29 ต.ค. 2021 เวลา 19:15 • ศิลปะ & ออกแบบ
ศิลปิน = เท่ากับคนทำงานศิลปะ ไม่ได้วิเศษอะไร..มากไปกว่านั้น
ในมุมมองของผม คำว่า “ศิลปิน” เป็นเช่นนั้นจริงๆ แต่...ต้องยอมรับว่าในสังคมไทย มีการนำคำนี้ไปยกยอ..ชูให้สูงขึ้น จนบางครั้งก็มากจนเกินไป เหมือนคนธรรมดาๆ เดินดินกินข้าวแกงคนหนึ่ง จะแตะต้องไม่ได้ จนศิลปินรุ่น Old Master บางท่าน (ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่และที่เสียชีวิตไปแล้ว) หลีกเลี่ยงที่จะใช้คำนี้เรียกขานอาชีพของตนเอง เพราะเบื่อหน่ายกระแสดราม่าทำนองว่า “แบบนี้ไม่ใช่ศิลปิน อย่างงี้..สิ ศิลปิน” หรือฉันต่างหากที่เป็นศิลปินมากกว่าใคร มึงมันกระจอก บลาๆ แล้ว..ใครกันหรือ? ที่เป็นผู้กำหนด.... จึงทำให้ท่านเหล่านั้น สบายใจที่จะเรียกตัวเองว่า #ช่างเขียน หรือไม่ก็จิตรกร (ถ้าท่านเป็นนักวาดภาพ) เพื่อจะได้ไม่ต้องมีพวกสุดโต่ง มาตั้งคำถามบ้าบอคอแตกใส่...ให้ฟุ้งซ่าน จนเสียเวลาทำงาน
จริงๆ คำว่าศิลปินเอง ก็เป็นคำศัพท์ที่ถูกบัญญัติขึ้นใหม่ (น่าจะราวๆ 100 กว่าปีมาแล้วนี่เอง) เพื่อใช้เรียกแทนคำฝรั่งอย่างคำว่า Artist เท่าที่มีข้อมูลทราบว่า..สมัยก่อนใครที่ทำงานทำนองนี้ เขาก็จะเรียกว่า “ช่าง” เหมือนกันหมด ไม่ว่าจะทำอะไร ก็ใส่คำขยายเพิ่มเติมลงไปต่อท้าย เช่น ช่างเขียน ช่างมุก ช่างแกะสลัก ช่างหนัง ช่างปั้น เป็นต้น
แต่คำว่า “ช่าง” ในบ้านเราสมัยโบราณจริงๆ จะแตกต่างจากคำว่า “ศิลปิน” หรือ Artist ที่เราบัญญัติขึ้นใช้เรียกแทนคำฝรั่งอยู่มากโข เพราะความเป็น Artist เป็นแนวคิดแบบปัจเจกชนนิยมของฝรั่ง ที่มุ่งทำงานศิลปะเพื่อรับใช้เจตจำนง (ทำนองรับใช้ Ego) ของตนเองมากกว่า ซึ่งคนไทยเริ่มรับอิทธิพลมาจนค่อยๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงเมื่อราวๆ รัชกาลที่ 5 นี่เอง ในขณะที่ความเป็นช่างอย่างไทยแต่ดั้งเดิม จะมุ่งทำงานเพื่อรับใช้กลุ่ม หมู่ เหล่า ในสังคม ไม่ใช่เพื่อตอบสนองความสุนทรียะหรืออีโก้ (ความอหังการ) ส่วนบุคคลของตนเองแต่อย่างใด
ผมเป็นคนที่อยู่ในโลกกลางเก่ากลางใหม่ สื่อบางแห่ง...นิยามคนรุ่นผมว่า เป็นรุ่นอนาล็อกตอนปลาย (หรือ Gen X ตอนปลาย) ที่กำลังเชื่อมต่อเข้าสู่โลกดิจิตอลในระยะเริ่มต้น (เช่น ผมทันเพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวที่ใช้ส่งข้อความสั้นๆ ถึงกัน ทันมือถือรุ่นกระดูกหมา ที่ทั้งใหญ่และหนัก แถมโคตะระแพง เอาง่ายๆ เป็นวัยรุ่นยุค 90’s หรือเกือบ 30 ปีมาแล้ว อู้ยยยย....แก่คั่กๆ (ฮา) จึงรู้สึกเบื่อหน่ายกระแสดราม่ากับคำว่าศิลปิน ที่ควรจะหมายถึงเพียง “คนทำงานศิลปะ” ที่ทำงานศิลปะต่อเนื่องและมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ก็น่าจะใช้คำเรียกนี้เรียกแทนอาชีพตัวเองได้ทั้งหมด.... แต่...ไม่แน่ใจว่าเด็กๆ รุ่นใหม่ที่เกิดทีหลัง ซึ่งอาจไม่เคยรับรู้กระแสดราม่าอะไรเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้เลย เขาจะมีโลกทัศน์และทัศคติไปอีกแบบนึงแล้วหรือยัง?
แต่สิ่งหนึ่งที่อยากให้คนรุ่นเก่า ทั้งรุ่นเดียวกับผม หรือรุ่นที่แก่ลงไปกว่า โปรดเข้าใจและยอมรับตามความเป็นจริงด้วยว่า #คุณไม่มีวันฝืนกระแสแห่งความเปลี่ยนแปลงได้ จริงอยู่...ผมเองก็มีภาพแห่งความทรงจำในอดีตยุค Good old days สมัยก่อนเหมือนกัน แต่ผมกลับไม่เคยคิดว่า..วันวานเก่าๆ มันช่างน่ารื่นรมย์ไปเสียทั้งหมด เพราะแต่ละยุค..มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป ใช่ว่า...ยุคเก่าดีงาม ยุคนี้ตีบตัน เปล่า...มันไม่ใช่เลย แถมยังไปบังคับคนรุ่นใหม่ ให้ก้มหัวยอมจำนนว่า การเปลี่ยนแปลงคือสิ่งเลวร้าย เพราะมันกำลังทำลายภาพฝันในอดีตของคุณ แล้วก็ยกแต่เรื่องดีๆ ในอดีตขึ้นมาอ้าง (แต่กลับไม่ยกเรื่องเลวร้ายในอดีตขึ้นมาอ้างบ้าง ประหลาดแท้)
การเวียนวนอยู่แต่ในโลกยุคเก่า และอยากจะคงไว้ให้อยู่อย่างเดิมตลอดกาล จะเข้าทำนอง “อนุรักษ์นิยมสุดโต่ง” ในขณะที่ความเปลี่ยนแปลงเป็นสัจจะและเป็นของจริงเสมอมา การรู้จักปรับตัว เปิดใจยอมรับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังถาโถมเข้ามา จะให้คุณประโยชน์มากกว่า ไม่งั้นก็เหมือนกับเอาไม้ไปขวางกั้นไม่ให้น้ำไหล ในขณะที่ปริมาณน้ำแห่งความเปลี่ยนแปลงมีจำนวนมหาศาลมากกว่า ยังไงๆ คุณก็ต้านไม่อยู่.... ยิ่งคุณดึงดันสุดโต่งเท่าไหร่ ในที่สุด...คุณอาจกลายเป็นเพียงสิ่งชำรุดทางประวัติศาสตร์อีกชิ้นหนึ่ง...ก็เป็นได้
จิด.ตระ.ธานี : #เล่าสู่กันฟังนะครับ
#Jitdrathanee

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา