24 พ.ย. 2021 เวลา 04:38 • ครอบครัว & เด็ก
#เจ้าปันสตอรี่ ตอนที่๔
"...และแล้ว ก็มาถึงจุดเปลี่ยน(ของผม)"
แม้พัฒนาการของมนุษย์จะไม่รวดเร็วเท่ากับสัตว์ทั้งหลายที่เราเห็นในสารคดี ที่คลอดออกมาแป๊บเดียวก็เดิน วิ่ง และอยู่ร่วมกับฝูงได้อย่างกลมกลืนในเวลาอันสั้น
แต่พัฒนาการของเจ้าปันตั้งแต่เดือนที่๓ จนถึงขวบกว่าๆ ก็เห็นได้ชัดเจนชนิดวันต่อวัน สัปดาห์ต่อสัปดาห์ เดือนต่อเดือน เลยทีเดียว
จากกระดึ๊บเป็นคลาน จากคลานเป็นเกาะยืน และกลายเป็นเดินในที่สุด (นี่ขนาดยังไม่รวมด้านอื่นๆอีกนะ!)
ซึ่งพวกเราก็เฝ้าติดตามดูกันด้วยความสุข สนุก และตื่นเต้นกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเสมอ
ยิ่งเค้าแสดงให้เห็นถึงความเป็น"มนุษย์"มากขึ้นเท่าไหร่ ผมกับภรรยาก็พูดคุยกับเค้าเหมือนคนทั่วๆไปมากขึ้นเท่านั้น เราคุยกับเค้าไปเรื่อยในแทบทุกเรื่อง แม้ว่าเค้าจะพูดโต้ตอบกลับมาไม่ได้ก็ตาม แต่เราก็มักจะเห็นว่าเค้าเข้าใจและมีปฏิสัมพันธ์ที่ตรงกับเรื่องนั้นๆกลับมา
จึงขอยืนยันว่า "เด็กทุกคนเก่งกว่าที่ผู้ใหญ่ส่วนใหญ่คิดจริงๆ!"
สิ่งหนึ่งที่เราไม่เคยทำเลย คือ การพูดกับลูกด้วยน้ำเสียงแบบเด็ก หรือทำเป็นพูดไม่ชัดแบบเด็กตอนคุยกับเค้า เราจะพูดชัดเจน ชัดถ้อยชัดคำ เพื่อที่จะให้เค้าเติบโตมาเป็นคนพูดชัดเจน ชัดถ้อยชัดคำเช่นเดียวกัน
หลายๆครั้งที่เห็นผู้ใหญ่คุยกับเด็กด้วยน้ำเสียงแบบนั้น ผมจะงงๆ (บางคนถึงขนาดคุยภาษาไทยกับคนต่างชาติไม่ชัดตามไปด้วย นี่ก็งงกว่าอีก ๕๕๕)
ส่วนการหยอกเล่นหรือทำกิจวัตรต่างๆแบบให้ออกกำลังแทรกไปด้วยก็ยังคงดำเนินต่อ แถมเพิ่มดีกรีขึ้นตามความสามารถของกล้ามเนื้อเค้าเป็นลำดับ ถือได้ว่าเค้าเป็นเด็กที่แข็งแรงคนนึงเชียวล่ะ!
ผมกับภรรยาตกลงกันว่า ก่อนที่เราจะออกจากบ้านทุกครั้ง เราจะรายงานตัวกับเค้าก่อน จะบอกว่าจะไปไหน ทำอะไร และจะกลับเมื่อไหร่ แม้ว่าจะไปปาร์ตี้กับเพื่อนๆก็ตาม
ถึงเค้าจะงอแงแต่ผมก็จะค่อยๆพูดกับเค้าจนเค้าอ่อนลง แล้วเราถึงจะค่อยไป โดยเรามักจะเผื่อเวลาก่อนออกจากบ้านสำหรับเรื่องนี้ไว้เสมอ
ในวันที่ภรรยาต้องไปทำงานก็จะง่ายต่อการบอก ลูกจะไม่งอแงเพราะผมยังอยู่ แต่วันไหนที่เราจะต้องออกไปทั้งคู่ หน้าที่นี้ก็จะตกที่ผม แต่สบายมากครับ เรื่องทำให้คนงงนี่เก่งอยู่แล้ว!
เราทำแบบนี้เพราะต้องการสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ให้เข้าใจว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้และเป็นปกติของครอบครัวเรา เชื่อว่าวันนึงเค้าจะเข้าใจมากขึ้น
อาจจะมีบ้างแต่น้อยครั้งมาก ที่จะให้คนช่วยพาเค้าไปที่อื่น แล้วเราค่อยหลบออกไป
และสิ่งที่ผมทำเพิ่มเป็นส่วนตัวคือ เวลาผมกลับบ้านในขณะที่เค้ายังไม่นอน ผมจะผิวปากเป็นเสียงแทนคำว่า "เจ้าปันจ๋า!" ทุกครั้ง
แรกๆเค้าก็ไม่รู้ แต่แป๊บเดียวเค้าก็รับรู้ได้ว่านี่คือสัญญาณการกลับบ้านมาของพ่อ ลองนึกภาพตามสิครับ!
เด็กตัวเล็กๆกำลังน่ารัก ตื่นเต้นตัวสั่นด้วยความดีใจ ถ้าอาบน้ำอยู่ก็จะได้ยินเสียงตีน้ำ พอโตขึ้นหน่อยก็เห็นว่ากระดึ๊บ คลาน เดิน วิ่ง มาหาด้วยรอยยิ้มแฉ่งตาปิด
เราเป็น"ตัวความสุข"ของเค้า เค้าเองก็เป็นแบบนั้นกับเราเช่นเดียวกัน คนที่เลี้ยงหมาคงนึกภาพออก แต่บอกได้เลยครับว่ากลิ่นต่างกันมาก เด็กตัวหอมกว่าเยอะ! 😍
มัวสาละวน เพลิดเพลิน อยู่กับการเห็น รับรู้พัฒนาการของเค้าจนถึงวัยที่ลูกพูดได้ สนใจแต่ตัวเค้าเป็นหลักมาตลอด จนละเลยด้านอื่นไป
จนวันนึงขณะดูทีวีด้วยกันตอนเย็น ลูกพูดขึ้นมาประโยคนึงที่ทำให้ผมช็อค... ผมจำไม่ได้แล้วว่าประโยคนั้นว่าอะไร ไม่ได้หยาบคาย แต่เป็นประโยคที่มีความหมายตำหนิ กระแน๊ะกระแหน ตัวละครในทีวี ผมอึ้งไปพักนึง.....
แล้วก็พูดกับตัวเองว่า "ไอ้จร....นี่มันคำพูดของมึงเลย.....ไงล่ะ! สะใจมั้ยล่ะ.."
ผมเข้าใจได้ในวินาทีหลังจากนั้นทันทีว่า "เข้าใจแล้วโว้ย! การสอนที่ดีที่สุด คือการ"เป็น"ให้เห็น.... มึงอยากได้ลูกมีคุณภาพ มึงต้องปรับปรุงตัวเองนับตั้งแต่วันนี้ คำพูดมึงจะศักดิ์สิทธิ์ ก็ต่อเมื่อการกระทำของมึงศักดิ์สิทธิ์ จำไว้!"
"คำว่า"พ่อ" ไม่ใช่แค่"สถานะ" แต่เป็น"งาน อาชีพ และหน้าที่" ด้วยนะโว้ย!"
นี่คือที่มาของการเลี้ยงลูกแบบ "เราจะเติบโตไปด้วยกัน" ของผม 😄😉
#คนโชคดี #ทำบุญ #mystyle #mysoul #เจ้าปันสตอรี่ #ในระหว่างความคิดถึง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา