอกฝาโลง ก็เป็นไปได้ว่าจะมีอีกหลายธุรกิจที่จะตามมา เพื่อทำให้ค่าใช้จ่ายของประชาชนลดลง เพื่อส่งเสริมการมีบุตรให้มากขึ้นได้ในครอบครัว
3. ทยอยซื้อเพิ่ม เพราะเป็นโอกาสดีที่หุ้นพื้นฐานดี ราคาลงมาพอสมควรแล้ว และมองว่า ทางการจีนไม่น่าลงดาบหนักๆ ในอุตสาหกรรมอื่นแบบนี้
💵💵💵 คือ น่าทยอยสะสมวันนี้ หากใครอยากทยอยลงทุน
🇨🇳🇨🇳🇨🇳 คือ น่าทยอยสะสมสำหรับกลุ่มกองทุนจีนกรณีที่เราอยู่ในข้อ 3 ของหมายเหตุ
💵หรือหากใครคิดว่าการดีดขึ้นมามากในรอบนี้ จะถือโอกาสขายหรือสับเปลี่ยนกองเพื่อลดสัดส่วนหุ้นเทคฯ ก็ทำได้ตามแผนการที่เราตั้งใจไว้ได้เช่นกันครับ
📌โดยทองคำมีแนวรับที่น่าเข้าสะสมทองคำที่ระดับ 1660, 1680, 1700, หรือ 1730 เพื่อคงปริมาณทองคำอยู่ในพอร์ทการลงทุนราวๆ 5-15%
📌กรณีที่คนมีแล้วอยากจะขายรินกำไรออก ก็มีแนวต้านตั้งแต่ 1775, 1800, 1840, 1890, 1900, หรือ 1920 ครับ ที่พอทยอยขายได้
💵สำหรับทองคำผมได้ทำคลิปมุมมองทองคำเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (24 ต.ค. 2021) ในแง่ของปัจจัยทางกราฟเทคนิค และปัจจัยพื้นฐาน สำหรับใครที่อยากดูรายละเอียดคลิกได้เลยที่ https://www.blockdit.com/posts/61757b89d38ff20ca2b8b35b
💵คำแนะนำการขายสำหรับคนที่ต้องการรินกำไรขายออกบ้างหรือจะขายทั้งหมดก็ตาม โดยผมใช้ RSI ที่เกิน 70 ในตัว ETF ที่เป็นกองแม่ของกองทุนนั้นๆ หรือแยกดูเป็นหุ้นรายตัว พบว่ามี RSI เกิน 70 มากกว่าครึ่ง หรือ ดัชนีอยู่ใกล้แนวต้านเดิม พบว่ามีกองที่เริ่มน่าขายรินกำไรออกได้ ได้แก่
1. กองทุนอินเดีย
2. กองทุนดัชนี Nasdaq เช่น K-USXNDQ-A
3. กองทุนดัชนี S&P 500 เช่น SCBS&P500
4. กองทุนทั่วโลก : TMBGQG/K-WORLDX, B-GTO หรือ กองทุนที่เน้นหุ้นใหญ่อย่าง Microsft, Facebook
5. UEV
6. ONE-UGG-RA, K-CHANGE-A, K-HIT (คนที่ซื้อกลางพ.ค.)
7. KFGBRAND-A
8. กองทุนหุ้นสหรัฐ Mid-small caps : SCBUSSM, ABAGS
9. กองทุน Tech เช่น B-INNOTECH, KF-GTECH, KFHTECH-A
10. กองทุนหุ้นสหรัฐ เช่น K-USA-A, KF-US, SCBUSAA
11. กองทุนยุโรป เช่น ASP-EUG, KF-EUROPE, KT-EURO/K-EUSMALL
12. Cloud computing เช่น Tcloud, Principal Gcloud-A
13. กองทุนญี่ปุ่น เช่น ASP-JHC, SCBNK225
สำหรับการขายเหมาะกับคนที่ได้กำไรมาเยอะแล้ว 25% ขึ้นไป สามารถรินกำไรออกได้ครับ (ทั้งนี้แล้วแต่ผู้ลงทุนพิจารณา ไม่ต้องถึงกับ 25% ก็ได้ครับ)
2
📌สำหรับข้อมูลข้างต้น เหมาะกับคนอยากจับจังหวะการลงทุน หากใครมีแผนทำ DCA ซื้อทุกๆเดือนอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องดูส่วนนี้นะครับ ให้ทำตามวินัยเดิมที่ตั้งใจไว้ได้เลยครับ
📌หมายเหตุ ความเห็นข้างต้น เป็นการใช้กราฟเทคนิคดูจุดเข้าซื้อ ไม่ได้ยืนยันความถูกต้อง 100% เพราะซื้อแล้ว ราคาอาจย่อลงได้กว่าเดิม และการซื้อกองทุนก็ไม่ได้ราคา Real time ตามหน้าหุ้นนั้นๆครับ
🌟 มุมมองดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลก By หนีดอย
DOW JONES, S&P500, NASDAQ, RUSSELL2000
CSI300, HSI, HSTECH, KOSPI
NIKKEI225, SENSEX, SET, VN30, STOXX50, STOXX600
ประจำวันที่ 24 ต.ค. 2021 https://www.blockdit.com/posts/61751fd6cf47960cab6ce9d5
🌟 Series : Review Tiger Broker โบรคเกอร์ที่ดีที่สุดสำหรับผม เมื่อต้องการลงทุนหุ้นต่างประเทศ :
🌟 Clip มุมมอง Cryptocurrency | By หนีดอย
BTC, ETH, XRP, BNB, ADA, LTC, DOGE, SOL
ประจำวันที่ 24 ต.ค. 2021 : https://www.blockdit.com/posts/61752b531f9f520ca44fc8d2
🌟 แจกตาราง “กองทุน” 622 กองทุน (อัพเดท 31 ก.ค. 2021)
ครอบคลุม SSF, RMF, PVD จัดเป็นทั้งหมด 18 กลุ่ม ดังนี้
1. Money Market
2. Healthcare
3. Global
4. China
5. US
6. Asia Ex.Japan
7. ASEAN
8. Gold & Mining
9. Commodities
10. REITs
11. Emerging Markets
12. Europe
13. Japan
14. South Korea
15. India
16. Vietnam
17. Technology
18. Oil
ปล. การจัดทำตารางนี้อาจมีไม่ครบทุกกองในประเทศไทย
พิเศษ!!! เพียงกด Like และกด Share โพส เปิด Public
 พร้อมแคปภาพเพื่อรับไฟล์ตารางกองทุน เป็น Excel
แล้วส่งภาพมาทาง Inbox ทาง FB Fanpage หนีดอยได้เลย...
โดยทางไฟล์จะสามารถคลิกที่ชื่อกองทุน
แล้วลิงค์ไปยังรายละเอียดกองทุนแต่ละกองได้
2
ติดตามหนีดอยได้ที่
📌Telegram - t.me/needoy
📌Line (openchat) - https://bit.ly/lineneedoy
📌Spotify : spoti.fi/2NLRVBK
📌Apple Podcast : apple.co/3pC8Gwh
📌 คัมภีร์หนีดอย ใน 20 ชั่วโมง ที่สร้างขึ้นเพื่อแก้ปัญหานักลงทุนที่อยากรู้ว่าเราควรรู้อะไรในการลงทุนทุกสินทรัพย์ สามารถเลือกเรียนหัวข้อที่สนใจได้ เช่น อยากเข้าใจกราฟ เรียนแต่หัวข้อที่ 4 แต่ถ้าต้องการรู้หมดทุกศาสตร์ อยากลงทุนแบบจริงจัง 20 ชั่วโมงที่ว่านี้จะทำให้เข้าใจภาพรวมทั้งหมด
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมทั้งหมดได้ที่ www.blockdit.com/posts/60b1da0997d8a40c5a2e4809
📌 เพียง 200 บาทต่อ 1 ชั่วโมง เท่านั้น!!!
สนใจติดต่อรายละเอียดได้ที่ Line : cescassawin
โฆษณา