10 ธ.ค. 2021 เวลา 12:22 • นิยาย เรื่องสั้น
The Adventures of จ.Jump ตอน รูปปั้นมีชีวิต
สวัสดีนักอ่านหน้าเก่าและหน้าใหม่ทุกคนกับ Mr.Jump ที่ช่วงนี้หายหน้าไปเลยตั้งแต่ตอนไร่ข้าวโพดหายไป ครั้งนี้พอได้หยุดยาว (3 วัน) เลยมีโอกาสได้ไปผจญภัยออกนอกประเทศอีกหน โดยคราวนี้ได้ไปเยี่ยมเยียนบ้านของผู้ดีท่านหนึ่งที่ซึ่งความโอฬารตระการตาของคฤหาสน์แอบซ่อนความลึกลับไว้ ซึ่งจะเป็นอะไรมากไปกว่าตอน รูปปั้นมีชีวิต
1
ก่อนที่ตารางงานเดือนใหม่จะออกผมเคยวางแผนไว้ว่าถ้าได้หยุดยาวก็อยากหาโอกาสไปเยี่ยมชมบ้านของมหาเศรษฐีท่านหนึ่ง ที่ซึ่งเคยรวยติดอันดับต้น ๆ 100 คนของโลก
1
ครั้นจังหวะเป็นใจตารางงานเผยโฉมผมเลยตะลีตะลานรีบจองตั๋วเครื่องบินจัดกระเป๋าเดินทางในตอนเย็นทันที เพราะหลังจากได้งานที่ไม่ได้ทำมาแรมปีวันหยุดที่เคยอยู่ติดบ้านมานานได้จางหายไปจากชีวิตประจำวันนับหลายเดือนได้
พอเสียเงินและเวลากว่าครึ่งค่อนวันบนเครื่องบินในช่วงกลางคืนผมก็มาถึงประเทศที่เป็นจุดหมายการเดินทางในหนนี้
ถึงความงัวเงียหลับไม่เต็มตื่นบนเวหาจะมีผลต่อสติการรับรู้ผมก็ไม่อยากเสียเวลาหยุดพักเนื่องจากเวลาที่มีนั้นค่อนข้างจำกัด ขืนช้าเพียงเสี้ยววินาทีเกรงว่าแผนที่ดั้นด้นตั้งใจมาพักผ่อน(ทางใจ)คงจบไม่สวยกลับบ้านไม่ทันทำงานในวันถัดไป
เสร็จสรรพผมเลยโบกแท็กซี่กล่าวอย่างสุภาพแอบโชว์เงินนิด ๆ หน่อย ๆ ให้คนขับดูถ้ารีบเร่งพาไปถึงเป้าหมายได้เร็วก็อาจมีโอกาสได้รู้จักกับคุณเบนจามิน แฟรงคลิน
2
ด้วยเวลาไม่นานไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงผมก็มาถึงหน้าคฤหาสน์ของมหาเศรษฐีที่เปิดต้อนรับรอนักท่องเที่ยวอย่างใจจดใจจ่อ
หลังกระเป๋าเงินแฟบลงเพราะจ่ายให้คนขับแท็กซี่และหน้าทางเข้าคฤหาสน์ วิวทิวทัศน์ที่คนสามัญยากจะเห็นจึงเปิดเผยประทับอยู่ในสายตา
สวนสวยคราคร่ำพันธุ์ไม้นานาชนิดต่างเบิ่งบานอวดสีสันแสนสะดุดตา เส้นทางเดินที่ทอดยาวกระจายตัวเป็นทรงเลขาคณิตแบ่งช่องให้ผู้รับชมเดินเข้าถึงได้ทุกตารางเมตร
ใจกลางสวนที่อยู่ก่อนถึงคฤหาสน์มีรูปปั้นสตรีคล้ายศิลปะจากกรีกตั้งโดดเด่นมองเห็นจากสวนได้ทั่วทุกมุม ด้วยท่าทางอ่อนช้อยดุจมนุษย์ตัวจริงเลยมีหลายคนพากันต่อคิวถ่ายรูปกันอย่างล้นหลาม
ตัวผมที่ชอบงานศิลปะเป็นทุนเดิมย่อมมีใจอยากถ่ายรูปตามชาวบ้านเหมือนกัน แต่เพราะไม่ได้พาใครมาด้วยประกอบกับแถวค่อนข้างหนาแน่นจึงขอปลีกตัวเดินชมคฤหาสน์ข้างในก่อนดีกว่า
ภายหลังอิ่มหนำสำราญจำเริญใจเก็บรายละเอียดบันทึกลงในความทรงจำผมก็พร้อมจะกลับไปพักผ่อนที่โรงแรมที่พึ่งจองผ่านสมาร์ทโฟนเมื่อสักครู่
ซึ่งระหว่างที่เดินผ่านกลับออกไปนึกขึ้นได้ว่าจะต้องถ่ายรูปเป็นที่ระลึกเสียก่อน โดยจะเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจากรูปปั้นที่อยู่กลางสวน
โชคดีที่ตอนนี้ไม่มีใครรอถ่ายรูปผมเลยสามารถตั้งกล้องโทรศัพท์หามุมสวย ๆ โดยไม่ต้องพึ่งพาฝีมือใคร
ทว่าระหว่างที่หามุมที่ใช่ผมเริ่มสังเกตเห็นว่ารูปปั้นมีท่าทางแปลกไปไม่เหมือนตอนแรกที่เห็น เมื่อทบทวนความจำลองคิดดูถ้าจำไม่ผิดมือของรูปปั้นจะยกขึ้น แต่ในเวลานี้มือนั้นกลับแหงนลงแทน
1
คำถามคือเป็นไปได้เหรอที่รูปปั้นจะเปลี่ยนท่าทางของตัวเอง คำตอบคือเป็นไปไม่ได้เพราะถ้าเป็น(เรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติ)แบบนั้นจริงจะต้องมีคนอื่นสังเกตเห็นเหมือนกัน
หรือว่ารูปปั้นที่ผมเห็นจะเป็นคนจริง ๆ ที่เลียนแบบการแสดงให้เหมือนกับรูปปั้น
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่เหมือนกันเพราะหลังจากพยายามเอื้อมมือไปสัมผัสตรงเท้าผมก็รู้ได้ทันทีว่าเจ้าของเท้าเปลือยเปล่า ณ กลางสวนหาได้มีผิวหนังเหมือนกับมนุษย์เรา
สงสัยผมคงจำผิดไปเองบางทีระหว่างตอนอยู่ข้างในคฤหาสน์คงเผลอจดจำภาพศิลปะบางชิ้นกับรูปปั้นสลับกันแหง
เมื่อยอมรับคำตอบที่ฟังขึ้นของตนผมก็พร้อมถ่ายรูปเป็นหลักฐานยืนยันในการมาเที่ยวหนนี้
ทว่าหลักฐานที่หยิบขึ้นมาดูบนหน้าจอสมาร์ทโฟนกลับกลายเป็นเครื่องชี้ชัดว่ารูปปั้นดังกล่าวท่าทางเปลี่ยนไปไม่ใช่ความทรงจำของผมจำสับสนแต่อย่างใด
เพราะข้อมือตรงที่ท้ายสะเอวอีกข้างพลิกบิดลงมาขณะที่กล้องจับภาพได้อย่างชัดเจน
แม้จะดูรูปที่ถ่ายกี่รอบสันนิษฐานเรื่องมุมแสงตกกระทบอย่างไรก็อธิบายไม่ได้ว่าทำไมมือที่ไม่น่าจะขยับได้ถึงเคลื่อนไหวเอง นอกเสียจากรูปปั้นดังกล่าวมีชีวิต !!
และเพื่อยืนยันความจริงอีกครั้งหนนี้ผมเลยใช้กล้องหน้าถ่ายรูปตัวเองกับรูปปั้นแล้วค่อย ๆ กด กด และก็กดถ่ายไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเปิดย้อนดูรูปล่าสุดเท่านั้นแหละถึงได้เห็นว่าหน้ารูปปั้นที่หันข้างกลับหันมองตรงมาจ้องตาอย่างไม่กระพริบ
***เฉลยปม***
หลังเผ่นหนีวิ่งลัดเลาะสวนจนเกือบจะถึงทางออกผมจำเป็นต้องหยุดพักเหนื่อยสักครู่มิเช่นนั้นคงจะขาดอากาศหายใจตาย
พอได้พักพื้นจนเรี่ยวแรงกลับมาก็มีแอบสะดุ้งเพราะนึกว่ามือสีขาวที่จับไหล่อยู่นั้นเป็นมือของรูปปั้น
1
ตอนที่หันกลับไปผมยังนึกไม่ออกว่าเจ้าของมือนั้นเป็นใครจนกระทั่งอีกฝ่ายเปิดปากพูดถึงรู้ว่าเขานั้นทำงานอยู่ในคฤหาสน์แห่งนี้ในฐานะคนดูแลสวน และที่เข้ามาทักก่อนเพราะเป็นห่วงเห็นสีหน้าแล้วอาการไม่สู้ดี
เมื่อรู้ว่าเขานั้นเป็นใครผมจึงไม่ลีลาเล่าเรื่องทุกอย่างตั้งแต่จนจบพร้อมแสดงหลักฐานให้เห็นว่ารูปปั้นเปลี่ยนไปอย่างไร
ในตอนที่ฟังจบผมนึกว่าเขาจะรีบตามคนมาช่วยแต่เปล่าเลยเขากลับระเบิดเสียงหัวเราะน้ำตาเล็ดน้ำตาร่วงบอกไม่ต้องห่วงเรื่องรูปปั้น
ซึ่งผมเองยังไม่ค่อยเข้าใจทำไมเรื่องที่ดูแปลกประหลาดถึงกลายเป็นเรื่องตลกสำหรับคนอื่นไปได้ ทว่าพอได้ยินคนสวน(ที่เลิกหัวเราะในที่สุด)กระซิบกระซาบบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่เขาจะหัวเราะขนาดนั้น
ใครจะคาดคิดละว่าคฤหาสน์ของมหาเศรษฐีที่เคยรวยล้นฟ้าจะเป็นหนี้มหาศาลพอ ๆ กับเงินที่หามาได้ โดยสาเหตุที่เปิดให้คนทั่วไปได้เข้าชมเพื่อจะหาเงินมาโปะหนี้สินที่สูญเสียไป
ไม่เพียงเท่านั้นบรรดาข้าวของต่าง ๆ ที่มีอยู่ทั้งในและนอกคฤหาสน์ล้วนถูกนำไปขายทอดสู่ท้องตลาดเรียบร้อยกระทั่งรูปปั้นที่อยู่ในสวนด้วย
ที่รูปปั้นลักษณะท่าทางเปลี่ยนไปเป็นเพราะแท้ที่จริงแล้วสิ่งนั้นไม่ใช่รูปปั้นแต่เป็นหุ่นลองเสื้อที่ถูกนำมาทาสีเคลือบให้เหมือนกับรูปปั้น
2
มิน่าที่หัว แขน และมือรูปปั้นบิดงอลงหรือหันมาเองคงเกิดจากข้อต่อหลวมนี้เอง ไม่ใช่เป็นเพราะรูปปั้นมีชีวิตแต่ประการใด
3
ถึงอย่างนั้นก็เถอะสำหรับรูปที่ผมถ่ายมาได้ตอนจังหวะที่หน้ากำลังหันมามันช่างดูราวกับว่าสิ่งนั้นมีชีวิตอย่างไรอย่างนั้น
2

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา