21 พ.ย. 2021 เวลา 05:36 • ไลฟ์สไตล์
ขุนเขาแห่งสัจธรรม ตอนที่ 5 มองเห็นอนาคต
ผมตื่นขึ้น ตั้งแต่ตีสี่กว่าๆ
ถ้าจำไม่ผิดน่าจะตีสี่ครึ่ง
เนื่องจากอากาศที่หนาวเย็น และเสียงแข่งกันกรนของคณะนักสำรวจ
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าครูผู้หญิงและน้องนักเรียน
ที่นอนกันอยู่ในห้องบริเวณ หัวอาคาร
และท้ายอาคาร
จะนอนกันหลับหรือไม่
เพราะแต่ละคนนี่...
กรนกันอย่างไม่มีความปราณีเลย
อันที่จริงผมหลับๆ ตื่นๆ ตลอดคืน
เพราะเวลานอนแปลกที่ มักจะทำให้หลับไม่สนิท และจะระวังตัวตลอด
อีกอย่างคือแสงไฟ และเสียงลมกรรโชก
ที่พัดลอดเข้าทางใต้ชายคา
และทางประตูอาคาร มากระทบกับหลังคาสังกะสี ดังตึงตังตลอดคืน
เพราะจ่าโบ้ ที่เข้านอนคนสุดท้าย
ไม่ยอมปิดไฟ ปิดประตู
ผมเดินออกมาจากอาคารเพื่อมานั่งผิงไฟกับคนที่ตื่นมาก่อน
เพราะหนาว และไม่อยากไปทำอะไรให้เป็นการรบกวนคนที่ยังนอนอยู่
แนวทิวเขาข้างหน้าเป็นพิื้นที่ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ส่วนข้างล่างเป็นแผงโซล่าเซล และอาคารแบตเตอร์รี่
สำหรับเช้านี้คงไม่ต้องอาบน้ำ เพราะผมไม่อยากเอาชีวิตไปเสี่ยง
แค่แปรงฟันกับล้างหน้า ก็น่าจะเพียงพอแล้ว
ประมาณ ตีห้ากว่าๆ ทีมสำรวจส่วนใหญ่เริ่มตื่นนอนกันแล้ว
ผมจึงเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า และเก็บสัมภาระแพ็คใส่กระเป๋ารัคแซ็ค
เพื่อเตรียมตัวออกทำภารกิจต่อไป
เมื่อเก็บของเสร็จก็พอดีกับที่เริ่มมีแสงสว่างจับที่ขอบฟ้าด้านทิศตะวันออก
ทำให้พอมองเห็นสายหมอกจางๆที่ลอยอยู่บริเวณลาดต่ำระหว่างโรงเรียนและหมู่บ้านได้
ส่วนหัวหน้าคณะของผมตามพระออกบิณฑบาตแต่เช้า โดยที่ลากน้องเส ติดตัวไปด้วย
หมู่บ้านห้วยลอก
พระภิกษุเพียงรูปเดียวที่จำพรรษาอยู่ในพื้นที่นี้
ข้าวนึ่งปั้นๆ แล้วใส่บาตรตุ๊เจ้า
โบสถ์คาทอลิก ที่แต่เดิมเคยเป็นที่อยู่ของโรงเรียน
หมูหรือหมา ดูไปดูมาคล้ายๆกัน
ทำมาหากินอะไรกันหนอ รถถึงเยอะเพียงนี้
น้ำคือชีวิต
หลังจากมื้อเช้าเรียบร้อย เราก็เริ่มออกปฏิบัติภารกิจกันต่อ
ด้วยการสำรวจปัญหาและความต้องการของโรงเรียน
ปัญหาหลัก และปัญหาใหญ่ของโรงเรียนบ้านห้วยลอก คือ “น้ำ”
เพราะโรงเรียนมีแหล่งน้ำแหล่งเดียวที่จะนำมาใช้งานได้
คือน้ำประปาภูเขา ที่ไหลมาจากภูเขาทางทิศใต้ของโรงเรียน
และแหล่งน้ำนี้จะใช้ร่วมกันกับหมู่บ้านด้วย
ซึ่งแหล่งน้ำกินน้ำใช้ของบ้านห้วยลอก
มีทั้งหมดด้วยกัน 3 แห่ง
เป็นตาน้ำผุด 2 แห่ง อีก 1 แห่งคือบนภูเขาที่ว่า
โดยที่อีก 2 แห่ง ชาวบ้านไม่อนุญาตให้โรงเรียนใช้
ครูผู้ชายนำพวกเราเดินออกจากหน้าโรงเรียน
เลี้ยวขวาไปทางเขาลูกที่ว่า
ผ่านบ้านของชาวบ้านที่มาตั้งอยู่ตรงตีนเขา และขุดบ่อน้ำเอาไว้
เพื่อกักน้ำไว้ใช้ส่วนตัว
บ่อน้ำชาวบ้าน
ครูพาเราเดินขึ้นเขาตามแนวท่อประปา
ลัดเลาะไปตามเส้นทางในป่า
บ้างก็ต้องคลานต่ำลอดซุ้มไม้ บ้างก็ต้องปีนป่าย
จนเราเดินมาเจอจุดที่เป็นตาน้ำ ที่ใช้หล่อเลี้ยงทั้งหมู่บ้าน
วันหนึ่งฉันเดินเข้าป่า
หัวหน้าของเราแจ้งกับครูว่า
ประเมินจากสภาพแวดล้อมที่บริเวณนี้กำลังเผชิญอยู่
ตาน้ำนี้จะมีน้ำให้ได้เต็มที่ไม่เกิน 5 ปี เท่านั้น
เนื่องจากแถบนี้ ไม่มีป่าเหลือแล้ว
และบริเวณที่เป็นป่าต้นน้ำ มีต้นไม้เหลืออยู่แค่ในพื้นที่ 40 กว่าไร่ เท่านั้น
ที่เหลือถูกถางเป็นไร่มะเขือส้มหมดแล้ว
เรียกได้ว่า “มองเห็นอนาคตกันเลยทีเดียว”
หัวหน้ากำลังมองหาตาน้ำ
พวกเราหารือกันอย่างเคร่งเครียด
ว่าจะทำอย่างไรให้โรงเรียนเก็บน้ำไว้ใช้ในห้วงหน้าแล้งได้
โจทย์ใหญ่ที่สุดคือ เราไม่สามารถทำอะไรกับบริเวณตาน้ำได้เลย
แม้ว่าจะขยายแอ่งพักน้ำก็ตาม เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดผลกระทบ
ทำให้บริเวณตาน้ำเสียหาย แล้วน้ำจะไม่ออก
สถานการณ์ตึงเครียดอย่างหนัก
สุดท้ายจึงได้ความเห็นว่า เราจะล้อมรั้วลวดหนาม
รอบแอ่งน้ำเดิม ซึ่งเป็นแอ่งที่เกิดจากธรรมชาติ
ไม่ให้วัวของชาวบ้านขึ้นมากินน้ำและเหยียบย่ำจนเสียหาย
และจะตั้งถังพักน้ำ เพื่อเก็บน้ำไว้ตั้งแต่ต้นทาง
โดยที่หัวหน้าได้วางแผนว่าจะเปลี่ยนแปลงพื้นที่การฝึกประจำปีของกองพัน
ที่จะเริ่มอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
โดยให้ย้ายมาฝึกที่บ้านห้วยลอก และนำทหารช่าง
เข้ามาก่อสร้างลวดหนามและถังพักน้ำข้างบน
แต่สุดท้ายภายหลังแผนนี้ก็ถูกยกเลิกไป
เพราะคำนวณดูแล้วได้ไม่คุ้มเสีย
แอ่งธรรมชาติที่น้ำจากตาน้ำไหลออกมารวมกัน
พระอาจารย์
เมื่อจบการสำรวจ เราจึงได้มุ่งหน้ากลับโรงเรียน
ในทางขาลงจากเขานั้น ใกล้ และไว จนไม่น่าเชื่อ
หรือจริงๆขาขึ้นไปนั้น ครูรับน้องพวกเราก็ไม่รู้
แต่ครูมาบอกทีหลังว่าจำทางขึ้นไม่ได้
เมื่อกลับมาถึงโรงเรียน
เราก็ได้พบเด็กนักเรียนที่มานั่งรอเคารพธงชาติ
บริเวณหน้าอาคารเรียนกันอย่างพร้อมเพรียง
เด็กนักเรียนบ้านห้วยลอกส่วนใหญ่เป็นเด็กเล็ก
มีเด็กโตเป็นจำนวนน้อย
หัวหน้าของพวกเรา นำนักเรียนทำกิจกรรมหน้าเสาธงเล็กน้อย
ก่อนที่จะเคารพธงชาติ และไปพูดคุยกับพ่อหลวง หรือผู้ใหญ่บ้าน
ที่มารอพบ เพื่อชี้แจงถึงภารกิจที่เรามาทำ และกำลังจะมาทำ
ในอนาคตอันใกล้นี้
แต่ละคนแสบๆ ทั้งนั้น
เขาว่าหนูไม่มีความฝัน... แต่หนูฝันอยากเป็นตำรวจนะ
ธงชาติ และเพลงชาติไทย เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นไทย
เข้าแถวรับนมกล่อง หลังเคารพธงชาติ
ชาวบ้านห้วยลอกนี้ บางส่วนนับถือศาสนาคริสต์
แต่จริงๆก็น่าจะนับถือแบบหลวมๆ มากกว่า
แต่กระนั้นที่นี่ก็มีพระภิกษุอยู่รูปหนึ่ง
จำพรรษาอยู่ที่สำนักสงฆ์ทางเหนือของหมู่บ้าน
พระรูปนี้เป็นทั้งช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ ช่างประปา
และเป็นทั้งครูสอนหนังสือให้เด็กๆ
รวมถึงเป็นผู้นำ และที่พึ่งให้กับชาวบ้านในหมู่บ้าน
ในยามที่ผู้นำหมู่บ้านไม่ได้ความ
ไม่ใช่เฉพาะแค่ในเขตตำบลนาเกียนเท่านั้น
แต่ยังยาวไปถึงแถวบ้านยองแหละนู่น
เป็นหนึ่งในพระภิกษุไม่กี่รูปที่ผม ในฐานะคนไม่นับถือศาสนาใด
กราบไหว้ได้อย่างสนิทใจเหลือเกิน
ถ่ายรูปหมู่ จ่า หมวด ผู้กอง
ที่หมายสุดท้าย
เวลาประมาณเก้าโมงกว่าๆ
คณะทีมสำรวจของเรา ก็ได้ฤกษ์เดินทางออกจากโรงเรียนห้วยลอก
เพื่อมุ่งหน้าไปยังที่หมายสุดท้าย
ศศช.บ้านห้วยปูหลวง ตำบลยางเปียง
การเดินทางออกเราใช้เส้นทางเดิม เพิ่มเติมคือเช้าวันนี้มีแดดอ่อนๆ
ทำให้ความรู้สึกแตกต่างจากตอนขาเข้ามาเมื่อวานเล็กน้อย
อีกทั้งเรายังมองเห็นภูมิประเทศบริเวณนี้ได้ถนัดตามากขึ้น
ที่เห็นได้ชัดเลยคือบริเวณแถบนี้ ไม่มีป่าเหลือเลย
"มีแต่ไร่ทั้งนั้น"
ไม่เหลืออะไรเลย... แหลกสลายลงไปกับตา
บางพื้นที่มีรั้วลวดหนามกั้นข้างทาง ที่เป็นไหล่เขาลึกลงไป
ซึ่งดูแล้วมันชันมากเกินกว่าที่จะนำพื้นที่ไปใช้เพาะปลูกอะไรได้
จนเรามาถึงบางอ้อ ก็เมื่อเห็นท่อนไม้ขนาดน้อยใหญ่ที่ถูกตัดไว้
วางเรียงรายตามข้างทางที่เราผ่าน
นี่คือการล้อมรั้วเพื่อตัดไม้โดยเฉพาะ
"ไอ้รั้วที่ว่าคงเอาไว้แบ่งเขตไม่ให้มาตัดทับที่กันแน่นอน"
เราใช้เวลาไปประมาณชั่วโมง
จึงเดินทางมาถึงสามแยกที่เราเลี้ยวเข้ามาบ้านห้วยลอกเมื่อวานนี้
ในขณะที่รถกำลังหันซ้ายไปทางทิศตะวันออก เพื่อมุ่งเข้าสู่ตัวอำเภออมก๋อย
ซึ่งเราต้องผ่านเพื่อจะไปต่อยังตำบลยางเปียง
“จ่าโบ้” ที่กำลังนั่งหลับหัวโยกอยู่หน้ารถ ก็ตื่นขึ้นมาที่แยกนี้พอดี
ด้วยความงัวเงียปนตกใจ จึงรีบบอกให้พลขับรถ เลี้ยวขวาทันที
พวกเราที่นั่งด้านหลัง เห็นรถกำลังหันเลี้ยวผิดทางจึงตะโกนห้ามกันพันละวัน
“จะไปหนายยยยยยย!”
เมื่อรถหันไปในทิศทางที่ถูกต้อง
จ่าโบ้จึงเปิดกระจกแล้วชะโงกหน้ามาบอกพวกเราที่นั่งข้างหลัง
“จีพีเอสๆ มันพาไป”
แหมมมมมมม... ก็เห็นๆกันอยู่น่า
เราใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ตั้งแต่ออกจากห้วยลอก
มาถึงเขตชุมชนของตัวอำเภออมก๋อย
เมื่อเริ่มมองเห็นความคึกคักของชุมชน ผมก็เปิดเน็ตทันที
ตลอดระยะเวลาเกือบ 24 ชั่วโมง ที่ผมไม่ได้เชื่อมต่อกับโลกออนไลน์เลย
ข้อความจาก application ทั้งหลาย
ต่างประเดประดังเข้ามาจนเครื่องแทบค้าง
ผมรีบโทรหาภรรยาทันที แล้วบอกว่า ออกจากป่ามาแล้วนะ สบายดี
ก่อนที่จะโทรไปไล่ถามถึงงานต่างๆ จากรุ่นน้องที่ทำงานอยู่ที่ office
ว่ามีงานอะไรเข้ามาบ้างในช่วงที่ผมไม่อยู่
....โปรดติดตามตอนต่อไปครับ....

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา