Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ChristianThai
•
ติดตาม
15 พ.ย. 2021 เวลา 14:18 • การศึกษา
คริสต์มาสนี้มีความหมาย
The true meaning of CHRISTMAS
เมื่อพูดถึงเทศกาลงานเฉลิมฉลองของคนในโลกนี้นับว่ามีอยู่มากมายหลายงาน แต่มีเทศกาลหนึ่งที่มีความหมายและมีอิทธิพลต่อชีวิตของมนุษย์อย่างมากมายนั่นก็คือ เทศกาลคริสต์มาสนั่นเอง ซึ่งเทศกาลนี้มีเพื่อระลึกถึงการที่พระเจ้าทรงให้พระเยซูคริสต์ซงึ่ เป็นพระบุตรองค์เดียวของพระองค์มาบังเกิดในโลกเมื่อประมาณ 2,000 ปีที่แล้ว เพื่อช่วยมนุษย์ให้รอดพ้นจากความผิดบาป
ถึงแม้เทศกาลคริสต์มาสจะมีความหมายที่ยิ่งใหญ่และมีคนมากมายทั่วโลกที่เข้าร่วมฉลอง แต่มี น้อยคนนักที่จะเข้าใจถึงความหมายที่แท้จริงของวันคริสต์มาส นั่นกเ็พราะว่าคนส่วนใหญ่ได้แต่ฉลองเพื่อหาความสนุกสนานและความชื่นชมยินดีเพียงชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น เขาก็จะไม่ได้สัมผัสถึงความหมายที่แท้จริงเลย
ผู้อ่านที่รัก ชีวิตของท่านที่ผ่านมา บางทีท่านอาจจะไม่เคยสนใจวันคริสต์มาส หรือปีนี้ท่านอาจกำลังตั้งใจที่จะฉลองวันคริสต์มาสตามที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามขอให้ท่านทราบเถิดว่า วันคริสต์มาสนี้มีความหมายต่อชีวิตของท่านมากจริง ๆ นั่นก็เพราะ
1. วันคริสต์มาสเป็นวันที่พระเจ้าทรงเปิดเผยว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของชนทุกชาติทุกภาษา
หลายคนมีความเข้าใจผิดเพราะคิดว่า วันคริสต์มาสเป็นของชาวตะวันตก แต่แท้จริงแล้ววันคริสต์มาสมีที่กำเนิดมาจากทวีปเอเซีย ซึ่งก็คือดินแดนปาเลสไตน์ในวันนั้นเป็นวันที่พระเยซูคริสต์ได้มาบังเกิดในคอกสัตว์ที่หมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในประเทศอิสราเอล
เวลานั้นพวกยิวมีความคิดที่ว่าพระเจ้านั้นทรงเป็นพระเจ้าของพวกเขาเพียชนชาติเดียว แต่ในเหตุการณท์ ี่เกี่ยวข้องกับวันคริสต์มาสพระคริสตธรรมคัมภีร์ได้บันทึกว่ามีพวกนักปราชญ์ที่เป็นคนต่างชาติได้มาเข้าเฝ้าพระเยซูคริสต์ด้วย นั่นจึงแสดงให้เห็นว่า พระเจ้านั้นทรงเป็นพระเจ้าไม่ใช่แค่ของคนยิว ของชาวตะวันตกหรือของชนชาติใดชนชาติหนึ่ง
แต่พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของชนทุกชาติทุกภาษา อย่างเช่นถ้าจะถามว่า “ดวงอาทิตย์เป็นของชนชาติไหน?” คำตอบก็คือดวงอาทิตย์เป็นของชนทุกชาติทุกภาษานั่นเอง ผู้อ่านที่รัก ไม่ว่าท่านจะเป็นชนชาติไหนก็ตาม พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าของท่านด้วย
2. วันคริสต์มาสเป็นวันที่พระเจ้าทรงชี้ให้เห็นว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของทุกชนชั้น
ช่วงเวลาที่พระเยซูคริสต์ทรงลงมาบังเกิดนั้น เราจะเห็นว่าไม่เพียงแต่จะมีนักปราชญ์ที่มีตำแหน่ง มีฐานะร่ำรวยมาเฝ้าพระองค์เท่านั้น แต่ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้มาเข้าเฝ้าพระองค์ด้วย นั่นก็คือคนเลี้ยงแกะที่ไม่มีฐานะไม่มีตำแหน่งอะไร นั่นจึงทำให้เราเห็นว่า พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าของชนทุกชนชั้น ไม่ว่าจะเป็นคนรวยหรือคนจนก็สามารถที่จะพบกับพระองค์ได้ทั้งสิ้น มีคนเคยถามว่า
“ในเมื่อพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า พระองค์น่าจะเลือกเกิดได้ แต่ทำไมพระองค์จึงไม่เลือกเกิดในวังหรือเกิดในครอบครัวคนรวย แต่มาเกิดในคอกสัตว์ที่ต่ำต้อยด้วยล่ะ?”..
ถูกแล้วครับที่พระองค์ทรงสามารถเลือกสถานที่ที่จะเกิดได้แต่การที่พระองค์ทรงเลือกที่จะเกิดในคอกสัตว์ก็เพื่อที่คนทุกชนชั้นหรือแม้กระทั่งผู้ที่พิการ ก็สามารถที่จะเข้าหาพระองค์ได้
ซึ่งถ้าพระองค์เกิดในวังหรือมีตำแหน่งสูงส่ง ก็คงจะมีแต่คนร่ำรวยหรือคนที่มีตำแหน่งสูง ๆ เท่านั้นจึงจะเข้าไปถึงพระองค์ได้ แต่คนธรรมดาสามัญคงเข้าหาพระองค์ยากแน่ ๆ ผู้อ่านที่รัก ไม่ว่าท่านจะมีฐานะอย่างไรก็ตาม พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าของท่านเช่นกัน
3. วันคริสต์มาสเป็นวันที่พระเจ้าทรงสำแดงว่าพระองค์ไม่ทรงทอดทิ้งมนุษย์
พระคริสตธรรมคัมภีร์บันทึกอย่างชัดเจนว่า สรรพสิ่งในโลกนี้ล้วนมาจากการทรงสร้างของพระเจ้าทั้งสิ้น แต่เมื่อพระองค์ทรงดำริว่าจะสร้างมนุษย์ขึ้นมานั้น นับว่าเป็นเรื่องที่เสี่ยงมาก นั่นเป็นเพราะว่าสิ่งมีชีวิตที่พระองค์จะทรงสร้างขึ้นมาต่อไปนี้มีชื่อว่า
“คน”
เมื่อเราเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังตั้งครรภ์ คุณทราบไหมว่าสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในครรภ์ของเธอนั้นจะมีผลต่อเธอมากทั้งในแง่บวกและแง่ลบเพราะสิ่งมีชีวิตที่กำลังจะกำเนิดออกมานั้น เมื่อเขาโตขึ้น
เขาสามารถที่จะทำให้คุณแม่หัวเราะหรือร้องไห้ก็ได้
ทำให้คุณพ่อคุณแม่ภูมิใจหรือเสียใจก็ได ้
เขาอาจจะเชื่อฟังหรือเถียงคุณพ่อคุณแม่ก็ได้
แต่ถึงแม้คุณแม่รู้ว่าลูกที่กำลังจะเกิดออกมานี้อาจจะทำให้เธอเสียใจ แต่พ่อแม่ก็ยังดีใจที่มีลูก ถึงแม้ในอนาคตลูกของเขาอาจจะทำผิดครั้งแล้วครั้งเล่าแต่พ่อแม่ก็ไม่ทอดทิ้งและพร้อมที่จะให้อภัยลูกอยู่เสมอ
เช่นเดียวกัน เมื่อพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมานั้นพระองค์ได้ให้อิสระกับมนุษย์ในการตัดสินใจได้เอง แต่มนุษย์เรากลับตัดสินใจทำในหลายสิ่งที่ผิดบาป ทั้งยังปฏิเสธพระเจ้าผู้ทรงสร้างชีวิตของเขาอีกด้วย จึงทำให้พระองค์เสียพระทัยเป็นอย่างมาก ถึงกระนั้นพระองค์ก็ยังทรงรักและไม่ได้ทอดทิ้งมนุษย์เลย แต่ทรงปรารถนาที่จะช่วยมนุษย์ให้รอดพ้นจากความบาป เพราะพระองค์ทรงทราบดีว่า
ถ้าหากชีวิตของมนุษย์ยังมีความผิดบาปอยู่ เขาก็จะต้องรับการพิพากษาโทษจากพระองค์หลังจากที่เขาจากโลกนี้ไป และในที่สุดก็จะต้องพินาศในนรกอย่างแน่นอน ดังนั้นพระองค์จึงทรงให้พระเยซูคริสต์มารับสภาพเป็นมนุษย์ในโลกนี้ เพื่อรับการลงโทษบาปแทนมวลมนุษย์ชาติ
ผู้อ่านที่รัก ท่านเคยถูกทอดทิ้งไหม?ท่านรู้สึกอย่างไรเมื่อถูกทอดทิ้ง?.. ไม่ว่าท่านจะเป็นอย่างไรก็ตามขอให้ท่านทราบว่า พระเจ้าไม่เคยทอดทิ้งท่าน พระองค์พร้อมที่จะยกโทษให้แก่ท่านและปรารถนาที่จะให้ท่านกลับมาหาพระองค์เสมอ
4. วันคริสต์มาสเป็นวันที่พระเจ้าทรงตามหามนุษย์
หลักความจริงง่าย ๆ อย่างหนึ่งที่เราทุกคนต่างก็เข้าใจกันดี นั่นก็คือ การที่ผู้ที่ใหญ่กว่าจะไปหาผู้น้อยนั้นง่ายกว่าการที่ผู้น้อยจะไปหาผู้ที่ใหญ่กว่า
เมื่อเราเปรียบเทียบดูระหว่างจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้กับตัวของเราเอง เราจะเห็นว่าเมื่อเทียบกันแล้ว มนุษย์เรานั้นเล็กมากเหมือนผงคลีดิน
ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่มนุษย์เราผู้เล็กน้อยจะไปหาและพบพระเจ้าที่ใหญ่กว่าเรามีทางเดียวที่จะพบพระองค์ได้ก็คือ พระองค์ต้องเป็นฝ่ายที่มาหามนุษย์เราเท่านั้น
ดังนั้นการที่พระเจ้าทรงให้พระเยซูมาบังเกิดในวันคริสต์มาส ก็เพื่อชี้ให้เห็นว่าพระองค์นั้นเป็นฝ่ายตามหามนุษย์ที่กำลังหลงอยู่ในทางแห่งความผิดบาป
เมื่อเราคิดถึงว่า พระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ซึ่งเป็นผู้สร้างมาตามหามนุษย์เราที่เล็กน้อยและเป็นคนบาปแล้วเราจึงเห็นว่าพระองค์ทรงเมตตาและให้เกียรติแก่มนุษย์เราจริง ๆ
ถ้าวันนี้มีคนมาเคาะประตูบ้านผมนั้นคือพระมหากษัตริย์ที่ผมรักและเทิดทูน ผมคงจะดีใจและคุกเข่ากราบลงที่พระบาทของพระองค์ด้วยน้ำตาและด้วยความปิติยินดีอย่างแน่นอน เวลานั้นผมคงจะคิดในใจว่า
“ผมเป็นใครกันที่พระองค์จะต้องเสด็จมาหาถึงที่บ้าน ผมเป็นแค่คนเล็กน้อยเท่านั้นพระองค์ช่างมีพระคุณ และให้ เกียรติผมจริงๆ”
ผู้อ่านที่รัก วันนี้พระเจ้าผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และจักรวาลทรงตามหาท่านและกำลังเคาะประตูใจของท่านอยู่พระองค์ไม่ทรงบังคับท่านหรือพังประตูใจของท่าน แต่พระองค์ให้ท่านมีอิสระในการตัดสินใจ
ท่านทราบไหมว่า พระเจ้าทรงสร้างประตูใจของท่านให้มีที่เปิดจากข้างในเท่านั้น ถ้าท่านไม่เปิดใจท่านก็ไม่มีทางที่จะพบพระองค์และได้รับการอภัยโทษจากพระองค์เลย วันนี้ท่านจะไม่เปิดประตูใจเพื่อพบพระองค์หรือ?..
5. วันคริสต์มาสเป็นวันที่พระเจ้าทรงสำแดงความรักต่อมนุษย์
ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ได้บันทึกไว้ว่า
“เพราะว่าพระเจ้าทรงรักมนุษย์ จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศแต่มีชีวิตนิรันดร” (ยอห์น 3:16)
ดังนั้นเราจึงรู้ว่า พระเจ้าทรงรักมนุษย์เรามากจริง ๆ เห็นได้จากการที่พระองค์ทรงยอมให้พระเยซูคริสต์ซึ่งเป็นพระบุตรของพระองค์มารับโทษและตายแทนเรา
สมมุติว่าผมมีเพื่อนรักอยู่คนหนงึ่ วันหนึ่งเขาได้ไปทำผิดกฏหมายร้ายแรงจนถึงขั้นที่ต้องถูกประหารชีวิต ซึ่งมีทางเดียวเท่านั้นที่จะสามารถช่วยเขาได้ นั่นก็คือ ต้องเอาตะปู 3 ดอกตอกที่มือและเท้าของลูกชายผมเพื่อตายแทนเขา คุณคิดว่าผมจะยอมให้ลูกชายของผมตายแทนเขาไหม? ไม่มีทางครับ ผมคงจะพูดกับเขาว่า
“เพื่อนรักเอ๋ย!...ผมรักคุณมาก ผมสงสารคุณ แต่ถ้าจะให้ลูกชายของผมตายแทนคุณแล้วละก้อ ผมทำอย่างนั้นไม่ได้จริง ๆ
คงไม่มีใครที่จะยอมตรึงลูกชายของตนเองให้ตายเพื่อคนอื่น เพราะพวกเราเป็นมนุษย์ที่มีขีดจำกัด เรามีความรักไม่มากขนาดนั้น
แต่พระเจ้าผู้ทรงสร้างเรา พระองค์ทรงเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก จนยอมให้พระบุตรองค์เดียวของพระองค์ถูกตรึงตายที่บนไม้กางเขน เพื่อไถ่ความผิดบาปให้แก่มนุษย์เรา เคยมีคนถามว่า
“ถ้าพระเจ้ารักผมจริงทำไมพระองค์ไม่มารับสภาพเป็นมนุษย์ เพื่อมาตายแทนผม แต่กลับให้พระบุตรของพระองค์คือพระเยซูคริสต์มาตายแทนด้วยล่ะ?”
คำถามนี้เป็นคำถามที่ดีแต่เขาคงจะไม่ทราบว่านอกจากพระเจ้าผู้ทรงเป็นพระบิดาจะทรงรักมนุษย์แล้ว พระเยซูคริสต์ก็ทรงรักมนุษย์เช่นกัน ดังนั้นเพราะเหตุความรัก พระเยซูคริสต์จึงยอมที่จะรับความเจ็บปวดบนไม้กางเขน จนกระทั่งยอมสละชีวิตของพระองค์เพื่อมนุษย์ที่พระองค์ทรงรัก ดังนั้นหากผู้ใดที่ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนผิดคนบาป และทูลขอความช่วยเหลือจากพระเยซูคริสต์
เขาก็จะไม่ต้องรับการพิพากษาโทษจากพระเจ้าอีกต่อไป เพราะพระองค์จะทรงถือว่าพระเยซูประทานชีวิตนิรันดร์ให้แก่เขา ซึ่งเป็นชีวิตที่จะได้อยู่ใสวรรค์กับพระองค์ตลอดไปเป็นนิตย์ ผู้อ่านที่รัก ไม่ว่าท่านจะบาปน้อยบาปมากขนาดไหนก็ตาม แต่ขอให้
ท่านทราบว่า
วันคริสต์มาสเป็นวันที่พระเจ้าทรงสำแดงว่าพระองค์ทรงรักท่าน พระองค์พร้อมที่จะอภัยโทษให้แก่ท่าน ขอเพียงแต่ท่านหันกลับมาหาพระองค์เท่านั้น
บัดนี้ ท่านได้ทราบถึงความหมายที่แท้จริงของวันคริสต์มาสซึ่งเกี่ยวข้องกับชีวิตของท่านโดยตรงแล้ว
ขออย่าให้คริสต์มาสปีนี้ของท่านเป็นเหมือนกับคริสต์มาสในปีก่อน ๆ ที่ผ่านมาไปโดยไร้ความหมาย
ขอให้คริสต์มาสปีนี้เป็นปีที่ท่านจะได้รับการอภัยโทษความผิดบาปจากพระเจ้าได้สัมผัสถึงความรักของพระเยซูคริสต์ ได้รับความอิ่ม ใจและได้รับความชื่นชมยินดีอย่างแท้จริง
ถ้าท่าปรารถนาที่จะรับการอภัยโทษบาปจากพระเจ้าก็ขอให้ท่านอธิษฐานทูลต่อพระองค์ดังนี้
“ข้าแต่พระเจ้า บัดนี้ข้าพระองค์ได้รู้จักความรักที่พระองค์ทรงให้แก่มนุษย์ในวันคริสต์มาสแล้วข้าพระองค์ขอเปิดใจรับความรักของพระองค์ และขอสารภาพความผิดบาปที่ข้าพระองค์ได้กระทำมาทั้งสิ้น ขอพระเยซูคริสต์ทรงโปรดเมตตาอภัยโทษและรับโทษบาปแทนข้าพระองค์ด้วยเถิด ข้าพระองค์ขอกราบทูลในพระนามของพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน”
ถ้าท่านได้ทูลต่อพระองค์ด้วยใจจริงแล้ว ขอให้ท่านมั่นใจเถิดว่า ความผิดบาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว และพระองค์จะทรงดูแลชีวิตของท่านตลอดไป
ผู้เขียน : อาจารย์นิกร สิทธิจริยาภรณ์
ราชาแห่งความรอด (ที่มาของวันคริสต์มาส)
https://www.blockdit.com/posts/61af6ff1dcb1c90d5fc5702d
4 คำถาม ที่น่าประหลาดใจในวันคริสต์มาส
https://www.blockdit.com/posts/64970de8a84ecabe073da57e
สารบัญ Blockdit christianthai
https://www.blockdit.com/posts/62bc6a5483c9c7afe1978688
ซีรีส์ หนังสือเสียงคริสเตียน
https://www.blockdit.com/series/6494669e4e915381ad23f92e
ซีรีส์ แบ่งปันข้อพระคัมภีร์โดย ChatGPT
https://www.blockdit.com/series/6442a9778df4b54742d64a3f
1 บันทึก
1
2
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ใบปลิวคริสเตียน
1
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย