22 พ.ย. 2021 เวลา 07:55 • นิยาย เรื่องสั้น
ไทเกอร์ ตอนที่ 1 โชคชะตา
นิยายเรื่อง เรียกข้าว่า ไอ้เสือ
อลิซ สาวน้อยในวัย 10 ขวบ เธอและพ่อแม่ เพิ่งย้ายครอบครัวมาจากกรุงเทพฯ เพื่อมาอยู่ที่บ้านต่างจังหวัดทางภาคตะวันตกของประเทศไทย
บ้านของเธออยู่ติดชายฝั่งทะเล มีทั้งภูเขา ทุ่งหญ้า เรือกสวนไร่นา อากาศก็สะอาดบริสุทธิ์
ในตอนเช้าวันหยุด อลิซกับแม่ของเธอมักจะออกมาเดินเล่น ออกกำลังกาย ชื่นชมความงามตามธรรมชาติ
ที่ตอนอยู่ในเมืองหลวงเธอไม่เคยได้สัมผัสเลย
ไม่ว่าจะเป็น เดินบนพื้นหญ้านุ่ม ๆ ที่ยังมีหยาดน้ำค้างพร่างพรายตามยอดหญ้า ยิ่งช่วงเช้าที่พระอาทิตย์ขึ้นและสาดแสงสว่าง ส่องตรงลงมาตกกระทบกับเกล็ดน้ำค้าง สะท้อนแสง เปล่งประกายดั่งสายรุ้ง สดใส ระยิบระยับ วิบวับ แวววาวราวแสงเพชร
1
ช่างเป็นภาพที่สวยงาม จนคุณแม่ของเธอต้องหยิบกล้องขึ้นมากดชัตเตอร์ เก็บช่วงเวลาดี ๆ กับภาพประทับใจไว้ในเมมโมรี่เสมอ
ผีเสื้อน้อยใหญ่โบยบินชิมลิ้มดอกไม้งาม
ผึ้งงานต่างขวนขวายเก็บเกี่ยวเกสร ขนน้ำหวานกลับคืนสู่รัง
"การได้เดินเท้าเปล่าเหยียบหญ้าในตอนเช้า ถือเป็นเรื่องที่ดีต่อสุขภาพอย่างยิ่ง"
คุณแม่ของเธอมักจะพูดคำนี้ให้อลิซได้ยินบ่อย ๆ และพาเธอทำท่าทางบางอย่าง ที่ช่วยให้รู้สดชื่น ผ่อนคลาย
"รู้สึกถึงความรู้สึกนะลูก
กางแขนออกให้สุด หงายฝ่ามือ
สูดลมหายใจเข้าไปให้เต็มปอด
ยกมือทั้งสองข้างขึ้นไป ให้สุดแขน ประกบกันบนศีรษะ
ค่อย ๆ ดึงมือที่ประกบกันไว้มาวางที่สะดือ
หายใจออกช้า ๆ
ยืนเหยียบน้ำค้างบนยอดหญ้า
หันหน้าเข้าหาพระอาทิตย์"
"นี่คือเคล็ดลับของการมีสุขภาพดี"
ทุ่งนา
ที่นี่มีสถานที่สำคัญ และสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ถือเป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของประเทศไทยเลยก็ว่าได้
บ้านที่พวกเธอย้ายเข้าไปอยู่นั้น เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่มีแต่ชาวต่างชาติพักอาศัยอยู่ และตอนนี้ชาวต่างชาติส่วนใหญ่ก็กลับไปทำงานที่ประเทศของตัวเอง จะเข้ามาพักแค่ปีละครั้ง เป็นการท่องเที่ยวพักผ่อนประจำปีของพวกเขา
ทำให้ในหมู่บ้านตอนนี้ มีแค่ไม่กี่ครอบครัวที่อาศัยอยู่ และไม่มีเด็ก ๆ รุ่นเดียวกับอลิซ ที่พอจะเป็นเพื่อนเล่นกันได้เลย
กระต่าย
เพื่อนคนเดียวที่เธอมีตอนนี้ก็คือเจ้ากระต่ายน้อย เธอเลี้ยงเจ้ากระต่ายน้อยตัวนี้มา 3 ปีแล้ว "มัฟฟิน" คือชื่อของเจ้ากระต่ายน้อยตัวนั้น
วันนี้อลิซกอดแม่ของเธอ ซุกหน้าร้องไห้ อยู่กับอกแม่ สะอื้น คร่ำครวญอยู่บนเตียงนอน ไม่ยอมลุกไปไหน
"คุณแม่ขา หนูปวดหัวใจ หัวใจของหนูมันเจ็บอีกแล้ว ทุกครั้งที่สัตว์เลี้ยงตาย หนูเจ็บหัวใจ ฮือ ๆ"
ก่อนหน้านี้เธอก็มีสัตว์เลี้ยงเป็นนกหงส์หยก ปลาทอง ปลาหางนกยูง และปลากัดซึ่งพวกมันก็ได้ตายจากเธอไปหมดแล้ว ส่วนเจ้านกหงส์หยกนั้นอลิซกับแม่ของเธอพร้อมใจกันปล่อยพวกมันไปเอง …
คุณแม่ของเธอได้แต่กอดปลอบใจลูกสาวตัวน้อย ซึ่งต่างก็เข้าใจถึงความโศกเศร้า ความรู้สึกโดดเดี่ยวของคนที่พึ่งย้ายมาอยู่ที่ต่างจังหวัด และในหมู่บ้านที่พวกเขาอยู่นั้นก็ไม่มีเด็กผู้หญิงหรือเด็กผู้ชายอาศัยอยู่เลย
ที่พอจะเป็นเพื่อนเล่นได้ก็มีแค่เจ้าหมาจรจัด 2 ตัว ที่ชอบเข้ามาขออาหารกินในหมู่บ้าน เวลาที่ประตูหน้าหมู่บ้านเปิดออก พวกมันก็จะวิ่งตามเข้ามา และก็นั่งรอเวลาประตูเปิดอีกครั้ง พวกมันก็จะออกไปเล่นกับเพื่อนหมาจรตามปกติ
อลิซก็รักหมาทั้ง 2 ตัวนั้นมาก จิตใจเธอช่างบริสุทธิ์ งดงามเหลือเกิน เธอชอบเข้าไปนั่งลูบหัวและกอดกับเจ้าหมา 2 ตัวนั้นโดยไม่เคยรังเกียจรังงอน และกลัวพวกมันเลยสักครั้ง
ที่จริงเธอเคยขอให้คุณพ่อคุณแม่รับเจ้าหมาจรทั้งสองตัวนี้มาเลี้ยงดูในบ้าน แต่คุณพ่อคุณแม่ของเธอไม่เห็นด้วย
อลิซจึงทำได้แค่แอบออกมานั่งคุยนั่งเล่นกับพวกมันข้างนอกบ้าน ตรงกำแพงใต้ร่มเงาต้นลีลาวดี ที่เจ้าสองตัวนี้ชอบมานอนรอเธอ
โชคดีที่เจ้าหมาทั้งสองตัวนั้นเป็นหมามีเจ้าของมาก่อน เพียงแต่โดนเจ้าของทิ้งไว้ ตอนที่พวกเขาย้ายออกจากหมู่บ้านไป มันจึงเชื่อง และรู้วิธีเข้าหาคน
บ่อยครั้งที่เธอแอบเอาอาหารไปให้พวกมันและนั่นทำก็ให้เจ้าเพื่อนซี้ทั้ง 2 ตัวนั้นหลงรักอลิซ ตามมาเฝ้าเธอและอาศัยอยู่หน้าบ้านของเธอ
เป็นเหตุให้คุณพ่อของเธอ ก็ตกหลุมรักเจ้าหมาจร 2 ตัวนั้นไปด้วย นานวันเข้ากลายเป็นคุณพ่อของเธอที่ชอบแอบเอาอาหารไปให้เจ้าเพื่อนซี้สี่ขานั้นแทน
ปลาหางนกยูง
วันนี้อลิซร้องไห้เสียใจกับการสูญเสีย ซึ่งจะว่าไป เธอก็เป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ต้องเจอกับการสูญเสียสัตว์เลี้ยงไปครั้งแล้วครั้งเล่า
ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยรู้สึกเสียใจมากนัก นั่นอาจเป็นเพราะความที่เธอเป็นเด็กและยังไม่เข้าใจในความรู้สึกรักและผูกพัน
กับเจ้ากระต่ายน้อยมัฟฟินนั้นเธอทั้งรักและผูกพัน
อลิซมักจะทำความสะอาด เช็ดหน้า อาบน้ำให้เจ้ากระต่ายน้อย ทำความสะอาดกรง ให้อาหารและยังเป็นคนไปซื้ออาหารมาให้เจ้ามัฟฟินด้วยตัวเอง
บ่อยครั้งเวลาเหงา ๆ เธอมักจะนำเจ้ามัฟฟินเข้ามาเล่นมานอนกอดบนเตียง และถ่ายรูปถ่ายคลิปวิดีโอเก็บไว้เป็นความทรงจำ เธอพูดคุย หยอกล้อเล่น ระบายความในใจกับเจ้ามัฟฟินเป็นประจำ ยิ่งเวลามีปัญหากับเพื่อนที่โรงเรียน นอกจากเล่าให้คุณแม่ฟังแล้ว เธอยังชอบมานั่งเล่าเรื่องเพื่อนใหม่ โรงเรียนใหม่ให้เจ้ามัฟฟินซึ่งเป็นเพื่อนตัวเดียวของเธอฟังด้วย
ตอนนี้มัฟฟินไม่อยู่แล้วก็เป็นธรรมดาที่หัวใจของเธอจะต้องเจ็บกับการสูญเสียมิตรแท้ที่แสนดีไปตลอดกาล
คุณแม่ของเธอทำได้แค่ปลอบให้กำลังใจกัน
"แม่ก็เสียใจ ปวดใจเหมือนกันลูกรัก ตอนนี้น้องมัฟฟินตายจากพวกเราไปแล้ว หนูต้องยอมรับความจริงให้ได้นะลูกนะ"
"ทำไมมันเจ็บแบบนี้คะแม่ทุกครั้งที่สัตว์เลี้ยงตาย หนูเสียใจ หัวใจมันเจ็บจริง ๆ นะแม่ ต่อไปหนูไม่เลี้ยงอะไรอีกแล้ว หนูไม่อยากเสียใจ หนูไม่อยากให้หัวใจหนูมันเจ็บอีกแล้ว"
อลิซร้องไห้คร่ำครวญกับการสูญเสียและเธอตัดสินใจว่าต่อไปนี้เธอจะไม่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงแล้ว
ปลาทอง
เด็กผู้หญิงผู้สูญเสียสัตว์เลี้ยงแสนรักของเธอตัวแล้วตัวเล่า ตั้งแต่ปลาทอง ปลากัด ปลาหางนกยูง นกหงส์หยกที่บินหนีไป บางตัวก็ตายจากไปและนกหงส์หยกสี่ตัวสุดท้ายที่เธอและแม่ของเธอยอมปล่อยพวกมันจากไป ให้ไปสู่อิสรภาพสักครั้งในชีวิตของการเป็นสัตว์ปีก
อลิซและแม่ของเธอดูสารคดีเกี่ยวกับชีวิตสัตว์ป่ามาและรู้สึกสงสารเจ้านกที่ถูกขังไว้จึงตกลงกันว่าจะปล่อยพวกมันไป
 
ถึงแม้ว่าคุณพ่อของเธอจะห้ามปราม และให้เหตุผล ว่าปล่อยไม่ได้ ถ้าปล่อยนกหงส์หยกไป พวกมันต้องตายแน่นอน จะต้องโดนนกเจ้าถิ่นกัดจิกจนตายแน่ ๆ และมันจะหาอาหารกินเองไม่เป็น เพราะพวกมันเป็นนกที่โดนเลี้ยงมาตั้งแต่เกิด
ถึงอย่างนั้นอลิซกับแม่ของเธอก็ยังยืนยันที่จะคืนอิสรภาพให้กับเจ้านกหงส์หยก ให้พวกมันได้สัมผัสกับท้องฟ้า อากาศ สายลม และธรรมชาติของป่าโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธรรมชาติของการเกิดมาเป็นนก ใช่ พวกมันเป็นนก เป็นสัตว์มีปีกที่ขึ้นชื่อว่ามีอิสรภาพ พวกมันมีปีกบินได้ พวกมันบินเป็น
นกหงส์หยก
อลิซให้เหตุผลกับพ่อของเธอว่า
"ทุกชีวิตที่เกิดมาบนโลกนี้ต้องตายในสักวันหนึ่ง"
เธอเคยดูสารคดี เธอรู้มาว่านกหงส์หยกนั้นมีพื้นเพมาจากป่า แต่คนเห็นว่ามันมีขนที่ปีกสวยงาม จึงจับมาเพาะพันธุ์ขาย ต้นกำเนิดของพวกมันไม่ใช่สัตว์เลี้ยง มันสมควรได้รับอิสรภาพ ตามที่ควรเป็น นั่นทำให้คุณพ่อของเธอยอมจำนนกับคลิปสารคดีที่ลูกสาวเปิดให้ดูจากช่อง YouTube
อลิซนำดอกไม้ ซึ่งเป็นดอกลีลาวดีที่อยู่หน้าบ้านเธอนั่นเอง โดยคุณแม่ของเธอไปเก็บดอกลีลาวดีมาได้ 1 ตะกร้า
และนำผ้าขนหนูมาห่อตัวให้เจ้ากระต่ายน้อย
อลิซบอกแม่ของเธอว่าให้ช่วยกันสวดมนต์ส่งดวงจิตดวงวิญญาณของเจ้ากระต่ายน้อยมัฟฟิน
เธอสวดมนต์ไปและร้องไห้ไป
เมื่อเสร็จพิธีแล้วจึงนำร่างของเจ้ามัฟฟินที่ตอนนี้มันแข็งทื่อนำไปฝังดินไว้ที่สวนหลังบ้าน
"คุณแม่ขา ช่วยหนูสวดมนต์ส่งน้องไปอยู่กับหลวงปู่นะคะ"
"ได้สิลูก เริ่มกันเลยนะ"
 
อลิซลูกรัก หนูหยุดร้องไห้ก่อนลูก หนูต้องทำจิตให้นิ่ง ให้เป็นสมาธิก่อน ถึงจะมีกำลังส่งบุญให้น้องได้ ทำได้ไหมคะ"
"ค่ะแม่"
เมื่อจัดการเรื่องของมัฟฟินเสร็จแล้ว อีกสักพัก เธอก็เริ่มคิดถึงมันอีก
"หนูไม่เลี้ยงอะไรแล้วนะแม่ไม่เอาแล้วนะ ไม่อยากร้องไห้แล้ว หัวใจหนูมันเจ็บมันรับความเจ็บปวดไม่ได้แล้วนะแม่ หนูไม่อยากเสียใจ หนูไม่อยากร้องไห้หัวใจของหนูมันตายตามสัตว์เลี้ยงของหนูไปทุกครั้งหนูเสียใจ หนูไม่เอาแล้วนะแม่ มันเจ็บ"
อลิซยังคงเศร้าเสียใจร้องไห้และพร่ำบอกกับแม่ของเธอว่าเธอเจ็บหัวใจเพียงใดกับการสูญเสียเพื่อนรักสัตว์เลี้ยงตัวน้อยในแต่ละครั้ง
ก่อนนอนเธอสวดมนต์ภาวนาอุทิศบุญให้เจ้ากระต่ายน้อยมัฟฟิน และพูดคุยกับแม่ของเธอว่า เธอรู้สึกเจ็บในหัวใจอย่างไร และทุกครั้งที่พูดถึงเจ้ากระต่ายน้อยมัฟฟินเธอก็จะร้องไห้ไปด้วย
อลิซคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุให้เจ้ากระต่ายน้อยตายไป ช่วงก่อนที่มันจะตายจากไปนั้น เธอได้อาบน้ำทำความสะอาดให้มัน แต่ด้วยความที่มันซนและตอนนี้มันตัวโตมากแล้ว เวลาที่มันกลัว หรือรำคาญ ก็จะเริ่มสู้และกัดตอบโต้ เพื่อเอาตัวรอด
มัฟฟินชอบหนีไปหลบอยู่มุมในสุดใต้เตียงนอน จะตามจับออกมาก็ไม่ได้ เพราะใต้เตียงต่ำเกินไป อลิซเองก็มุดเข้าไปไม่ถึง และนั่นอาจเป็นที่ ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับเจ้ามัฟฟิน !
ด้วยความตกใจ และโมโห
อลิซจึงปล่อยมันลงไป โดยที่ยังไม่ทันได้เช็ดตัว เป่าไดร์ให้แห้งเหมือนทุกครั้ง
ความชื้นจากน้ำอาจเป็นสาเหตุทำให้เจ้ากระต่ายน้อยช็อกตาย เธอเคยรู้เรื่องพวกนี้มาบ้าง แต่ครั้งนี้เธออาจประมาทเกินไป ที่ปล่อยให้มันตัวแห้งเอง
โปรดติดตามตอนต่อไป
ขอกำลังใจให้อลิซด้วยนะคะ
อ่านเพิ่มเติม จิ้มตาแมวเลยค่ะ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา