ไม่มีผู้สร้างจริงหรือ?
คำพยานของ รศ.พญ.นลินทิพย์ ตำนานทอง
เรื่อง “พระเจ้า” เป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ไม่ยอมรับหรือ?... ท่านทราบไหมว่า... ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีนักวิทยาศาสตร์ที่มีอิทธิพลต่อโลกอยู่ประมาณ 300 คน ซึ่งในจำนวนนั้นมีถึง 262 คนที่ยอมรับว่าจักรวาลและโลกนี้ถูกสร้างขึ้นโดยพระเจ้า...
นักปรัชญาชาวเยอรมันคนหนึ่งชื่อ อิมมานูเอล คานท์ ได้กล่าวไว้ว่า “การที่พิสูจน์ว่ามีพระเจ้านั้นเป็นเรื่องที่ยาก แต่การที่จะพิสูจน์ว่า “ไม่มีพระเจ้า”นั้น ยากมากกว่าหลายร้อยหลายพันเท่า”...
เซอร์ไอแซค นิวตัน นักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงของโลกผู้ซึ่งยอมรับว่ามีพระเจ้าได้กล่าวไว้ว่า“ถ้าคุณจะเชื่อว่าสรรพสิ่งทั้งปวงที่ดำรงอยู่อย่างมีระบบระเบียบนี้ เกิดขึ้นมาเองโดยปราศจากการทรงสร้างและการออกแบบของพระเจ้าแล้ว คุณจะต้องใช้ความเชื่อมากกว่าผมหลายร้อยหลายพันเท่าเลยทีเดียว”
ถ้าเราเดินเข้าไปในป่าลึก แล้วพบบ้านไม้หลังหนึ่งก็ไม่ยากเลยที่เราจะเข้าใจว่า บ้านไม้หลังนั้นจะต้องมีคนสร้างขึ้นมา ถึงแม้เราจะไม่เห็นคนกำลังสร้างก็ตาม... ท่านคิดว่าเป็นไปได้ไหม ที่บ้านหลังนั้นจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติหรืออาจเกิดขึ้นจากต้นไม้ในป่าจำนวนหนึ่งโดนลมพายุพัดมารวมกันแล้วก่อตัวเป็นรูปร่างขึ้นจนเกิดเป็นบ้านหลังนั้นในช่วงระยะเวลาหลายร้อยหลายพันปีก่อน... เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!...
ดังนั้นเราไม่มีทางที่จะเข้าใจและยอมรับได้เลยว่า บ้านไม้หลังนั้นเกิดขึ้นเองโดยไม่มีคนสร้าง เช่นเดียวกัน...จักรวาลและโลกอันกว้างใหญ่ไพศาลและมีระบบระเบียบเช่นนี้ ไม่อาจเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติหรือโดยบังเอิญอย่างแน่นอน... จึงไม่ยากเลยที่จะเชื่อว่าโลกนี้ถูกสร้างโดยพระเจ้า ผู้ทรงเป็นผู้สร้างและทรงเป็นสถาปนิกที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง...
ต่อไปนี้... เป็นคำพยานของแพทย์หญิงท่านหนึ่งซึ่งท่านได้สัมผัสกับพระเจ้าผู้ทรงสร้าง และเป็นผู้ให้ความหวังใหม่แก่ชีวิตของท่าน...
คำพยานของ รศ.พญ.นลินทิพย์ ตำนานทอง
สวัสดีค่ะผู้อ่านทุกท่าน... ดิฉันชื่อ นลินทิพย์ ตำนานทอง ดิฉันเป็นคนที่ชอบคิดเกี่ยวกับเรื่องของชีวิต... ตอนที่ดิฉันเริ่มโตขึ้น ดิฉันเคยคิดว่า “ชีวิตคนเราเกิดมาทำไม? อยู่เพื่ออะไร? วัน ๆ ก็ต้องดิ้นรนและเป็นเช่นนี้ทุกวัน หากชีวิตคนเราวนเวียนอยู่แค่นี้และมีทุกข์นัก ก็ฆ่าตัวตายเสียดีกว่า” แต่ความจริงแล้ว ลึก ๆ ในใจเรารู้ว่าชีวิตไม่ได้สิ้นสุดเพียงความตาย
ดังนั้นมนุษย์ทุกคนจึงกลัวความตายเพราะไม่รู้ว่าตายแล้วจะไปไหนหรือต้องพบกับอะไรบ้าง?...
พื้นเพดิฉันไม่ได้เป็นคริสเตียนดิฉันเกิดในครอบครัว ที่เป็นชาวจีน ซึ่งมีการกราบไหว้สิ่งต่าง ๆมากมาย ๆ แต่ดิฉันไม่ได้รับคำตอบจากสิ่งที่ดิฉันยึดถืออยู่ในเวลานั้นในเรื่องที่เกี่ยวกับว่า “ตายแล้วไปไหน?” ทำให้ดิฉันต้องพยายามค้นคว้าจากหนังสือต่าง ๆ ไม่วา่ จะเป็นหนังสือปรัชญาหรือศาสนา แต่ก็หาคำตอบที่แน่ชัดไม่ได้ว่า...
“ตายแล้วไปไหน?...
และตามที่ดิฉันเชื่ออยู่ในเวลานั้นก็คิดว่าคนเราเกิดมาเพื่อใช้กรรมเก่า และขณะที่ใช้กรรมเก่าก็สร้างกรรมใหม่ขึ้นมาอีก... ไม่สิ้นสุด.. ถ้าเป็นเช่นนี้ใครจะรอดได้? ใครจะหลุดพ้นได้?... ดังนั้นดิฉันจึงเห็นว่าชีวิตช่างไม่มีความหมายอะไรเลย... ทุกครั้งเวลาที่ดิฉันมีปัญหาที่รุนแรง ดิฉันก็คิดอยากจะใช้ความตายในการจบปัญหานั้น ๆ แต่ก็กลัว... เพราะไม่รู้ว่าตายแล้วจะไปแล้ว?...
หลังจากดิฉันจบแพทย์และมาเป็นอาจารย์ประจำที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น เวลานนั้ ดิฉันอยากไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ จึงคิดอยากจะเรียนเพิ่มเติมในด้านภาษาอังกฤษ ซึ่งเวลานั้นมีมิชันนารีท่านหนึ่งยินดีที่จะสอนภาษาอังกฤษให้ดิฉัน แต่ต้องใชพ้ ระคริสตธรรมคัมภีร์ (Bible) เป็นตำราเรียน... ในใจของดิฉันเวลานั้นก็คิดว่า “ใช้อะไรสอนก็ไม่เป็นไร คนเราถ้า ไม่เชื่อซะอย่างใครจะมาบังคับให้เราเชื่อได้”
แต่ก่อนดิฉันเป็นคนที่ไม่ชอบศาสนาคริสเตียนดิฉันมีเพื่อนคนหนึ่งที่ชอบพูดเรื่องพระเยซูให้ดิฉันฟังดิฉันก็ปฏิเสธและโต้เถียง ทั้งยังดูถูกความเชื่อของเขา...ดิฉันคิดว่าศาสนาคริสเตียนเป็นเรื่องงมงาย เป็นศาสนาฝรั่งและไม่สมเหตุสมผลเท่ากับศาสนาที่ดิฉันถืออยู่ในเวลานั้น (แต่ลึก ๆ ในใจของดิฉันรู้ดีว่า มีคำถามหลายอย่างที่ดิฉันไม่ได้รับคำตอบจากสิ่งที่ดิฉันนับถืออยู่) ...
ค้นพบความจริง
5 ปี จากการเรียนภาษาอังกฤษโดยผ่านทาง พระคริสตธรรมคัมภีร์ นอกจากจะทำให้ดิฉันได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษแล้ว ดิฉันยังได้เริ่มเรียนรู้ว่า พระเจ้าของคริสเตียนเป็นผู้ใด? พระเยซูคริสต์เป็นใคร?... แต่ก็ยังไม่ยอมเชื่อ เพราะยังไม่สามารถยอมรับในเรื่อง “พระเจ้ามีจริง”... จนกระทั่งวันหนึ่งได้มีโอกาสพูดคุยกับนายแพทย์จิตร สิทธิอมร (ปัจจุบันท่านเป็นอาจารย์ประจำอยู่ที่คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)
ท่านได้เล่าให้ดิฉันฟังว่า
“โลกเรานี้มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ตาเรามองไม่เห็นแต่มันก็มีอยู่จริง."
.. เช่น อากาศที่อยู่รอบตัวเรา ซึ่งประกอบด้วยก๊าซต่าง ๆ และคลื่นต่าง ๆ มากมาย ถึงแม้เราจะสัมผัสหรือจับต้องมันไม่ได้ แต่สิ่งเหล่านี้ก็มีอยู่จริง ซึ่งสิ่งเหล่านี้มนุษย์ไม่ได้สร้างมันขึ้นมามนุษย์เพียงแต่ไปค้นพบและนำมันมาใช้เท่านั้น แล้วผู้ใดกันล่ะเป็นผู้สร้างมัน และเป็นผู้ให้สติปัญญาแก่มนุษย์เราที่จะทำความเข้าใจกับมันได้”
จากคำกล่าวของท่าน ทำให้ดิฉันเริ่มคิดและมองเห็นว่า สิ่งต่าง ๆ ในโลกนี้มันมหัศจรรย์เกินกว่าที่จะเกิดขึ้นเองได้ แต่จะต้องมีผู้สร้างที่ยิ่งใหญ่ที่สร้างมันขึ้นมา จึงทำให้ดิฉันยอมรับในความเป็นจริงที่ว่าโลกนี้ต้องมีผู้สร้างซึ่งก็คือพระเจ้านั่นเอง
ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ได้บอกอย่างชัดเจนว่าพระเจ้าเป็นผู้สร้างจักรวาลและสรรพสิ่งในโลกซึ่งทุกสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นมานั้นล้วนแต่สวยงามและน่าอัศจรรย์
แต่สิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดในการทรงสร้างของพระเจ้าก็คือมนุษย์เรานี่เอง เพราะพระองค์ ทรงสร้างมนุษย์ให้มีจิตวิญญาณ มีสติปัญญา มีความนึกคิด และที่สำคัญก็คือพระองค์ทรงให้มนุษย์มีอิสระในการเลือกหรือตัดสินใจได้เอง
ซึ่งพระองค์ปรารถนาที่จะให้มนุษย์มีความสัมพันธ์กับพระองค์และทำตามกฎเกณฑ์ที่พระองค์ทรงกำหนดให้... แต่น่าเศร้าใจที่มนุษย์ได้ใช้อิสระในการเลือกในทางที่ผิดก็คือมนุษย์เลือกที่จะปฏิเสธพระเจ้าและฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ของพระองค์
มนุษย์จึงต้องตกอยู่ในความผิดบาปและพ่ายแพ้ต่อความบาปเรื่อยมา จึงทำให้มนุษย์ต้องเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ เผชิญกับความทุกข์และความตาย ยิ่งกว่านั้นก็คือมนุษย์จะต้องรับการพิพากษาโทษบาปจากพระเจ้าอีกด้วย
แต่เพราะความรักของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์พระองค์ไม่ปรารถนาให้มนุษย์ต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้เลยดังนั้นพระองค์จึงทรงประทานพระเยซูคริสต์ให้มารับสภาพเป็นมนุษย์ในโลกเมื่อ 2,000 ปีที่แล้ว
เพื่อมาเป็นผู้ช่วยมนุษย์ให้พ้นจากความบาป โดยพระองค์ทรงยอมตายบนไม้กางเขนรับโทษความผิดบาปแทนมนุษย์แต่ในวันที่ 3 พระองค์ได้ทรงฟื้นขึ้นมาจากความตาย...ดังนั้น... หากใครที่ทูลขอความช่วยเหลือจากพระองค์ พระองค์ก็จะทรงรับโทษความผิดบาปแทนเขาอย่างแน่นอน...
เมื่อดิฉันได้ทราบว่าพระเจ้าทรงรักและห่วงใยมนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้างมากมายถึงเพียงนี้ ..ดิฉันจึงได้ยอมสารภาพความผิดบาป และทูลขอให้พระเยซูคริสต์ยกโทษบาปให้แก่ดิฉัน เพื่อดิฉันจะไม่ต้องรับการพิพากษาโทษในนรกอีกต่อไป... บัดนี้ดิฉันมั่นใจแล้วว่า หลังจากที่ดิฉันต้องจากโลกนี้ไปดิฉันได้ไปอยู่ในสวรรค์ซึ่งเป็นหน้าที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมให้กับผู้ที่เชื่อในพระองค์อย่างแน่นอน
ชีวิตที่เปลี่ยนแปลง
ในเวลานั้นครอบครัวของดิฉันมีปัญหามากทำให้เกิดการทะเลาะกันระหว่างดิฉันและสามีบ่อยครั้งจนถึงขึ้นเกือบแยกทางกัน แต่พระเจ้าก็ทรงช่วยแก้ปัญหาให้แก่ครอบครัวของดิฉัน... และพระองค์ไม่เพียงแต่คลี่คลายปัญหาครอบครัวให้แก่ดิฉันเท่านั้น แม้นิสัยหรืออารมณ์บางอย่างที่ไม่ค่อยเหมาะสมและพระองค์ก็ทรงเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น...
และต่อมาไม่นาน สามีของดิฉันก็ได้ตัดสินใจต้อนรับพระเยซูคริสต์ให้เป็นพระผู้ช่วยให้รอดจากความบาปเช่นเดียวกับดิฉัน...
หลังจากนั้นดิฉันได้ศึกษาพระคริตธรรมคัมภีร์ซึ่งเป็นหนังสือที่พระเจ้าทรงบันทึกเป็นตัวอักษรให้แก่มนุษย์จึงได้เรียนรู้เรื่องของพระองค์มากขึ้น ทั้งยังได้รับคำตอบหลายอย่างที่เคยมืดมนในอดีต...
ดิฉันได้เรียนรู้แล้วว่ามนุษย์มาจากไหน?
อยู่ในโลกนี้เพื่ออะไร? และกำลังจะไปไหน?
ตายไปแล้วจะพบกับอะไร?...
เวลานี้ดิฉันไม่มีความคิดที่อยากจะตายอีกต่อไป... แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าดิฉันกลัวตายแต่เพราะความตายไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวสำหรับดิฉันอีกแล้ว... และที่ยังไม่อยากตายก็เพราะดิฉันได้รู้แล้วว่าชีวิตคนเรามีค่าเพียงไร และเราควรจะใช้ชีวิตที่ยงั อยู่ในโลกนี้ให้มีคุณค่า ให้มีความหมายได้อย่างไร...
ผู้อ่านที่รักทุกท่าน ดิฉันอยากจะบอกท่านว่าพระเจ้าไม่เพียงแต่ทรงห่วยใย ทรงประทานสันติสุขและความหวังให้แก่ดิฉันเท่านั้น แต่พระองค์ยังทรงปรารถนาที่จะมอบความรัก ความสันติสุข และความหวังให้แก่ท่านเช่นกัน... ถ้าท่านปรารถนาอยากกลับมาหาพระเจ้าผู้สร้างชีวิตท่าน และอยากให้พระเยซูคริสต์ยกโทษความผิดบาปให้แก่ท่านเหมือนกับดิฉันแล้วท่านสามารถอธิษฐานทูลต่อพระองค์ดังนี้...
“ข้าแต่พระเจ้า... ข้าพระองค์ได้ทราบแล้วว่าพระองค์ทรงเป็นผู้สร้างสรรพสิ่ง รวมทั้งชีวิตของข้าพระองค์ด้วย แต่ข้าพระองค์ได้ปฏิเสธพระองค์และได้ทำความผิดบาปมากมาย... เวลานี้ขอพระเยซูคริสต์ทรงโปรดยกโทษความผิดบาปให้แก่ข้าพระองค์ด้วยเถิดข้าพระองค์ขอมอบชีวิตให้พระองค์เป็นผู้ดูแลตลอดไปอธิษฐานขอในพระนามพระเยซูคริสต์ อาเมน”..
ถ้าท่านได้อธิษฐานตามข้างต้นนี้ด้วยความจริงใจแล้ว ขอให้มั่นใจเถิดว่า ความผิดบาปของท่านได้รับการอภัยแล้วอย่างสิ้นเชิง และพระองค์จะทรงนำชีวิตของท่านตลอดไป...
ผู้เขียน : อาจารย์นิกร สิทธิจริยาภรณ์
สารบัญ Blockdit ChristianThai
ซีรีส์ หนังสือเสียงคริสเตียน
ซีรีส์ แบ่งปันข้อพระคัมภีร์โดย ChatGPT
ซีรีส์ ใบปลิวคริสเตียน
- 3
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
