22 พ.ย. 2021 เวลา 11:03 • สัตว์เลี้ยง
ไทเกอร์ ตอนที่ 2 สวัสดี
3 วันผ่านไป
ในคืนนั้น เวลา 21.00 น.
คุณพ่อของเธอกลับเข้าบ้านมาพร้อมกล่องกระดาษใบหนึ่ง ข้างในนั้นมีบางอย่างซ่อนตัวอยู่และมันก็ร้องเสียงดังเล็ดลอดออกมาพอให้ได้ยินว่า มิ้ว มิ้ว มิ้ว เสียงร้องเบา ๆ ดังออกมาจากในกล่องกระดาษ
" เซอร์ไพรส์ !!! อลิซ มาช่วยพ่อเปิดกล่องได้ไหมลูก"
"โอ้พระเจ้า"
อลิซที่กำลังวาดรูปเล่นอยู่กับหน้าจอมือถือถลาเข้าไปตามเสียงเล็ก ๆ ในกล่อง หัวใจเธอเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ เธอเฝ้าฝันถึงเสียงเล็ก ๆ ที่น่ารักแบบนี้มานานมากแล้ว ไม่คิดว่าวันนี้เสียงนี้ จะดังอยู่ในบ้านของเธอ
นิยาย ไทเกอร์
เสียง มิ้ว มิ้ว มิ้ว ที่ดังออกมาจากกล่องกระดาษใบนั้น เสมือนหนึ่งกำลังเรียกร้องก้องเข้าไปข้างในหัวใจของเด็กน้อย ให้หัวใจบริสุทธิ์ ที่กำลังบอบช้ำนั้นกลับคืนมาสดใสอีกครั้ง
อลิซนั่งลงข้าง ๆ กล่องกระดาษ "โอ้พระเจ้า หนูไม่อยากจะเชื่อเลย"
คุณพ่อของเธอเปิดด้านหน้ากล่องกระดาษออกมา โดยมีอลิซช่วยจับกล่องไว้ให้ สายตาของเธอเปล่งประกายแห่งความตื่นเต้นที่ได้เจอกับเจ้าของเสียงที่ร้อง มิ้ว มิ้ว มิ้ว
มันกำลัง ขยับยืน หมุนตัวไปมา และตะกุยตะกายตามข้างกล่อง อลิซจ้องมองสิ่งเล็ก ๆ นั้นโดยไม่กะพริบตา
เธอมองเจ้าสัตว์ตัวเล็กในกล่องกระดาษด้วยสายตาที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นความรู้สึกสับสน พร้อมค่อย ๆ ยื่นมือไปลูบหัวเจ้าตัวเล็กอย่างอ่อนโยน และเอ็นดู
และแล้วเธอก็ต้องหยุดชะงักดึงมือกลับมา ทำท่าเหมือนจะร้องไห้
"โอ้พระเจ้า มันช่างน่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกินค่ะคุณพ่อ"
 
"โอ้ ไม่ ๆ ๆ หนูจะไม่เลี้ยงอะไรอีกแล้วหนูกลัวเจ็บหัวใจ หนูไม่อยากให้พวกมันตาย"
อลิซร้องไห้ออกมาอีก ด้วยความรู้สึกผิดที่มีต่อมัฟฟิน
"มัฟฟินยังอยู่ในใจหนู"
คุณพ่อของเธอละมือจากกล่องกระดาษข้าง ๆ และดึงตัวลูกสาวตัวน้อยเข้ามากอด พาเธอไปนั่งลงบนเตียงนอนพร้อมพูดปลอบใจเธอ
"ลูกรักหัวใจหนูเจ็บปวดมามากพอแล้ว
เพราะฉะนั้นหนูจงให้อภัยตัวเองปล่อยวางมัฟฟินให้ไปอยู่กับพระเจ้า แล้วหนูก็มีสิทธิ์ที่จะมีความสุข
หนูมีภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่รออยู่ตรงหน้า
เห็นไหมนั่นเจ้ามิ้วตัวเล็กมันร้องขอกินนมแล้วเร็วสิลูก ไปหานมมาป้อนมันเร็ว"
คุณพ่อของเธอพูดปลอบพลางเช็ดน้ำตาให้ลูกสาวด้วยความรักทั้งหมดจากหัวใจ อลิซกอดพ่อของเธอไว้แน่น เงยหน้าขึ้นมามองหน้าพ่อ เพื่อขอความมั่นใจ แต่แล้วเธอกลับร้องไห้ออกมาแทน
"คุณพ่อขาพามันออกไปทีหนูไม่เลี้ยง หนูไม่เอา"
"ให้มันอยู่กับเราสักคืนได้ไหมลูก นี่ก็ดึกแล้วนะ คืนนี้พ่อคงขับรถไม่ไหวแล้ว"
คุณพ่อของเธอมองดูลูกสาวที่ตอนนี้ กลับไปนั่งลงข้าง ๆ กล่องกระดาษ สะอื้นไป มือหนึ่งป้ายน้ำตา อีกมือก็ค่อย ๆ ลูบหัวเจ้าแมวน้อย อย่างอ่อนโยน
เขามองลูกสาวแล้วยิ้มให้กับความไร้เดียงสานั้นและถามเธอว่า
"รู้สึกยังไงลูก ขนของเจ้าแมวน้อยมันนุ่มไหม อยากอุ้มน้องไหมลูก ลองอุ้มน้องดูสิ เหมือนมันอยากให้ลูกอุ้มนะ นั่น ๆ ดูสิน้องตะกายข้างกล่องขึ้นมาหาลูกด้วย"
อลิซค่อย ๆ ยกประคองเจ้าแมวน้อยขึ้นมาจากกล่องกระดาษแล้วอุ้มไว้ในอก ตอนนี้น้ำตาที่เอ่อล้นอยู่นั้นได้เหือดแห้งหายไปกลายเป็นรอยยิ้มสดใสเข้ามาแทน เธอเงยหน้าขึ้นมองคุณพ่อแล้วถามว่า
"หนูเลี้ยงมันได้จริง ๆ เหรอคะคุณพ่อ"
"ได้สิลูก"
ตอนนี้ลูกแมวน้อยที่กำลังร้องมิ้ว มิ้ว มิ้วอยู่มีอาการตกใจตื่นกลัวกับบ้านใหม่เล็กน้อย
อลิซเองก็ไม่เคยเลี้ยงแมว เธอทำอะไรไม่ถูกไม่รู้จะเลี้ยงยังไง จะให้นมยังไง แล้วเธอก็หันมาหาคุณพ่อของเธอว่า
"คุณพ่อขา คือหนูกับคุณแม่ตัดสินใจกันแล้วว่าเราจะไม่มีสัตว์เลี้ยงแล้ว คุณแม่จะยอมให้หนูเลี้ยงน้องไหมคะ "
"หนูอุ้มน้องไปหาแม่สิลูก"
"แล้วถ้าคุณแม่ไม่ให้เลี้ยงล่ะค่ะ"
"แม่ต้องให้เลี้ยงอยู่แล้วแหละ"
อลิซตัดสินใจอุ้มเจ้าแมวน้อยเข้าไปหาแม่ของเธอซึ่งกำลังสวดมนต์ทำสมาธิอยู่ในห้องพระ
"คุณแม่ขา คุณพ่อเอาลูกแมวมาให้หนูเลี้ยง แต่ว่าเราตัดสินใจกันแล้วว่าจะไม่รักใคร ไม่รักอะไร ไม่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงแล้ว ไม่รักแล้ว เราจะไม่เสียใจ ไม่ร้องไห้แล้ว เราจะทำยังไงกันดีคะคุณแม่"
คุณแม่ของเธอลืมตาขึ้นมาจากการนั่งสมาธิแล้วหันไปยิ้มให้ลูกสาวพร้อมยื่นมือ ไปรับเอาเจ้าลูกแมวน้อยมาอุ้ม
แต่อลิซกลับเบี่ยงตัวหลบแล้วเข้าไปนั่งตักคุณแม่ของเธอพร้อมกับกอดเจ้าแมวน้อยไว้กระชับแนบอกแทน
อาการนี้ของอลิซ ทำให้คุณพ่อคุณแม่มองหน้ากัน แล้วยิ้มให้กับความร้ายเดียงสาของลูกสาว
คุณพ่อคุณแม่ของอลิสได้คุยกันตั้งแต่หลังจากที่เจ้ากระต่ายน้อยมัฟฟินตายจากไปได้ 2 วันแล้ว ทั้งสองเห็นลูกสาวเสียใจกับการจากไปของกระต่ายน้อยมัฟฟินแล้วก็อดที่จะสงสารลูกสาวไม่ได้
"สัตว์เลี้ยง คือเพื่อนที่ดีที่สุดของเด็ก ๆ ลูกคงเรียนรู้จากการสูญเสียในครั้งนี้ว่ามันเจ็บปวด เศร้า เสียใจกับการจากไปของสิ่งที่รักและฉันหวังว่านี่จะเป็นวัคซีนทางใจให้ลูกเข้าใจอารมณ์ เข้าใจความรู้สึกจากความสูญเสียในครั้งนี้ได้บ้าง"
คุณแม่ของเธอพูดขึ้น
"ผมคิดว่าเราควรต้องหาสัตว์เลี้ยงตัวใหม่มาให้ลูกโดยเร็ว จะปล่อยให้ลูกจมอยู่กับความเศร้าเสียใจแบบนี้นาน ๆ ไม่ได้นะคุณเสียสุขภาพจิตกันหมดพอดี"
"ให้เวลาลูกปรับใจอีกสักหน่อยไม่ได้เหรอคะคุณ มันเร็วไปไหมคะ"
"ไม่ดีหรอกที่รัก เราอย่าลงโทษลูกให้อยู่กับความเศร้าเสียใจนานนักเลยนะ
ผมว่าแค่นี้ลูกก็เข้าใจแล้ว ชีวิตต้องดำเนินต่อไป
ลูกต้องรู้จักให้อภัยตัวเอง ปล่อยวางเรื่องราวความทุกข์ เศร้า เสียใจให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเราก็มีหน้าที่ช่วยให้ลูกผ่านมันไปให้ได้"
"ถ้าคุณว่าดีก็ดีค่ะ ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เราเข้าไปดูในเมืองกัน ว่าจะมีอะไรน่าเลี้ยงบ้าง แต่ฉันขอนะ ไม่เอากระต่ายแล้วนะคะ"
"เลี้ยงแมวเป็นไงล่ะเอาไหม"
"ดีสิคะลูกบ่นอยากเลี้ยงแมวมานานแล้วค่ะคุณ"
 
"เดี๋ยวถ้ายังไงผมขอหาข้อมูลเรื่องการเลี้ยงแมวก่อนนะ"
"ขอบคุณที่ทำเพื่อความสุขของลูกสาวนะคะ รักพ่อที่สุดเลย"
"ความสุขของลูก ความสุขของคุณก็คือความสุขของผมนะ ผมทนเห็นลูกร้องไห้ไม่ได้หรอก"
แล้วคุณพ่อของเธอก็ได้โทรหาเพื่อน ๆ ของเขาและเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นให้เพื่อนของเขาฟัง
โชคดีที่หนึ่งในเพื่อนของคุณพ่อนั้นข้างบ้านกำลังมีแมวครอกหนึ่งคลอดลูกออกมามีลูกแมวทั้งหมด 4 ตัวซึ่งเจ้าของเขากำลังหาบ้านให้ลูกแมวทั้ง 4 ตัวอยู่พอดี
 
"แบรี่นายพอจะรู้จักใครที่มีลูกแมวที่กำลังต้องการบ้านบ้างไหม"
"ข้างบ้านฉันไง มีลูกแมวตั้ง 4 ตัว กำลังหาบ้านพอดีเลย เห็นเจ้าของบ้านเขาบ่นว่า ถ้าหาคนรับเลี้ยงไม่ได้ จะเอาไปปล่อยที่วัด ที่ป่าหรือไงนี่แหละ ไอ้เราจะเลี้ยงก็ไม่ไหว กลัวโดนหมาที่บ้านกัดตาย เห็นแล้วน่าสงสารว่ะ ฉันกำลังคิดว่าจะถ่ายรูปลงประกาศหาบ้านให้พวกมันอยู่พอดีเลย"
"ถ้าอย่างนั้นนายขอไว้ให้ฉันสักตัวหนึ่งนะแบรี่ พอดีเจ้ามัฟฟิน กระต่ายที่บ้านตายตอนนี้อลิซ เอาแต่ร้องห่มร้องไห้เสียใจ"
"ได้ ๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเข้าไปคุยกับข้างบ้านให้ แมวน่ารักทั้ง 4 ตัวเลย นายจะเอาไปหมดเลยไหมมาร์ค"
"คงไม่หรอกเพื่อน ขอแค่ตัวเดียวก็พอ ขอบใจมากนะแบรี่ ฝากเป็นธุระให้ด้วยนะ"
และแล้วเจ้าแมวน้อยก็ได้จากพ่อแม่ และบ้านเก่า นายเก่า มาอยู่บ้านใหม่กับเจ้านายใหม่ ไม่ต้องไปเป็นแมววัดหรือแมวป่าแล้ว มิ้ววววววว
โปรดติดตามตอนต่อไป มิ้วววววว
อ่านตอนต่อไป จิ้มตาแมวเลยค่ะ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา