29 พ.ย. 2021 เวลา 10:20 • ไลฟ์สไตล์
6 นิสัยที่ทำร้ายสมองของเรา
สมองเป็นส่วนสำคัญและเป็นศูยน์กลางในการทำกิจกรรมต่างๆ ของร่างกาย แต่นิสัยเล็กๆ ก็สามารถทำร้ายสมองได้เช่นกัน มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
Photo by Martin Wilner on Unsplash
1. การไม่ใช้สมอง — เป็นวิธีที่ทำร้ายสมองอย่างไม่คาดคิด เพราะสมองถูกออกแบบให้คิด ให้มีการเรียนรู้เพื่ออยู่รอด ดังนั้นการไม่ใช้สมองจะส่งผลให้สมองลดการพัฒนาและเสี่ยงต่อสมองฝ่อเมื่ออายุมากขึ้น
การอ่านหนังสือ การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ หรือการเล่นเกมส์อย่างเช่น puzzle หรือ crossword จะสามารถช่วยพัฒนา นิวโรพลาสติกซิตี (Neuroplasticity) หรือความสามารถของสมองในการเปลี่ยนแปลง มีผลการศึกษาออกมาว่าคนที่อ่านแล้วสรุป หรือเขียนบันทึก หรือเขียนไดอารี่ จะทำให้สมองพัฒนาได้ดียิ่งขึ้น
1
การฝึกสมองต้องทำเป็นประจำให้เป็นกิจวัตรประจำวัน หรือประจำอาทิตย์ อย่างเช่นการอ่านหนังสือในหัวข้อใหม่ทุกวันหรือการเรียนภาษาที่ต้องทำเป็นประจำ — "สมองก็เหมือนกล้ามเนื้อ ถ้าเราไม่ใช้ เราก็จะค่อยๆ สูญเสียมันไป"
2. การดูหน้าจอมากเกินไป — ไม่ว่าจะเป็นมือถือ แทปเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ สิ่งเหล่านี้ถูกออกแบบมาให้เราเสพติดอยู่กับมันแต่มันไม่ใช่สิ่งดีต่อสมอง ถ้าเมื่อไหร่เราเริ่มตาแห้ง เมื่อยตัว หรือรู้สึกสมองมึนเบลอ เราควรจะพักจากกิจกรรมหน้าจอ แต่ปัญหาคือเรามักมองข้ามสัญญาณเล็กๆ เหล่านี้
จากการศึกษาพบว่า มีความเกี่ยวข้องโดยตรงระหว่างเวลาที่ใช้หน้าจอและการซึมเศร้า ข่าวสารในแง่ลบมีผลต่ออารมณ์และความนึกคิดของเรา และรวมถึงมีการศึกษาพบว่าการใช้เวลาหน้าจอนานๆ มีผลร้ายต่อสมอง
เราไม่จำเป็นต้องหยุดใช้ social media หรือหยุดรับฟังข่าวสาร เพียงแต่ต้องกำหนดเวลาให้ชัดเจน — "เราต้องเป็นคนควบคุม ไม่ใช่คนถูกควบคุม"
3. การนั่งอยู่กับที่นานเกินไป — ร่างกายมนุษย์ถูกออกแบบมาให้ยืนตัวตรง การนั่งเป็นเวลานานก่อให้เกิดอาการปวดหลังล่าง ทั้งยังเป็นสาเหตุให้เกิดโรคหัวใจ เบาหวานและภาวะซึมเศร้าได้ ยังพบอีกว่าการนั่งอยู่กับที่นานๆ มีผลต่อสมองในเรื่องของความจำ
การนั่งทำงานเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับคนทำงานออฟฟิศ หรือการนั่งเล่นเกมส์ ดูหนังเพื่อผ่อนคลายก็เป็นสิ่งที่ทำได้ เพียงแต่ควรลุกขึ้นยืน เดิน หรือยืดเส้นยืดสายทุกๆ ชั่วโมง การลุกขึ้นมาขยับตัวอยุ่เรื่อยๆ จะทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้เพิ่มขึ้น
เราอาจจะใช้การตั้งเวลาในมือถือ ทุกๆ 50 นาที เพื่อลุกขึ้น หรือการใช้แก้วน้ำเล็กลงเพื่อให้ลุกขึ้นไปเติมน้ำบ่อยขึ้น
4. การกินหวาน — โดยธรรมชาตินั้นการอยากกินของหวานเป็นผลมาจากร่างกายมีความเครียด และทันทีที่เราได้กินของหวานอย่างน้ำอัดลมหรือชาเย็น ร่างกายจะได้รับน้ำตาลปริมาณมาก ทำให้เรารู้สึกสดชื่นในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ความจริงแล้วอันตรายต่อร่างกายเพราะหากร่างกายมีระดับน้ำตาลที่สูงเกินไป จะส่งผลกระทบต่อการทำงานของสมองที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้และความจำ
คงเป็นการยากที่จะหลีกเลี่ยงการกินน้ำตาลจากอาหาร แต่ให้ลองลดน้ำตาลที่เพิ่มเข้าไป เช่นการกินกาแฟหรือชาเย็น ให้ลองสั่งหวานน้อยกว่าที่กินปกติ หรือลดการปรุงก๋วยเตี๋ยวลง รวมถึงเพิ่มการกินอาหารที่มีประโยชน์เพื่อช่วยการทำงานของสมอง ผลการวิจัยพบว่า การกินอาหารที่มีไขมันโอเมก้า 3 ที่ได้จากปลา สามารถลดความเสียหายของสมองได้
5. การพักผ่อนไม่เพียงพอ — ส่งผลโดยตรงต่อสมอง การนอนหลับไม่เพียงพอ หรือหลับไม่ดีส่งผลให้สมองทำงานได้ช้าลง ไม่สามารถ focus กับงาน ทำให้อารมณ์ไม่ปกติ และมีผลต่อความจำ
บางคนมองว่าการนอนเป็นการขัดขวาง productivity แต่จริงๆ แล้วการนอนสำคัญกับ productitivity เป็นอย่างมากเพราะช่วงเวลาที่เรานอนหลับสมองจะได้รับการฟื้นฟู สร้างเซลล์สมองใหม่ๆ และจัดเก็บสิ่งที่ได้เรียนรู้มาทั้งวัน
เพื่อให้สมองได้ฟื้นฟู ควรนอนหลับอย่างมีคุณภาพโดย
- นอนในที่มืด เงียบและอุณภูมิเหมาะสม
- หยุดเล่นมือถือ 1 ชั่วโมงก่อนนอน
- ผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ
- ไม่ทานอาหารมื้อดึก อย่างน้อยควรทาน 2 - 3 ชั่วโมงก่อนนอน
6. การใช้หูฟังที่ดังเกินไป — การฟังเสียงดังมากๆ 30 นาที ต่อเนื่องทำให้เราหูหนวกได้ และจากการศึกษาพบว่าการสูญเสียการได้ยินสามารถทำให้สมองโดนทำร้ายได้
บางครั้งเราใช้หูฟังเป็นการหลบจากโลกภายนอก หรือเพื่อให้มีสมาธิในการอ่านหนังสือ หรือออกกำลังกาย ดังนั้นควรปรับระดับเสียงให้เหมาะสมไม่ดังจนเกินไป และพักการใช้หูฟังเป็นระยะๆ อย่าใช้ต่อเนื่องนานจนเกินไป
นิสัยที่กล่าวมาข้างต้น เป็นนิสัยเล็กๆ ที่เรามักมองข้าม แต่นิสัยเหล่านี้สามารถทำร้ายสมองของเราได้ในระยะยาว หมั่นเช็คตัวเองอยู่เสมอเพื่อรักษาสมองของเราไม่ให้เสื่อมก่อนวัย
Reference:
[มีสมอง ก็ใช้ซะ ไม่อย่างนั้นเสื่อมแน่](https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/744208)
โฆษณา