6 พ.ย. 2021 เวลา 12:40 • ท่องเที่ยว
ลอนดอนวันที่ 3 (ตอนที่ 1) พาไปดูงานศิลปะ ทีละชิ้น ที่หอศิลป์แห่งลอนดอน (National Gallery of London)
By Diego Delso, CC BY-SA 4.0, https://commons.wikimedia.org/w/index.php?curid=35481651
มาทริปนี้กับผม เตรียมตัวเตรียมใจไว้ได้เลยว่าเราจะได้ไปชมงานศิลปะอย่างฮาร์ดคอร์ทุกสมัยทุกสไตล์แน่นอน และในวันนี้ขอพาพวกเราไปที่หอศิลป์แห่งลอนดอน (National Gallery of London) กัน
ก่อนที่จะเข้าไปต้องผ่านจัตุรัสทราฟัลการ์ (Trafalgar Square) ก่อน จัตุรัสนี้ตั้งชื่อตามยุทธนาวีระหว่างอังกฤษที่นำโดยลอร์ดเนลสันและกองทัพผสมของฝรั่งเศสกับสเปนซึ่งนำโดยนโปเลียนในปี 1805 วีรกรรมครั้งนั้นมีผลให้นโปเลียนไม่กล้าเข้ามารุกรานอังกฤษอีกต่อไป
จัตุรัสนี้มีอนุสาวรีย์ของลอร์ดเนลสันอยู่บนแท่งเสาสูง ล้อมรอบด้วยรูปสิงโต 4 ทิศ ซี่งบริเวณนี้เองนี้เป็นที่ตั้งของหอศิลป์แห่งลอนดอน
หอศิลป์แห่งลอนดอน เป็นหนึ่งในแกลอรี่ที่ดีที่สุดของโลก รวบรวมงานของศิลปินคนดังของโลกไว้หลายชิ้น ส่วนใหญ่เป็นงานจิตรกรรมของยุโรปโดยเฉพาะของอิตาลี แต่ว่าไปแล้วเราสามารถเห็นงานศิลปะชิ้นสำคัญที่นี่ได้หลายสไตล์ หลายยุคสมัย
อาจกล่าวได้ว่าหากนำเอาหนังสือ 1,000 ภาพที่ต้องดูก่อนตายมาเปิดดูก็จะพบว่ามีชิ้นงานหลายสิบชิ้นอยู่ในหนังสือเล่มนั้น และเนื่องจากภาพเหล่านี้เขียนขึ้นในระยะเวลาต่างกันเป็นนับร้อยปี จึงมองเรื่องราวเดียวกันด้วยสายตาที่แตกต่างภายใต้บริบทต่างกัน สร้างสรรค์ด้วยความหลงใหลคนละแบบ มีอุดมคติ คุณค่าที่ต่างกัน
ที่นี่มีภาพเขียนหลายยุคสมัย ตั้งแต่โกธิค เรเนอซองด์ บาโรค เรื่อยไปจนถึงอิมเพรสชินนิสม์ ภาพส่วนใหญ่ที่เราได้เห็นจะเป็นเรื่องราวของพระเยซูคริส เทพปกรณัมกรีกโรมัน ภาพบุคคลสำคัญ สถาปัตยกรรม สงคราม ทิวทัศน์ ซึ่งเป็นธีมยอดฮิตของศิลปะยุโรปในยุดดั้งเดิมอยู่แล้ว และเมื่อภาพเหล่านี้ถูกเขียนขึ้นในต่างยุคสมัย ต่างลัทธิ มารวมอยู่ในแกลอรี่เดียวกัน เราจึงสามารถเห็นภาพเดียวกันในหลายรูปแบบและมีวิธีการนำเสนอที่แตกต่างกันไปคนละทาง
ตัวอย่างเช่น พระเยซูคริสต์ถูกนำเสนอในลักษณะต่างๆตั้งแต่ยุคกลางที่ดูเป็นเทพที่ยืนตรง โพสต์ท่าแบบแข็งๆ แลดูผอมสูง แต่ในยุคต่อมาก็มีร่างกายกล้ามเนื้อเหมือนมนุษย์ จัดวางท่วงท่างดงามสมบูรณ์แบบราวเทพเจ้ากรีก ไปจนกระทั่งบางภาพที่ดูเคลื่อนไหวอย่างละคร บางครั้งก็มีรัศมีเรืองรองมาจากผิวกาย และที่มาของแสงก็แตกต่างกัน
นอกจากนั้น เราจะได้เห็นพระพักตร์ของพระเยซูในลักษณะของใบหน้าแบบเทพเจ้าที่วางเฉย ไม่สะท้านกับโลกภายนอก ภาพของพระองค์ในอาการครุ่นคิด และละมุนละไม ภาพของพระเยซูที่แลดูมีเลือดมีเนื้อและใบหน้าเจ็บปวด เศร้าสร้อย ทุกข์ยาก แบบที่มนุษย์ทั่วไปเป็น ภาพพระเยซูที่ตกอยู่ในวิกฤติการณ์ที่เคร่งเครียด ชวนตกใจ หรืออ่อนระทวยแทบสิ้นแรง ภาพการเสด็จสู่สวรรค์เป็นแบบเคลื่อนคล้อยลอยเลื่อนอย่างสงบ หรือการเสด็จขึ้นอย่างรุนแรงมีควันประทุพวยพลุ่งแบบยิงจรวด
เช่นเดียวกับรูปนักบุญ (Saint) เราจะได้เห็นการแสดงภาพที่ชวนศรัทธาของนักบุญที่แลดูสงบนิ่ง การอดทนต่อมหาทรมานของผู้ทรงศีล นักบุญจอร์จในชุดเกราะอัศวินที่ถือหอกฆ่าฟันมารร้าย จนถึงศีรษะของนักบุญยอห์นที่ถูกตัดหัวนำมาเสิร์ฟบนถาดชวนสยอง
สำหรับใครที่ชมชอบกับทวยเทพของกรีกและโรมันก็จะไม่ผิดหวัง ที่นี่มีเรื่องราวสารพัด ภาพสงครามของทวยเทพหรือสัตว์ในนิยายโบราณ การตะลุมบอนวุ่นวายแบบภาพมารผจญ ภาพเทพเจ้าที่กำลังตกในห้วงรักอย่างดูดดื่ม แม้แต่พระอังคาร (Mars) เทพแห่งสงครามที่มักปรากฏภาพการต่อสู้อย่างอาจหาญ ก็ยังพบภาพตอนที่นอนระทดระทวยอ่อนกำลังผ้าผ่อนหลุดลุ่ยมีเด็กน้อยๆมากลั่นแกล้งเล่นอีกด้วย
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์น่าจะชื่นชมกับภาพจำนวนมากที่ใช้ยุคสมัยต่างๆเป็นเรื่องราวแสดงเหตุการณ์ที่โลกจดจำยาวนาน เช่นการฆาตกรรมกษัตริย์บาบิลอน จักรพรรดิอเลซานเดอร์ขณะกำลังจะตาย ชัยชนะสงครามของจักรพรรดิโรมัน คลีโอพัตรากับมาร์คแอนโทนี่ การประหารเลดี้เจน เกรย์ ราชินีเก้าวัน และอีกหลายโมเมนต์ที่นำเสนอแบบดราม่า นอกจากที่ได้บรรยายมาแล้วยังมีภาพของศิลปินดังอย่างเช่น รูเบน วาร์เมียร์ เรมบรานท์ และใครต่อใครอื่นเยอะบรรยายกันไม่หวาดไหว รวมถึงไมเคิลแองเจโล และลีโอนาโดดาวินชี อีกด้วย
และเพื่อที่จะให้ท่านผู้อ่านได้พอเห็นบางภาพที่สำคัญ ผมจึงขอคัดเลือกมาบางส่วนนำเสนอบ้างนิดหน่อย เพื่อเป็นแรงบันดาลใจคุณได้ไปสู่หอศิลป์แห่งลอนดอนสักวันหนึ่งในอนาคต พานพบกับภาพที่คุณชอบด้วยตาและด้วยใจของคุณเอง
ภาพแรกที่ขอแนะนำคือจิตรกรรมสมัยโกธิคที่เป็นรูปพระแม่มารีอุ้มกุมารพระเยซู รายล้อมไปด้วยเหล่านางฟ้าปีกพุ่งแหลมเป็นฉากหลัง ทุกองค์สวมใส่ชุดสีน้ำเงินสวยสดใส ด้านซ้ายมือเป็นแผ่นภาพอีกผืนเป็นรูปบุคคลสี่ท่านวาดไว้ด้วยฝีมือประณีต มีทองคำฉาบพื้นหลังเรืองรอง เราสามารถบ่งชี้ได้ว่าใครเป็นใครจากสัญลักษณ์ที่แต่ละคือถือหรืออุ้มอยู่
ภาพจาก https://th.m.wikipedia.org
โดยคนแรกที่อยู่ซ้ายสุดคือนักบุญเซนต์เอ็ดมันด์,กษัตริย์และผู้พลีชีพ
(St Edmund, king and martyr) มือถือลูกศร
คนต่อมาคือกษัตริย์เอดเวิร์ดผู้สารภาพ (St Edward the Confessor) ซึ่งกำลังใช้นิ้วคีบแหวนอยู่
อีกท่านคือนักบุญยอห์นเดอะแบบติส (St John the Baptist) ซึ่งกำลังอุ้มลูกแกะ
ทุกท่านหันหน้าไปยังพระแม่มาเรีย โดยมีพระเจ้าริชาร์ดนั่งนมัสการอยู่
นักบุญแต่ละคนมีรายละเอียดเส้นผมและหนวดเครางดงาม
ภาพจาก https://th.m.wikipedia.org
สิ่งน่าสนใจของรูปนี้คือการใช้สัญลักษณ์ เช่นรูปกวางตัวจิ๋วสีขาวถูกล่ามโซ่มีมงกุฎอยู่รอบคอและวางอยู่บนเตียงดอกไม้ (เขียนได้ละเอียดขนาดนั้นเลยนะ) ซึ่งเป็นตราประตัวของพระเจ้าริชาร์ต ติดอยู่บนไหล่ในลักษณะเหมือนเข็มกลัดติดเสื้อของเหล่านางฟ้าทุกพระองค์
นอกจากนั้นที่รัศมีของพระเยซูมีกรอบเป็นมงกุฎหนามและมีตะปูอยู่ นับได้ว่าภาพนี้มีรายละเอียดที่เป็นสัญลักษณ์ซ่อนอยู่มาก
ความโดดเด่นล้ำค่าของภาพอีกประการหนึ่งคือการวาดลงบนแผ่นไม้พับได้ที่วางไว้บนแท่นบูชา (altarpiece) ในสมัยโกธิคซึ่งเป็นรูปแบบงานจิตรกรรมที่เก่าแก่และหลงเหลืออยู่น้อยมากแล้ว
เดี๋ยวมีต่อ ติดตามชมตอนต่อไปนะครับ ที่นี่
โฆษณา