4 พ.ย. 2021 เวลา 12:43 • ประวัติศาสตร์
-- สุริยา ลูกทุ่ง โดย เดชา ปราการะนันทน์ ตอนที่ ๑ --
ชีวิตและร่างกายของเขาวอดวายเป็นเถ้าธุลีไปแล้ว... แต่ฝีมืออันเยี่ยมยอดของเขายังคงเป็นที่เล่าลือกันอยู่ไม่มีวันสิ้นสุดลงได้...
หากจะเปรียบเขาเป็น ขุนศึก ในพงศาวดารสามก๊ก... เขาก็คือ จูล่ง สุภาพบุรุษผู้มาจากเสียงสาน...
ถ้าเป็นละครศึกราชาธิราช เขาก็คือสมิงนครอินทร์ ผู้เป็นเลิศในเชิงดาบ ไม่ยอมให้ใครกล้ากรายกล้ำ
และถ้าเขาเป็นในนวนิยาย ผู้ชนะสิบทิศ นั้นเล่า เขาก็คือ จะเด็ด ผู้เป็นเอกบุรุษ เหนือมนุษย์ทั้งปวง... !
เขาคือ สุริยา ลูกทุ่ง ยอดคนจากอิสาน ซึ่งคำเปรียบเทียบเหล่านั้น จะเกินเลย ต่อความเป็นจริงหรือไม่ โปรดติดตามเรื่องราวที่จะเล่าสู่กันฟังต่อไป
ถ้าหากเรื่องราวของ สุริยา ลูกทุ่ง เป็นนวนิยาย ผู้เขียนก็จะถูกกล่าวหาว่าวางเค้าโครงเรื่อง อย่างโกหกพกลมเสียเหลือเกิน เพราะยังจะมีอีกล่ะหรือที่จู่ ๆ มนุษย์ร่างผอมกะหร่องคนหนึ่ง โผล่ขึ้นไปบนสังเวียนอย่างที่ไม่มีใครรู้จักหัวนอนปลายเท้ามาก่อน แล้วก็ใช้เพลงเตะอันพิศดารกล่อมคู่ต่อสู้ให้ไสยาสน์ลงเปลไปอย่างง่ายดาย ยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก และด้วยชัยชนะเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ก็เป็นที่โจทก์ขานกันเอิกเกริกไปทั่วทุกมุมเมืองเสียแล้ว
นี่เป็นเรื่องจริง... และเป็นที่มาเริ่มต้นของ สุริยา ลูกทุ่ง ที่แปลกประหลาดและพิศดารเหลือประมาณ
ราวปี พ.ศ. ๒๔๘๕...
นครราชสีมา ชุมทางของภาคอิสาน อันได้ชื่อว่าเป็นเมืองมวย เพราะทุกหย่อมหญ้าดูเหมือนจะเต็มไปด้วยเรื่องราวของนักมวย และหมัด ๆ มวย ๆ ได้จัดการแข่งขันชกมวยเป็นประจำปี ในงานฉลองอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อันเป็นมิ่งขวัญที่เคารพสักการะของชาวเมือง ปรากฏว่ามีนักมวยจากทุกทิศไปหาคู่ขึ้นชกเป็นอันมาก
และในคืนสุดท้ายของงาน ทางเวทีได้จัดหนุ่มน้อยคนหนึ่งร่างผอมเกร็ง น้ำหนักอยู่ในราว ๔๘ กิโลกรัม คือราว ๆ ๑๐๘ ปอนด์ เป็นอย่างสูง ขึ้นชกเป็นคู่แรก โดยได้คู่กับนักมวยหน้าใหม่อีกคนหนึ่ง ซึ่งไม่มีใครรู้จักมักคุ้นในชั้นเชิงฝีมือเช่นเดียวกัน
และเมื่อนักมวยผู้นั้นปรากฎกายขึ้นไปบนเวที เสียงคนดูก็บ่นพึมเหมือนหมีกินผึ้ง เพราะหมอนั่นนอกจากร่างกายจะผ่ายผอมเหมือนไม้รวกแล้วยังไม่มีวี่แววว่าจะเป็นนักมวยเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่ช่วยยืนยันก็คือกางเกงขาสั้นธรรมดาสีเทาหม่น ที่พับขอบด้านบนเพื่อดึงให้สูงขึ้น นั่นแสดงว่าเขาเป็นนักมวยประเภท ‘ถังแตก’ มากกว่าอย่างอื่น
ทางเวทีประกาศว่า หมอนี่ชื่อ สุริยา ลูกทุ่ง...
เมื่อเสร็จสิ้นการร่ายรำไหว้ครู ที่ไม่มีลีลาชวนให้สนใจเลยแม้แต่น้อย ปี่กลองก็เร่งจังหวะให้เริ่มต้นการต่อสู้เสียเร็ว ๆ จะได้พ้นหูพ้นตาไปเสียที
และก็เกือบจะพร้อม ๆ กับเสียงปี่กลองอันเร้าใจ เจ้าของนาม สุริยา ลูกทุ่ง ก็ย่างออกมาจากมุมของเขา ด้วยท่าทางอันน่าสนใจยิ่ง
เพราะเขาเต้นฟุตเวอร์ค กรีดกรายไปรอบ ๆ เวทีเหมือนนางระบำ และมีท่าทางเหมือนกับนักมวยผู้เจนศึกมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
พอคู่ต่อสู้โผนเข้าใส่ สุริยาก็ฉากออกไปเหมือนขาของเขามีสปริง และในพริบตาต่อมานั้นเอง เท้าซ้ายขวาที่ดูเหมือนจะเต้นได้งดงามเพียงอย่างเดียว กลับสำแดงพิษสงขึ้นมาอย่างไม่มีใครคาดคิด
มันแลบออกมาเหมือนอาการฉกของงูร้าย ฟาดเปรี้ยงเข้าให้ที่ท่อนขาของคู่ต่อสู้ แล้วก็ดีดตวัดขึ้นไปที่คอต่ออย่างรวดเร็ว พอคู่ศึกเข่าอ่อนเอียงกระเท่เร่ ก็พุ่งเข้าประชิด เงื้อศอกคู่จามลงไปตรงแสกหน้า ด้วยจังหวะอันสวยสดงดงามอย่างเหลือเกิน
และในนาทีต่อมานั้นเอง สุริยา ลูกทุ่ง ก็ถูกชูมือขึ้นในฐานะผู้ชนะน๊อคเอาท์อย่างงดงาม แต่ไม่มีใครปรบมือต้อนรับเขาเลย เพราะผู้ดูมัวแต่ตื่นตลึงในชั้นเชิงและลีลาอันแพรวพราวของเขาอย่างที่ไม่เคยพานพบมาแต่กาลก่อน
เช้าวันรุ่งขึ้น วงการมวยทั่วทุกมุมเมืองต่างก็กล่าวขวัญถึงการต่อสู้ ที่ผ่านพ้นไปอย่างเอิกเกริก
ทุกคนพูดกันถึงแต่ชื่อเขา และกล่าวถึงชั้นเชิง ‘เตะสองชั้น’ และ ‘ฟันศอกคู่’ อันน่าตื่นใจ และอีกหลายคนก็ติดตามหาตัวเขาเป็นจ้าละหวั่น เพื่อขอดูตัวจริงให้เป็นที่ถนัดตา
...นี่คือจุดเริ่มต้นของ สุริยา ลูกทุ่ง ผู้ก้าวขึ้นสู่สังเวียนด้วยความแปลกประหลาดยิ่งกว่านวนิยาย !
ประดาเด็กหนุ่มชาวโคราช ซึ่งลมหายใจเต็มไปด้วยเรื่องหมัด ๆ มวย ๆ และยกย่องบูชานักรบบนผืนผ้าใบว่าเป็นเอกบุรุษเหนือมนุษย์ทั้งปวง ต่างก็ถามหาตัวเจ้าของนาม สุริยา ลูกทุ่ง กันเป็นจ้าละหวั่น
ที่เป็นดังนั้นก็เพราะ ในอาณาเขตต์ของเมืองนครราชสีมานั้น มีคณะนักมวยที่รู้จักกันดีอยู่ทั่วไปก็คือ ค่ายเทียมกำแหง ค่ายสินประเสริฐ ค่ายหาญทะเล ค่ายลูกสีมา ค่ายศรพายัพ และค่ายอะไรต่อมิอะไร แต่ก็ไม่มีใครได้ยินชื่อคณะ ลูกทุ่ง มาก่อนเลย
ถ้าเช่นนั้นเจ้าหนุ่มผิวคล้ำ ร่างกะหร่องคนนั้นจะพเนจรมาจากไหนกันเล่า.....ปวงเกจิอาจารย์ทั้งหลายต่างก็สอบถามกันวุ่นวาย.....มันอาจจะเป็นมวยซุ่มมาจากสำนักอื่น แต่รูปร่างหน้าตาของมันก็เป็นคนพื้นเมืองธรรมดา เราดี ๆ นี่เอง เหตุไรฝีมือของมันจึงเลิศรบเกินตัวนัก....
แต่ไม่ต้องไปสอบถามกันให้เสียเวลา.... เพราะในคืนวันเดียวกันนั้นเอง ข้าพเจ้า (ผู้เขียน) พร้อมด้วยเพื่อนนักมวยคณะเทียมกำแหง ซึ่งติดตามถามข่าวคราวของดาราหน้าใหม่มาตลอดวัน ก็ได้พบเขาเมื่อเกือบจะสองยามของคืนวันนั้น
ภายใต้แสงไฟขมุกขมัว ในห้องของโสเภณี ซึ่งเรียกกันว่า แหล่ง ‘สำราญจิตต์’ อันเทียบได้กับแพร่งสรรพศาสตร์ ของกรุงเทพเมืองสวรรค์เมื่อไม่กี่ปีมานี้
ข้าพเจ้าได้พบชายหนุ่มร่างผอมเกร็ง หน้าซื่อ ผมเผ้าปล่อยตามสบาย เสื้อกางเกงเก่าคร่ำ กำลังนั่งอยู่ท่ามกลางนางนกราตรี ซึ่งส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวไม่หยุดหย่อน
เขานั่งตาปรือเหมือนคนหลับใน และไม่สนใจต่อสายตาของพวกเราที่เฝ้ามองดูเขาอยู่เหมือนของประหลาด
“นี่หรือ สุริยา ลูกทุ่ง”
“เออ....คนนี้แหละกูจำได้ติดตา”
“สาระรูปไม่น่าจะเป็นนักมวยเลยนี่หว่า” พวกเราอีกคนหนึ่งพึมพำอย่างฉงนฉงาย
แต่หนุ่มน้อยผู้นั้นเอนกายลงบนม้ายาว และหลับสนิทไปเสียแล้ว ดูเหมือนว่าเราจะได้กลิ่นเหล้าอ่อน ๆ โชยคลุ้งอยู่รอบ ๆ ตัวเขาอีกด้วย
พวกเราบ่ายหน้ากลับกันด้วยความผิดหวัง ความศรัทธาในตัวของสุริยา ลูกทุ่งหมดไปทีละน้อย เมื่อได้เห็นสภาพและเรือนร่างอันแท้จริงของเขา
แต่หลายคนในกลุ่มเรา ที่ได้เห็นการชกของหมอนั่น ยังคงยืนยันโต้เถียงไปตลอดทาง ข้าพเจ้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง จะนิยมอยู่บ้างก็ที่เห็นว่า เขาสงบเสงี่ยมเจียมตน และสุภาพเรียบร้อยเหลือเกิน เมื่ออยู่นอกเวที
แต่อย่างไรก็ตาม..... เสียงกล่าวขวัญถึงชื่อเสียงของ สุริยา ลูกทุ่ง ก็ยังดำเนินอยู่ต่อไป จนกระทั่งในที่สุดที่สนามมวยชั่วคราว ซึ่งอาศัยเวทีโรงภาพยนตร์ เป็นสถานที่แข่งขัน ก็ได้ประกาศรายการพิเศษสุดประจำเดือนขึ้นมา มีมวยชั้นยอดถึงสองคู่ซ้อน
คู่เอกคือ ถวิล เทียมกำแหง ‘ไอ้งูเห่า’ นักมวยร่างสูงทมึนในรุ่นมิดเดิลเวท จากมหาสารคาม จะพบกับ วิชิต ราชวัตร นักมวยเสื้อสามารถ จากพระนคร
ส่วนรองคู่เอก ทางเวทีประกาศชื่อหราออกมาว่า สุริยา ลูกทุ่ง ดาราเท้าไฟคนใหม่จะได้พบกับ สมาน ราชวัตร มวยกรุงเทพฝีมือดีอีกคนหนึ่ง
พวกเรารับฟังข่าวกันอย่างตื่นเต้น เพราะนานทีปีหนจะได้ดูมวยรายการใหญ่ขนาดนี้ แถมยังจะได้ดูลีลาการชกของ สุริยา ลูกทุ่ง ให้ถนัดตาเสียทีว่าจะเก่งกาจสมกับที่เล่าลือกันหรือไม่
ภายในบริเวณอันคับแคบของสนามมวยชั่วคราวซึ่งดัดแปลงมาจากโรงภาพยนตร์ ในคืนนั้นประดาผู้คนจากทุกสารทิศหลามไหลเข้าไปแออัดเบียดเสียดเยียดยัดอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาแต่กาลก่อน
แสงไฟส่องสว่างเฉพาะบนเวที ซึ่งเดิมเป็นทั้งที่ฉายภาพยนตร์และโรงลิเก แฟนจึงได้เห็นการต่อสู้เพียงด้านเดียว อัตราค่าดูในสมัยนั้นก็มีอยู่สองชั้น คือ ๕๐ สตางค์สำหรับชั้นหนึ่ง และ ๒๕ สตางค์สำหรับชั้นสอง ซึ่งก็ดูมีจำนวนมากมายมหาศาลสำหรับพวกเราเสียเหลือเกินในสมัยนั้น
ทุกคนที่เข้าไปชุมนุมกันอยู่อย่างไม่สนใจต่ออากาศอันเหม็นอับเต็มไปด้วยกลิ่นสาปสางจากเหงื่อไคล และควันบุหรี่ที่ฟุ้งตระหลบ ก็เพื่อต้องการที่จะดูลีลาการชกของ สุริยา ลูกทุ่ง เพียงคนเดียวเท่านั้น ว่า....ฝีไม้ลายมือของหมอนี่จะล้ำเลิศเกินมนุษย์อย่างที่เล่าลือกันหรือไม่
มวยในรายการเริ่มขึ้นเมื่อเวลาสองทุ่มตรง สมัยนั้นมีเพียงห้าคู่ โดยคู่เอกอยู่รั้งท้าย ส่วนสุริยาชกเป็นคู่ที่สี่ เป็นรองคู่เอกเลยทีเดียว
พวกเราดูมวยคู่แรก ๆ ด้วยความเบื่อหน่าย จนในที่สุดก็ถึงคู่ที่เราเฝ้ารอกันอย่างกระหาย
สมาน ราชวัตร มีเรือนร่างผอมเกร็งผิวดำสนิท มีท่าทางว่าได้ผ่านการต่อสู้อย่างโชกโชนมาแล้ว ลอดเชือกขึ้นมาก่อนในมุมน้ำเงิน
ส่วนเจ้าหนุ่มร่างผอมเจ้าของนาม สุริยา ลูกทุ่ง ที่ข้าพเจ้าเห็นนอนหลับอยู่ในซ่องโสเภณีเมื่อวันก่อน โผล่เข้ามาในมุมแดง ท่าทางของหมอนั่นสงบเสงี่ยมเจียมตน ไม่มีวี่แววของเอกบุรุษผู้ทรงฝีมือเลยแม้แต่น้อย
สมัยนั้นยังไม่มีการเล่นพนัน อย่างออกหน้าออกตาเหมือนในสมัยนี้ แฟนมวยจึงเฝ้าดูกันอย่างสงบ ไม่มีการโห่ร้องฮาป่า หรือตะโกนโหวกเหวกให้เป็นที่รบกวนโสตรประสาทแต่อย่างใด
หลังจากการไหว้ครูผ่านพ้นไปแล้ว การชิงชัยก็เริ่มขึ้น
นักมวยหนุ่มจากพระนคร ปราดออกจากมุมน้ำเงินอย่างขมีขมันเหมือนกับมีนัดเอาไว้ล่วงหน้า จึงอยากจะให้การชกสิ้นสุดลงเสียโดยเร็ว
เสียงปี่กลองก็แผดกระหน่ำเร้าใจอย่างเหลือเกิน ฝ่ายสุริยา ลูกทุ่งก็เยื้องย่างออกจากมุมของเขา แล้วก็เริ่มต้นฟุตเวอร์คกรีดกรายไปมาเหมือนนางระบำผู้เชี่ยวชาญ พวกเราเฝ้าดูการเต้นฟุตเวอร์คของเขาอย่างอัศจรรย์ใจ เพราะมันเต็มไปด้วยท่าทางและจังหวะอันสวยงาม ราวกับว่าเขากำลังลอยละล่องอยู่บนฟลอร์แทนที่จะอยู่ภายในเวทีสี่เหลี่ยมแคบ ๆ เช่นนั้น
สมาน ราชวัตร เห็นว่าฝ่ายมวยท้องถิ่นเอาแต่เต้นกรีดกรายเข้าจังหวะเสียงปี่กลอง ก็รุกไล่เข้าประชิดเหวี่ยงหมัดซ้ายป่ายขวาอย่างอุตลุด สุริยาก็โยกตัวหลบโอนเอนไปมา จนหมัดหุ้มนวมของคู่ต่อสู้แหวกว่ายอยู่ในอากาศอันว่างเปล่า และพอสะอึกเข้าไปประชิดสุริยาก็สปริงตัวออกมา เต้นเข้าจังหวะเสียงกลองอยู่กลางเวทีเสียแล้ว
มันเหมือนกับจะยั่วยุให้ สมาน ราชวัตร เกิดโมโหโกรธายิ่งขึ้น เขาจึงปรี่เข้าไปยกมือซ้ายกวักมือเรียกให้สุริยาเข้ามาฟาดฟันกันให้เห็นดำเห็นแดง อย่ามัวแต่โชว์การเต้นลวดลายอยู่เลย
ในทันใดนั้นเอง ขณะที่สมานกำลังพยักเพยิดกวักมือเรียกอยู่นั้น เท้าซ้ายของสุริยา ลูกทุ่ง ที่กำลังล่องลอยอยู่บนเวที ก็ดีดฉับออกมาเหมือนม้าดีด มันฟาดเข้าที่ขาพับของสมาน ราชวัตรอย่างจังและรวดเร็วจนแทบไม่มีใครสังเกตเห็น
..และในวินาทีเดียวกันนั้น ด้วยเท้าข้างเดียวกัน แทนที่มันจะตกถึงพื้น กลับดีดตวัดขึ้นไปหากกหูของ สมาน ราชวัตร และฟาดเข้าตรงทัดดอกไม้พอดิบพอดี
...มันดังสนั่น เหมือนทุบมะพร้าวก็ไม่ปาน !
มันเป็นเหตุการณ์ที่จะประทับใจผู้ดูไปอีกนานเท่านาน และอาจจะเป็นการต่อสู้ ซึ่งผลลงเอยของมันจะปรากฏเป็นครั้งแรก และครั้งสุดท้ายในประวัติศาสตร์ของโลกกีฬามวยเมืองไทย
เพราะเหตุว่าในขณะที่ สมาน ราชวัตร กำลังกวักมือหยอย ๆ อยู่นั้น เมื่อแข้งอันทรงฤทธิ์ของสุริยา ลูกทุ่ง ที่พุ่งเข้ามาที่กกหูหรือทัดดอกไม้ของเขาราวกับประกายไฟที่แลบออกมาจากปากกระบอกปืน สมานก็เพิ่งจะรู้สึกตัวด้วยสัญชาติญาณของนักสู้ เขาจึงยกแขนขวาขึ้นแล้วหนีบขาของสุริยา ลูกทุ่งเอาไว้แน่น
แต่อนิจจา ! มันเป็นวินาทีเดียวกันกับที่สติสัมปชัญญะของเขาปลิดปลิวออกไปแล้ว แต่จิตต์สำนึกของเขายังคงอยู่.....
แฟนมวยจึงได้เห็นนัยน์ตาของ สมาน ราชวัตรปิดสนิท ร่างอ่อนระทวยลงไปหาผืนผ้าใบเหมือนขี้ผึ้งถูกลนไฟ แต่สองแขนของเขายังกอดแข้งซ้ายของ สุริยา เอาไว้แน่นกระชับอย่างไม่ยอมปล่อย....
แทนที่ สุริยา จะชักเท้าของเขากลับคืนมา เจ้าหนุ่มหน้าซื่อกลับปล่อยให้ สมาน ราชวัตร กอดกระชับไว้ที่ข้างหูอย่างสุดแสนเสน่หา จนกระทั่งเมื่อร่างของสมานลงไปตะแคงสงบนิ่งอยู่กับพื้น เขาก็ดึงเท้าออกจากการเกาะกอด.....และสมาน ราชวัตร ก็ยังยกแขนในท่าหนีบเท้าของ สุริยา อยู่เช่นนั้นเอง
แฟนมวยตะโกนไชโยโห่ร้องกันจนบริเวณโรงภาพยนตร์อันคับแคบแทบจะถล่มทลาย กรรมการเริ่มต้นนับตั้งแต่หนึ่ง.....เรื่อยไปจนถึงสิบ สมานก็ยังนอนแน่นิ่งไม่ไหวติงกายอยู่ในท่าเดิม !
ขณะที่สุริยา ลูกทุ่ง ถูกชูมือขึ้นในฐานะผู้ชนะน๊อคเอาท์อย่างงดงามในยกแรกนั้น แฟนมวยก็ยังปรบมือตะเบ็งเสียงเรียกชื่อของเขาอย่างอึงอล.....
และหลายคนมารู้เอาภายหลัง เมื่อร่างของสมานถูกหามร่องแร่งเข้าไปหลังเวที ปรากฏว่าบริเวณที่ถูกเตะนั้น บอบช้ำถึงขนาดกกหูขวาฉีกเลือดไหลรินไม่หยุด และแพทย์ต้องใช้เวลาปฐมพยาบาลอยู่เป็นนานกว่าสมานจะฟื้นคืนสติ !
เจ้าหนุ่มร่างผอมกะหร่อง ได้กลายเป็นวีระบุรุษในวงการมวยของนครราชสีมาไปแล้ว นับตั้งแต่บัดนั้น
พวกเรานั่งจับกลุ่มคุยกันถึงการต่อสู้ ที่ผ่านไปอย่างออกรส ทุกคนให้ความศรัทธาในฝีมือของ สุริยา ลูกทุ่งอย่างจริงใจ ความดูแคลนที่เคยเห็นเขานอนอยู่กับหญิงโสเภณีราคาถูกเหือดหายไปสิ้น ..
#มวย #มวยไทย #สุริยาลูกทุ่ง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา