6 ม.ค. 2022 เวลา 10:01 • การศึกษา

ด้วยพระคุณแห่งพระคริสต์

คำพยานของ อาจารย์ไซมอน เลา คุณประสิทธิ์ ดอนพานเหล็ก คุณเดชา สีพิมพ์ขัด
1
ในโลกนี้ไม่มีใครที่ไม่เคยผิดพลาดและล้มลงในชีวิตแต่เมื่อเขาล้มแล้วก็ควรที่จะลุกขึ้นมา แต่ก็มีบางคนเมื่อล้มแล้วไม่มีใครให้โอกาสเขาที่จะลุกขึ้นมาใหม่ มีใครไหมที่จะช่วยคนเหล่านี้และให้โอกาสแก่พวกเขา?
ผู้อ่านที่รัก ท่านเป็นคนหนึ่งที่กำลังล้มอยู่ใช่ไหม?...ท่านกำลังแสวงหาผู้ที่สามารถพยุงท่านและให้โอกาสแก่ท่านที่จะลุกขึ้นมาเพื่อต่อสู้ชีวิตอีกครั้งหนึ่งใช่ไหม?...ลองอ่านเรื่องราวชีวิตของบุคคลทั้ง 3 ท่านนี้ ท่านอาจจะพบกับผู้นั้นซึ่งเป็นผู้ที่ท่านกำลังแสวงหาอยู่ก็ได้
คำพยานของ อาจารย์ไซมอน เลา
สวัสดีครับ...ผมชื่อไซมอน เป็นคนฮ่องกง พ่อแม่ของผมนั้นมีลูกหลายคน ตอนที่ผมเป็นเด็กผมมีความรู้สึกว่าคนในครอบครัวไม่ฟังผม ไม่เข้าใจผม จึงทำให้ผมชอบหนีออกจากบ้าน สุดท้ายก็ออกมาอยู่ข้างนอกกับเพื่อนรวมตัวกันเป็นแก๊งค์อันธพาล ชกต่อย ตีกัน หลังจากนั้นผมได้ยกระดับตัวเองขึ้นมาเป็น “หัวหน้าแก๊งค์” ซึ่งนั่นเป็นเหตุที่ทำให้ผมเริ่มที่จะเสพยาเสพติด “หัวหน้ามันต้องเป็นทุกอย่างซิ!”..ประโยคนี้ทำให้ผมต้องลองเสพ
สุดท้ายก็ติดและเมื่อไม่ได้เสพก็จะเกิดการ “ลงแดง” ซึ่งมีความรู้สึกเหมือนกับว่าในหัวใจนั้นมีมดนับเป็นพัน ๆ ตัวกำลังรุมกัดแทะและตามเนื้อตามตัวก็เหมือนกับมีเข็มเป็นหมื่น ๆ เล่มที่กำลังทิ่มแทงอยู่ ผมต้องดิ้นรนพยายามที่จะหามันมาเพื่อจะเสพ จนต้องฉกชิงวิ่งราวเพื่อจะได้เงินไปซื้อมันมาเสพจนกระทั่งฤทธิ์ของมันเข้าไปทำลายสมองของผม ทำให้เป็นคนบ้าเลือด
ทุกครั้งที่ชกตีกันกับแก๊งค์อื่น ๆ ผมจะต้องเห็นเลือดจึงจะรู้สึกสะใจ จนกระทั่งมีวันหนึ่งผมได้มีเรื่องกับคู่อริตัวร้าย และถูกพวกเขารุมตีผมจนแขนและซี่โครงหัก มิหนำซ้ำพวกมันก็เอาเศษแก้วมากรีดที่ขาและใต้ฝ่าเท้าของผม แล้วพวกมันก็ไป
ผมถูกนำส่งไปยังโรงพยาบาล และเมื่อคุณแม่ผมได้ยินข่าว ท่านก็มาเฝ้าอาการของผม และเมื่อผมเห็นภาพของคุณแม่ที่มีผมขาวและมีรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า ผมก็ไม่อยากที่จะเสพและใช้ชีวิตเหมือนเดิมอีกต่อไป
เพราะผมไม่อยากให้คุณแม่ต้องมาปวดใจเพราะผมอีก ถึงแม้ในใจของผมจะคิดเช่นนั้น แต่เมื่ออาการลงแดงกำเริบ ผมก็ไม่มีกำลังที่จะต่อสู้มันได้เวลานั้นผมรู้สึกถึงว่าความทุกข์ทรมานที่สุดของชีวิตไม่ใช่ความทรมานเพราะฤทธิ์ยาเสพติด แต่เป็นความทรมานที่ในใจมีความรู้สึกอยากทำในสิ่งที่ดี สิ่งที่ถูกต้อง
แต่ไม่สามารถที่จะทำได้ ข้างในผมมีความเป็นมนุษย์ แต่ไม่สามารถที่จะสำแดงความเป็นมนุษย์ออกมาได้ ผมรู้ดีว่าผมทำในสิ่งที่มนุษย์ไม่สมควรทำเลย
ในที่สุดเมื่อมาถึงจุดหนึ่งผมจึงตัดสินใจไปเลิกยาเสพติดที่ “ศูนย์เบิกอรุณ” ในฮ่องกง ซึ่งเป็นศูนย์บำบัดยาเสพติดของคริสเตียน
หลังจากอยู่ที่นั่นไม่นาน ผมก็สามารถที่จะเลิกยาได้ แต่ผมรู้ว่าการเลิกยาครั้งนี้ไม่ใช่เป็นเพราะความเด็ดเดี่ยวของผมแต่เป็นเพราะพระเจ้าให้กำลังแก่ผมที่จะเอาชนะมันได้อย่างเด็ดขาด ซึ่งไม่เพียงแต่ผมจะเลิกยาได้เท่านั้น แต่พระองค์ยังได้ให้อภัยต่อความผิดบาปของผม และให้กำลังแก่ผมที่จะเอาชนะบาปได้อีกด้วย
เพราะในตอนแรก ๆ มีหลายครั้งที่ผมคิดอยากออกไปฆ่าพวกที่มันเคยทำร้ายผมอย่างแสนสาหัส แต่เมื่อผมได้อ่านเรื่องราวในพระคริสตธรรมคัมภีร์ที่พูดถึงพระเยซูคริสต์ทรงสอนว่าเราต้องให้อภัยแก่ผู้อื่นเหมือนที่พระองค์ทรงอภัยความผิดบาปให้แก่เรา ผมจึงได้อธิษฐานขอให้พระเจ้าลบล้างความแค้นออกไปจากจิตใจของผม และพระองค์ก็ทรงเปลี่ยนแปลงความคิดของผมได้จริง ๆ
เดี๋ยวนี้ผมอยากจะไปหาคนเหล่านั้นที่ทำร้ายผมเพื่อจะบอกพวกเขาว่า “ผมไม่คิดที่จะแก้แค้นและทำร้ายพวกคุณอีก เพราะพระเยซูคริสต์ทรงเปลี่ยนแปลงผมแล้ว ผมเพียงแต่อยากบอกให้พวกคุณทราบว่า ผมให้อภัยพวกคุณ และอยากบอกว่าพระเยซูรักคุณ และผมก็รักคุณเช่นกัน”
ครึ่งชีวิตของผมที่ผ่านมาได้ถูกยาเสพติดและอำนาจแห่งความผิดบาปครอบงำ ซึ่งถ้าพระเจ้าไม่ทรงช่วยผมแล้วผมก็คงต้องรับโทษหนักในนรกเป็นแน่ แต่เพราะพระคุณของพระองค์ที่ทรงให้พระเยซูคริสต์มาเป็นผู้รับโทษบาปแทนมนุษย์ผู้เป็นคนบาปอย่างผม จึงทำให้ผมไม่ต้องรับโทษในนรกอีกต่อไปบัดนี้ผมได้รับชีวิตใหม่แล้ว ซึ่งเป็นชีวิตในการช่วยเหลือคนเหล่านั้นที่เคยเป็นเหมือนผมในอดีต
คำพยานของ คุณประสิทธิ์ ดอนพานเหล็ก
ดั้งเดิมผมเป็นคนจังหวัดกาฬสินธุ์ ผมก็เป็นคนหนึ่งที่เคยเลือกทางเดินชีวิตที่ผิดพลาดจึงทำให้อนาคตของผมนั้นต้องจบลง ผมได้เข้าไปเกยี่ วข้องกับอบายมุขต่าง ๆ ตั้งแต่อายุได้ 10 ปี โดยเริ่มคบรุ่นพี่ที่เป็นนักเลง จึงถูกชักชวนให้ลองสูบบุหรี่ เหล้า และการพนันพอผมอายุ 17 ปี ผมก็เริ่มที่จะสูบกัญชาและเฮโรอีนในที่สุดผมก็ติดมัน ต่อมาผมถูกตำรวจจับฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครอง
เมื่อผมออกมาผมก็เล่นหนักกว่าเดิมโดยการฉีดเฮโรอีนและเริ่มเสพยาม้า(ยาบ้า) สุดท้ายก็ถูกตำรวจจับติดคุกอีก 1 ปี ขณะอยู่ที่ในคุก ด้วยความที่รู้จักตำรวจ จึงได้เป็นหัวหน้านักโทษ และมีโอกาสไปบรรยายถึงโทษภัยของยาเสพติดให้กับนักเรียนในโรงเรียน เวลานั้นผมรู้สึกภูมิใจและตั้งใจว่าเมื่อออกมาผมจะเลิกจากยาเสพติดให้ได้
แต่เมื่อออกจากคุก ผมก็หันกลับไปหามันอีก ผมไม่มีกำลังที่จะต่อสู้กับอำนาจของมันได้เลย ผมจึงหันมาดื่มเหล้าเพื่อให้มันไม่ต้องคิดอะไร
จนเมื่อผมอายุ 30 กว่าผมก็ติดเหล้าอย่างหนักถึงขั้นที่ดื่มเพื่อรอวันตายเท่านั้น จนกระทั่งวันหนึ่งได้มีอาจารย์ที่คริสตจักรเข้ามาในซอยที่ผมอาศัยอยู่ และได้เล่าเรื่องพระเยซูคริสต์ให้ผมฟัง
แต่เวลานั้นผมยังมีอาการเมา ท่านพูดอะไรผมก็ไม่รู้เรื่อง แต่ท่านก็อดทนและหนุนใจให้ผมเลิกเหล้า ผมก็เลยตั้งใจเลิกอาจารย์ท่านนั้นจึงพาผมไปที่โรงพยาบาลจิตเวชขอนแก่นเพื่อเลิกเหล้า แต่ก็ไม่สามารถที่จะเลิกได้ ผมจึงบอกว่า “ปล่อยผมไปเถอะ ชีวิตของผมมันจบแล้ว”
สุดท้ายผมก็กลับมาที่กาฬสินธุ์และดื่มเหล้าอย่างหนักเช่นเดิมมีบ่อยครั้งที่ผมเมาจนถึงกับนอนอยู่ข้างถนน... แต่ขอบพระคุณพระเจ้าพระองค์ยังไม่ทอดทิ้งผม อาจารย์ท่านนั้นได้มาหาผมอีกและชวนให้ผมไปเลิกเหล้าที่ศูนย์เบิกอรุณ จังหวัดเชียงรายซึ่งเป็นหน่วยงานของคริสเตียน
ผมก็ไป... เมื่อไปถึงได้ 2วันอาการลงแดงก็เกิดขึ้น ผมสติแตก คลุ้มคลั่ง และพูดจาไม่รู้เรื่อง ทางศูนย์ฯ จึงต้องมัดผมไว้ ในขณะนั้นพี่น้องคริสเตียนที่อยู่ในศูนย์ได้อธิษฐานขอพระเจ้าให้ทรงช่วยเหลือผม และแล้วสิ่งอัศจรรย์ก็เกิดขึ้นพระเจ้าได้ทรงรักษาอาการสติแตกของผม ทำให้ผมเริ่มมีสติสัมปชัญญะ อาการของผมก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ผมจึงได้สัมผัสถึงความรักของพระเจ้าที่ผ่านมาทางเพื่อน ๆ ในศูนย์ที่คอยดูแลผม
และผมได้ทราบว่าถึงแม้ชีวิตที่ผ่านมาของผมนั้นจะเหมือนกับขยะของสังคม แต่พระเจ้าผู้ทรงสร้างชีวิตผมนั้น พระองค์ไม่เคยดูถูกผมเลย พระองค์ทรงให้อภัยคนที่แย่ ๆ อย่างผมและทรงให้โอกาสแก่ผมที่จะตั้งต้นชีวิตใหม่ในที่สุดผมจึงได้ทูลขอความช่วยเหลือจากพระเยซูคริสต์ให้พระองค์ทรงช่วยรับโทษบาปแทนผมด้วย ผมอยากได้รับการเปลี่ยนแปลงชีวิต
ในที่สุดผมก็เลิกเหล้าได้จริง ๆ และจนถึงวันนี้พระองค์ก็ยังทรงสร้างชีวิตผมขึ้นมาใหม่ทุก ๆ วัน ตั้งแต่วันนั้นผมก็ตัดสินใจว่าจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในโลกนี้ตอบแทนพระคุณของพระเจ้า โดยการช่วยเหลือพี่น้องคนไทยที่ตกเป็นทาสยาเสพติดเช่นเดียวกับผม และในปัจจุบันนี้ผมได้ทำงานอยู่ที่ศูนย์เบิกอรุณที่สาขาขอนแก่น
คำพยานของคุณเดชา สีพิมพ์ขัด
สวัสดีครับ ผมชื่อเดียว ผมเกิดในครอบครัวที่คุณพ่อคุณแม่แยกทางกันตั้งแต่ผมยังเป็นเด็ก เมื่อเป็นวัยรุ่นผมก็คบเพื่อนที่เกเรเหมือนกัน และเริ่มที่จะลองเสพยาเสพติด ในที่สุดผมก็ติดมัน ตอนแรก ๆนั้นทางบ้านก็ยังพยายามที่จะช่วยให้ผมเลิก แต่พอบ่อยครั้งเข้าพวกเขาก็เอือมระอา และไม่อยากที่จะยุ่งกับผมอีกต่อไป
จึงได้ส่งผมไปอยู่กับคุณแม่ที่ฮ่องกง เมื่อไปอยู่ที่นั่นผมก็ยิ่งใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมาย กินดื่มทั้งเหล้า บุหรี่ ยา รวมทั้งเที่ยวกลางคืน...
แต่มีบางครั้งเมื่อตอนที่ผมอยู่คนเดียว ผมก็เคยถามตัวเองว่าชีวิตอย่างนี้นะหรือสิ่งที่ผมต้องการ เพราะผมรู้สึกว่ามันให้ความสุขผมเพียงชั่วคราวและมอมเมาให้ผมไม่ต้องคิดอะไรเพียงชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น หลังจากนั้นผมก็ต้องอาศัยมันอีกเพื่อจะลืมเรื่องต่าง ๆ ที่มันวุ่นวายใจ เมื่อหมดฤทธิ์ยาผมก็เริ่มคิดถึงปัญหาต่าง ๆ และก็ต้องเสพมันอีก เป็นอย่างนี้วนเวียนไปเรื่อยๆ
ในขณะนั้นชีวิตของผมมันเหมือนกับสุนัขขี้เรื้อนตัวหนึ่งที่ไม่มีใครยอมรับ วันหนึ่งหลังจากที่ผมเสพยาแล้วเกิดอาการประสาทหลอน ทำให้ผมกระโดดลงมาจากตึกสูงประมาณ 3 ชั้น แต่ไม่ตาย... ผมได้รับบาดเจ็บสาหัสและทำให้กระดูกสันเท้าทั้งสองข้างเละผมต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลที่ฮ่องกงนานเกือบปี...
ในขณะที่อยู่ในโรงพยาบาลนั่นเอง ได้มีพี่น้องคริสเตียนหลายคนมาเยี่ยมและดูแลผมเกือบทุกวันผมจึงได้สัมผัสถึงความรักของพระเจ้าที่ผ่านมาทางคริสเตียน ผมได้สำนึกว่าผมเป็นคนที่ไม่เอาไหน ไร้คุณค่า ทั้งยังเป็นคนบาป แต่พระเจ้าก็ไม่เคยปฏิเสธผม
ในที่สุดผมก็ได้ทูลขอให้พระเยซูคริสต์ทรงชำระความผิดบาปให้กับผม และช่วยผมให้รู้ว่าควรดำเนินชีวิตอย่างไร จนถึงวันนี้แม้ชีวิตของผมยังมีความบกพร่องอยู่ แต่ผมมั่นใจว่าพระองค์จะทรงนำชีวิตของผมให้ก้าวต่อไปข้างหน้าในทางที่ถูกต้องอย่างแน่นอน บัดนี้ผมได้พบกับความสุขที่แท้จริงแล้ว นั่นก็เพราะชีวิตของผมได้รู้จักกับพระเจ้าผู้ที่ทรงรักผมอย่างมากมาย
ผู้อ่านที่รัก ด้วยพระคุณแห่งพระคริสต์ จึงทำให้บุคคลทั้ง 3 ท่านได้รับชีวิตใหม่ ถ้าท่านเป็นคนหนึ่งที่กำลังติดยาเสพติด และพยายามอยู่หลายครั้งหลายครา แต่ก็ไม่สามารถที่จะเลิกได้
ขอให้ท่าน ทราบเถิดว่า พระเยซูคริสต์ทรงเข้าใจท่านและพระองค์สามารถช่วยท่านได้ พระองค์ทรงทราบดีว่ามนุษย์เรานั้นเป็นคนอ่อนแอและไม่มีกำลังที่จะต่อสู้กับอำนาจแห่งบาปที่มาล่อลวงให้มนุษย์ทำแต่สิ่งที่ไม่ดี และถึงแม้เราจะไม่ได้ติดยาเสพติด
แต่จริง ๆ แล้วมนุษย์ทุกคนนั้นก็ไม่แตกต่างอะไรกับคนที่ติดยาเสพติดเลย เพียงแต่คนที่ติดยาเสพติดเหล่านั้น พวกเขาติดเป็นเม็ดเป็นผง แต่มนุษย์ทุกคนต่างก็ติดยาเสพติดแห่งความบาปในใจซึ่งมันได้พันธนาการชีวิตมนุษย์ทุกคนทั่วโลก มันทำให้มนุษย์ต้องทำบาป
แต่พระเจ้าทรงรักมนุษย์ พระองค์ทรงทราบว่ามนุษย์จะต้องรับการลงโทษบาปหลังจากที่เขาจากโลกนี้ไป พระองค์จึงทรงให้พระเยซูคริสต์ซึ่งเป็นพระบุตรองค์เดียวของพระองค์เข้ามาในโลก เพื่อเป็นผู้รับโทษบาปแทนมนุษย์บนไม้กางเขน
ดังนั้นหากผู้ใดที่ยอมถ่อมใจลงและทูลขอความช่วยเหลือจากพระเยซูคริสต์พระองค์ก็จะทรงรับโทษความผิดบาปแทนเขาอย่างแน่นอน ดังนั้นเมื่อเขาจากโลกนี้ไป เขาจึงสามารถที่จะอยู่ในสวรรค์กับพระเจ้าตลอดไปเป็นนิจนิรันดร์...
ถ้าท่านมีความปรารถนาที่จะต้อนรับพระเยซูคริสต์ให้พระองค์เป็นพระผู้ช่วยท่านให้รอดจากบาปแล้วท่านสามารถอธิษฐานทูลต่อพระองค์ดังนี้
“ข้าแต่พระเจ้า... ข้าพระองค์เป็นคนบาป และไม่มีกำลังที่จะต่อสู้กับความผิดบาปต่าง ๆ ที่เข้ามาในชีวิต บัดนี้ขอพระองค์ทรงอภัยโทษให้แก่ข้าพระองค์ด้วย ข้าพระองค์ขอพึ่งในพระเยซูคริสต์ ขอพระองค์ทรงโปรดรับโทษความผิดบาปแทนข้าพระองค์ด้วยเถิด ขออธิษฐานในพระนามของพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน”...
ถ้าท่านได้อธิษฐานด้วยใจจริงแล้ว ขอให้ท่านมั่นใจเถิดว่า ความผิดบาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว และพระองค์จะทรงประทานชีวิตใหม่ให้แก่ท่านอย่างแน่นอน
ผู้เขียน : อาจารย์นิกร สิทธิจริยาภรณ์
สารบัญ Blockdit christianthai
ซีรีส์ หนังสือเสียงคริสเตียน
 
ซีรีส์ แบ่งปันข้อพระคัมภีร์โดย ChatGPT
ซีรีส์ ใบปลิวคริสเตียน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา