Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ChristianThai
•
ติดตาม
29 พ.ย. 2021 เวลา 14:52 • การศึกษา
The Bible หนังสือมหัศจรรย์
เชิญพบกับหนังสือที่มีอิทธิพลต่อโลก
ในยุคโลกาภิวัตน์นี้นับว่าเป็นยุคที่หลายสิ่งหลายอย่างเจริญก้าวหน้าอย่างยิ่งซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มาจากการคิดค้นของมนุษย์เรานั่นเองเช่นเครื่องบินคอมพิวเตอร์ฯลฯและเมื่อเราเห็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำงานได้อย่างน่าอัศจรรย์แล้วก็ไม่ยากที่เราจะเข้าใจได้ว่าสิ่งนี้ไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นเองได้เลยแต่จะต้องมีผู้ที่คิดค้นและประดิษฐ์มันขึ้นมาซึ่งผู้ประดิษฐ์เครื่องนี้ก็ต้องเป็นผู้มีมันสมองที่ชาญฉลาดจริงๆ
ดังนั้นในเมื่อมนุษย์สามารถประดิษฐ์เครื่องคอมพิวเตอร์อันแสนวิเศษเช่นนี้เราก็สามารถคิดย้อนกลับไปว่าเบื้องหลังของมนุษย์ที่ชาญฉลาดนี้จะต้องมีผู้หนึ่งที่สร้างพวกเขาขึ้นมาซึ่งผู้สร้างนี้จะต้องยิ่งใหญ่และมีสติปัญญาที่ล้ำเลิศอย่างแน่นอน
และนี่คือความจริงที่เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าพระเจ้ามีอยู่จริงและพระองค์นี่แหละทรงเป็นผู้สร้างมนุษย์ขึ้นมาซึ่งพระองค์ทรงรักมนุษย์เราอย่างมากมายพระองค์ปรารถนาให้มนุษย์เรารู้จักพระองค์แล้วพระองค์ทรงใช้วิธีใดในการสื่อสารกับมนุษย์เพื่อให้มนุษย์ทราบเรื่องราวที่เกี่ยวกับพระองค์ผู้ทรงสร้างมนุษย์?
เป็นที่ทราบกันดีอยู่ว่ามนุษย์เราเป็นสิ่งมีชีวิตสิ่งเดียวในโลกที่มีศักยภาพในการพูด(คือการนำเอาความคิดในใจสื่อออกมาเป็นภาษาหรือเรียบเรียงเป็นถ้อยคำเพื่อสื่อสารให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจ)
ในเมื่อมนุษย์เราสามารถพูดได้นั่นก็แสดงว่าพระเจ้าผู้ทรงสร้างมนุษย์ก็พูดได้เช่นกันดังนั้นพระเจ้าต้องการที่จะสื่อสารกับมนุษย์พระองค์จึงได้นำถ้อยคำของพระองค์มาบันทึกเป็นหนังสือเล่มหนึ่งเพื่อสื่อสารให้มนุษย์ทราบว่าพระองค์ทรงเป็นอย่างไร?...ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมาทำไม?...และพระองค์ทรงมีพระประสงค์อย่างไรต่อมนุษย์?
ซึ่งหนังสือเล่มนั้นก็คือพระคริสตธรรมคัมภีร์นั่นเองและสาเหตุที่ทำให้เราสามารถมั่นใจได้ว่าพระคริสตธรรมคัมภีร์เป็นถ้อยคำของพระเจ้าจริงๆก็เพราะ
1.พระคัมภีร์เป็นหนังสือเล่มเดียวในโลกที่บรรดาผู้เขียนต่างก็ยอมรับว่าพระเจ้าทรงอยู่เบื้องหลังในการบันทึกข้อความเหล่านี้ (2ทิโมธี3:16)
เมื่อเราเห็นหนังสือเล่มหนึ่งเราก็จะทราบได้ทันทีว่าต้องมีผู้ที่เขียนขึ้นมาดังนั้นพระคริสตธรรมคัมภีร์ก็ต้องมีผู้เขียนขึ้นมาเช่นกันแล้วใครล่ะเป็นผู้ที่เขียนพระคริสตธรรมคัมภีร์?“
มนุษย์”หรือ“พระเจ้า”?
ซึ่งถ้ามีใครคิดว่าพระคริสตธรรมคัมภีร์เป็นถ้อยคำของมนุษย์ไม่ใช่ของพระเจ้าก็เท่ากับกำลังบอกว่าผู้เขียนพระคัมภีร์เล่มนี้เป็นคนโกหกนั่นก็เพราะผู้เขียนพระคริสตธรรมคัมภีร์ทุกคนต่างก็ยอมรับว่าพวกเขาได้รับการดลใจจากพระเจ้าในการเขียนทั้งสิ้นพวกเขาทำหน้าที่เหมือนกับเลขาที่บันทึกคำของเจ้านายเท่านั้น
จากการศึกษาเราจะทราบว่าพระคัมภีร์ประกอบด้วย
เล่มย่อยจำนวน 66 เล่ม
มีอายุประมาณ 3,500 ปี
ใช้เวลารวบรวมทั้งสิ้น 1,500 ปี
มีผู้เขียนประมาณ 40 คน
ซึ่งผู้เขียนเหล่านั้นต่างก็อยู่คนละยุคคนละสมัยและก็พูดกันคนละภาษาบางคนก็เป็นคนมีความรู้แต่บางคนไม่มีการศึกษาที่สูงและข้อมูลที่พวกเขาบันทึกนั้นก็ต่างกันแต่เมื่อนำทั้ง 66 เล่มมารวมกันกลับมีการสอดคล้องกันไม่ขัดแย้งกันแม้แต่น้อยและเสริมสร้างกันเป็นเรื่องเดียวกันได้อย่างน่าอัศจรรย์...
สมมุติว่าผมวาดรูปใบหน้าของชายคนหนึ่งแล้วเก็บไว้หลังจากนั้นผมก็เอากระดาษแผ่นเล็กๆจำนวน10แผ่นมาวาดส่วนประกอบของใบหน้ารูปละ1แผ่นซึ่งแต่ละแผ่นนั้นต่างกันบางแผ่นวาดเป็นรูปดวงตาบางแผ่นเป็นรูปปากคิ้วจมูกไฝหนวดโครงหน้าทรงผมและแว่นตาซึ่งแต่ละแผ่นล้วนมีรายละเอียดของใบหน้าแต่ละส่วนที่เหมือนกับรูปของใบหน้าผู้ชายที่ผมได้วาดขึ้นมา
แล้วผมก็แจกกระดาษให้คน 10 คนคนละแผ่นหลังจากนั้นผมก็ให้ทั้ง10คนมาเขียนรูปตามที่ตนเองได้รับมานั้นประกอบกันในกระดานดำคุณคิดว่ารูปใบหน้าที่10คนร่วมกันวาดนั้นจะเหมือนกับรูปใบหน้าของชายคนนั้นที่ผมวาดเก็บไว้ไหม?...
เหมือนแน่ๆ.เพราะอะไรน่ะหรือ?...นั่นก็เพราะทั้ง10คนนี้ต่างก็ได้รับข้อมูลที่มาจากแหล่งเดียวกันหรือจากคนคนเดียวกันและถึงแม้ว่าทั้ง10คนจะได้รับข้อมูลที่แตกต่างกันแต่เมื่อนำมารวมกันแล้วกลับเสริมสร้างกันและเป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างงดงาม
และนี่ก็คือความมหัศจรรย์ของพระคัมภีร์ที่ถึงแม้จะมีผู้เขียนถึง40คนและเขียนข้อมูลที่แตกต่างกันแต่เมื่อนำมารวมกันแล้วกลับสอดคล้องกันและเป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างงดงามเพราะแหล่งความคิดของพระคริสตธรรมคัมภีร์มาจากแหล่งเดียวกันนั่นก็คือมาจากพระเจ้าผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์สร้างจักรวาลและสร้างมนุษย์นั่นเอง
2.พระคริสตธรรมคัมภีร์เป็นหนังสือที่มีมาตรฐานศีลธรรมที่สูงกว่าหนังสือเล่มใดในโลก
ไม่ว่าใครก็ตามที่ศึกษาพระคัมภีร์ก็จะพบว่าพระคริสตธรรมคัมภีร์เป็นหนังสือเล่มเดียวในโลกที่ไม่เคยปรับปรุงแก้ไขและไม่เคยลดมาตรฐานของศีลธรรมเลยแม้แต่น้อย
คำสอนของพระคัมภีร์ก็ไม่เคยล้าสมัยแต่เหมาะกับคนทุกยุคทุกสมัยดังนั้นไม่ว่าใครก็ตามที่มีใจกลางเมื่อศึกษาพระคัมภีร์ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าพระคริสตธรรมคัมภีร์ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าพระคริสตธรรมคัมภีร์มีมาตรฐานของศีลธรรมที่สูงและสอดคล้องกับความเข้าใจของมนุษย์ทุกคนจริงๆ
3.พระคริสตธรรมคัมภีร์เป็นหนังสือที่ได้รับการยอมรับว่าถูกต้องตามประวัติศาสตร์และสอดคล้องกับวิทยาศาสตร์ที่มนุษย์ค้นพบทุกประการ
เมื่อนักโบราณคดีจะทำการศึกษาเกยี่วกับประวัติศาสตร์ของมนุษย์ชาติและอารยธรรมตะวันตกก็จะต้องใช้พระคริสตธรรมคัมภีร์เป็นข้อมูลในการค้นคว้า...และนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีนักวิทยาศาสตร์ที่มีอิทธิพลต่อโลกประมาณ300คนและในจำนวนนั้นมีถึง 262 คนที่เชื่อในพระเจ้า
และนักวิทยาศาสตร์เหล่านี้ต่างพบว่าข้อมูลที่เกี่ยวกับการสร้างโลกซึ่งบันทึกในพระคัมภีร์ในพระธรรมปฐมกาลบทที่1นั้นสอดคล้องกับการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ทุกประการไม่ว่าจะเป็นการเกิดของแสงการแบ่งชั้นบรรยากาศของโลกหรือการแบ่งทะเลฯลฯดังนั้นเราจึงเห็นว่าพระคัมภีร์เป็นหนังสือที่เชื่อถือได้เพราะเป็นถ้อยคำที่มาจากพระเจ้าจริงๆ
4.พระคริสตธรรมคัมภีร์เป็นหนังสือเล่มเดียวในโลกที่มีอิทธิพลต่อโลกอย่างมหาศาล
จากการศึกษาพบว่าพระคริสตธรรมคัมภีร์มีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อกฎหมายระบบการศึกษาแนวความคิดเกี่ยวกับประชาธิปไตยตลอดจนสิทธิมนุษย์ชนของชาวตะวันตกเป็นอย่างมาก
ท่านจะพบว่าโรงพยาบาลแห่งแรกมหาวิทยาลัยแห่งแรกหรือเครื่องพิมพ์เครื่องแรกของโลกฯลฯล้วนเกิดขึ้นได้ก็เพราะหนังสือเล่มนี้โลกของจิตรกรรมปฏิมากรรมดนตรีหรือบทเพลงที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นได้ก็เพราะหนังสือเล่มนี้...การเลิกทาสการให้สิทธิเท่าเทียมกับบุรุษของสตรีการทัดเทียมกันในคุณค่าของความเป็นมนุษย์เกิดขึ้นได้ก็เพราะหนังสือเล่มนี้
ท่านทราบหรือไม่ว่าพระคัมภีร์เล่มนี้สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตคนมาแล้วทั่วโลกนั่นก็คือคนชั่วกลับเปลี่ยนเป็นคนใหม่คนท้อแท้ได้รับกำลังใจคนทุกข์ใจได้รับการปลอบประโลมคนสิ้นหวังกลับมีความหวังก็เพราะหนังสือเล่มนี้...นั่นแสดงให้เห็นว่าพระคริสตธรรมคัมภีร์เป็นหนังสือที่มีอิทธิพลต่อโลกและผู้คนในโลกนี้อย่างมหาศาลจริงๆ..
5.พระคริสตธรรมคัมภีร์เป็นหนังสือเล่มเดียวในโลกที่บอกจุดประสงค์ของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์
พระคัมภีร์ได้บอกถึงที่มาของโลกและจุดกำเนิดของมนุษย์ไว้อย่างชัดเจนหนังสือเล่มนี้ได้บันทึกว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้สร้างสรรพสิ่งทั้งปวงแต่สิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดในการทรงสร้างของพระเจ้าก็คือมนุษย์นี่เอง
เพราะพระองค์ทรงสร้างมนุษย์ให้มีจิตวิญญาณมีสติปัญญาและที่สำคัญก็คือพระองค์ทรงให้มนุษย์มีอิสระในการเลือกหรือตัดสินใจได้เองแต่พระองค์ก็ทรงปรารถนาให้มนุษย์เชื่อฟังพระองค์และดำเนินชีวิตตามกฎเกณฑ์ที่พระองค์ทรงกำหนดไว้
แต่น่าเศร้าใจที่มนุษย์เราทุกคนต่างก็ใช้อิสระในการเลือกในทางที่ผิดโดยไม่ยอมเชื่อฟังพระเจ้าและตัดสินใจทำในสิ่งที่ผิดบาป
ตั้งแต่นั้นมาชีวิตของมนุษย์จึงต้องพบกับความวุ่นวายความทุกข์ปัญหาและต้องเผชิญกับความตายซึ่งเป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวแต่ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือหลังจากที่เขาจากโลกนี้ไปแล้วจิตวิญญาณของเขาจะต้องไปอยู่ต่อหน้าบัลลังก์พิพากษาของพระเจ้าและต้องรับการลงโทษตามการกระทำของตนเองในที่สุดก็จะต้องทุกข์ทรมานอยู่ในบึงไฟนรกเป็นนิจนิรันดร์
ดังนั้นพระองค์จึงทรงใช้คนของพระองค์เขียนหนังสือเล่มนี้เพื่อให้มนุษย์ทราบว่าพระองค์ทรงรักมนุษย์และไม่ต้องการให้มนุษย์เราพบจุดจบเช่นนั้นเลยพระองค์ต้องการที่จะช่วยมนุษย์ให้พ้นจากโทษบาป
โดยเหตุนี้พระองค์จึงได้ทรงให้พระเยซูคริสต์ซึ่งเป็นพระบุตรองค์เดียวของพระองค์มารับสภาพเป็นมนุษย์ในโลกเพื่อเป็นผู้ไถ่ความผิดบาปให้แก่มวลมนุษย์ชาติและ
เมื่อประมาณ 2000 ปีที่แล้วพระเยซูก็ได้มาบังเกิดในโลกพระองค์ทรงยอมถูกตรึงจนสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนก็เพื่อที่จะรับโทษความผิดบาปแทนผู้ที่ถ่อมใจยอมรับว่าตนเองเป็นคนบาปและทูลขอความช่วยเหลือจากพระองค์...
พระคริสตธรรมคัมภีร์ได้บันทึกว่าหลังจากที่พระเยซูทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนแล้วในวันที่3พระองค์ก็ทรงฟื้นจากความตายและทรงพระชนม์อยู่เป็นนิตย์ซึ่งเป็นการพิสูจน์ว่าพระองค์ทรงมีชัยชนะต่ออำนาจของความบาปและความตายดังนั้นพระองค์จึงทรงสามารถช่วยคนทั้งปวงให้รอดจากอำนาจเหล่านี้ได้เช่นเดียวกัน...
ผู้อ่านที่รักจากเหตุผลข้างต้นคงจะเพียงพอ ที่จะทำให้ท่านเห็นและเข้าใจได้ว่าพระคริสตธรรมคัมภีร์เป็นถ้อยคำที่มาจากพระเจ้าจริงๆดังนั้นพระคัมภีร์จึงเป็นหนังสือที่มหัศจรรย์และเป็นหนังสือที่พิเศษสุดไม่มีเล่มใดเสมอเหมือน...ผู้อ่านที่รักทุกท่านเวลานี้ท่านเป็นคนหนึ่งที่อยากทราบถึงที่มาของชีวิตและอยากทราบความหมายของการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ใช่ใหม?...
ขอเชิญท่านอ่านพระคริสตธรรมคัมภีร์แล้วท่านจะได้พบคำตอบของชีวิตอย่างแท้จริงและถ้าท่านปรารถนาที่จะได้รับการอภัยโทษจากพระเจ้าผู้ทรงสร้างท่านขอเชิญท่านมาหาพระเยซูคริสต์พระองค์พร้อมแล้วที่จะรับโทษความผิดบาปแทนท่านเพื่อท่านจะไม่ต้องรับการพิพากษาโทษจากพระเจ้าแต่จะได้อยู่บนสวรรค์กับพระองค์ตลอดไปชั่วนิจนิรันดร์
ผู้เขียน: อาจารย์ นิกร สิทธิจริยากรณ์
สารบัญ Blockdit christianthai
https://www.blockdit.com/posts/62bc6a5483c9c7afe1978688
ซีรีส์ หนังสือเสียงคริสเตียน
https://www.blockdit.com/series/6494669e4e915381ad23f92e
ซีรีส์ แบ่งปันข้อพระคัมภีร์โดย ChatGPT
https://www.blockdit.com/series/6442a9778df4b54742d64a3f
ซีรีส์ ใบปลิวคริสเตียน
https://www.blockdit.com/series/6443f153175a891238f59001
บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ใบปลิวคริสเตียน
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย