Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ChristianThai
•
ติดตาม
4 ธ.ค. 2021 เวลา 13:39 • การศึกษา
พระเยซูคริสต์คือผู้ใด
WHO IS JESUS CHRIST ?
เมื่อประมาณ 2,000 ปีที่แล้ว มีเด็กชายคนหนึ่งเกิดในหมู่บ้านเล็ก ๆ ในประเทศอิสราเอล และเติบใหญ่ในหมู่บ้านอีกแห่งหนึ่งโดยยึดอาชีพเป็นช่างไม้ต่อมาเมื่ออายุ 30 ปี เขาก็เริ่มประกาศตัวเองว่า เขานั้นเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของโลกที่พระเจ้าทรงส่งมาเพื่อช่วยมนุษย์ให้พ้นจากความผิดบาป
และเมื่อเขาอายุ 33 ปี เขาก็ถูกคนที่อิฉจาใส่ร้ายและถูกนำตัวไปตรึงบนไม้กางเขนจนตาย แต่หลังจากนั้น 3วัน เขาก็ได้ฟื้นจากความตายและยังมีชีวิตอยู่จนทุกวันนี้
เมื่อเราอ่านข้อความข้างต้นนี้ เราอาจจะมีความรู้สึกว่าเรื่องราวของชายผู้นี้เป็นเหมือนนิยายหรือนิทานที่คนแต่งขึ้นมา แต่เมื่อเราตรวจสอบจากประวัติศาสตร์และหลักฐานทางโบราณคดี เราก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเรื่องราวของชายผู้นี้เป็นความจริงชายผู้นี้ไม่เคยเขียนหนังสือแม้แต่เล่มเดียวแต่หนังสือที่เขียนเกี่ยวตัวของเขากลับมีมากมายนับไม่ถ้วน...
ชายผู้นี้ไม่มีอำนาจทางการเมือง แต่มีคนนับหลายล้านคนทั่วโลกยอมสยบและเต็มใจเชื่อฟังเขาชายผู้นี้ไม่เคยเดินทางไกลไกลเกิน 200 กิโลเมตรจากที่ที่เขาเกิด แต่หลังจากที่เขาฟื้นจากความตายข่าวเรื่องของเขาก็ได้กระจายไปทั่วโลก... ไม่ว่าเรื่องราวของเขาไปถึงที่ไหน ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นที่นั่น
เราจะเห็นว่านับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทุกสังคมของโลกต่างก็ได้รับอิทธิพลจากเรื่องราวของเขาอย่างมากมาย เช่น..
ปีคริสตศักราชที่ใช้กันอยู่ทั่วโลกนั้น เป็นปีที่มีที่มาจากเขา
- โรงพยาบาล, มหาวิทยาลัย, เครื่องพิมพ์ ฯลฯ, เกิดขึ้นได้ก็เพราะการประกาศเรื่องราวของเขา
- ผู้หญิงมีสิทธิเสรีภาพเท่ากับผู้ชาย ก็เพราะการประกาศเรื่องของเขา
- ระบบการเลิกทาสเกิดขึ้นได้ก็เพราะการประกาศเรื่องของเขา
- ทั่วโลกหยุดงานกันในวันอาทิตย์เพราะการประกาศเรื่องของเขา
- คนชั่วกลับใจใหม่, คนสิ้นหวังได้รับพลังใจ, คนกลัวตายกลับกลายเป็นคนกล้าหาญพร้อมเผชิญความตาย ก็เพราะการประกาศเรื่องของเขาชายผู้นี้เป็นใคร
เขาก็คือองค์พระเยซูคริสต์ เราจะมาดูว่าเพราะเหตุใดเรื่องราวของชายผู้นี้เกิดขึ้นตั้งแต่ 2,000 ปีที่แล้ว แต่ยังมีอิทธิพลต่อชีวิตผู้คนจนถึงปัจจุบันนี้
พระเยซูคริสต์เป็นใคร?
พระเยซูคริสต์ได้ประกาศตนว่าพระองค์เป็นพระเจ้าผู้ทรงสร้างมนุษย์ และยังได้กล่าวอีกว่า“เราสามารถที่จะยกโทษความผิดบาปให้แก่มนุษย์ได้” คุณลองคิดดูซิครับ! ถ้ามีคนหนึ่งไปยืนตะโกนกลางตลาดว่า “ฉันเป็นพระเจ้าผู้สร้างโลกฉันสามารถยกโทษบาปให้แก่มนุษย์ได้”... คุณคิดว่าเขาจะโดนด่าว่าอย่างไร?... “ไอ้บ้า!” อย่างแน่นอน
ผู้อ่านที่รัก ถ้าเราลองวิเคราะห์ดูก็จะเห็นว่ามีเพียงคน 2 ประเภทเท่านั้นที่กล้าพูดเช่นนี้ นั่นก็คือ “คนบ้า” กับ “คนที่เขาเป็นเช่นนั้นจริง ๆ” ซึ่งจากความจริงทางประวัติศาสตร์และจากชีวิตของพระเยซูคริสต์เองก็ได้พิสูจน์ให้เราเห็นแล้วว่า
พระเยซูคริสต์ไม่ได้เป็นคนบ้า ในเมื่อพระองค์ไม่ใช่คนบ้า ถ้าเช่นนั้นพระองค์เป็นใครกันเล่า?... แน่นอน...นั่นแสดงว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าที่มารับสภาพเป็นมนุษย์ในโลก และพระองค์ทรงสามารถที่จะยกโทษความผิดบาปให้แก่มนุษย์ได้ตามที่พระองค์ตรัสอย่างนั้นจริง ๆ...
พระเยซูคริสต์เข้ามาในโลกนี้ทำไม?
ถ้ามนุษย์เราไม่เคยทำผิด พระเยซูคริสต์ไม่จำเป็นต้องมา... ถ้ามนุษย์เรามีกำลังในการต่อสู้กับความบาปพระเยซูคริสต์ไม่จำเป็นต้องมา... หรือถ้ามนุษย์เราสามารถที่จะช่วยตัวเองให้พ้นจากความผิดบาปได้ พระเยซูคริสต์ก็ไม่จำเป็นต้องมา...แต่เพราะเหตุที่มนุษย์เราไม่สามารถทำได้ ดังนั้นพระเยซูคริสต์จึงต้องเสด็จเข้ามาในโลกเพื่อช่วยเหลือมนุษย์ให้รอดพ้นจากความผิดบาปของเขา...
แท้จริงแล้วพระเจ้าได้ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมาอย่างดีเยี่ยม และพระองค์ได้บอกกับมนุษย์ว่า มนุษย์ทุกคนควรจะต้องทำตามกฎเกณฑ์ของพระองค์และให้พระองค์เป็นผู้นำทางชีวิต แต่พระองค์ก็ทรงให้มนุษย์มีอิสระในการตัดสินใจได้เอง
แต่น่าเสียดายที่มนุษย์เราไม่ยอมทำตามกฎเกณฑ์เหล่านั้น ทั้งยังปฏิเสธพระเจ้าผู้ทรงสร้างเขา นั่นจึงทำให้มนุษย์เราทำหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่ถูกต้อง และจมอยู่ในความผิดบาป ซึ่งมนุษย์ก็พยายามหาทางให้ตนเองพ้นจากบาปเหล่านั้นแต่ก็ไม่มีทางที่เขาจะช่วยตนเองให้พ้นจากบาปเลย ซึ่งพระคริสตธรรมคัมภีร์ได้บันทึกไว้ว่า พระเจ้าจะทรงพิพากษาลงโทษบาปของมนุษย์ตามการกระทำของแต่ละคน
แท้จริงแล้วพระองค์ไม่อยากลงโทษมนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้างเลย เพราะพระองค์ทรงรักมนุษย์ แต่พระองค์ก็ทรงความยุติธรรมจึงจำเป็นจะต้องลงโทษ (เหมือนกับผู้พิพากษาคนหนึ่งที่มีความยุติธรรม ถ้าเขามีลูกชาย และวันหนึ่งลูกชายของเขาทำผิดขั้นร้ายแรง จนถึงขั้นต้องประหารชีวิต ในใจของเขาคงไม่อยากให้ลูกถูกประหารแต่เพราะความยุติธรรมทำให้ถึงแม้ไม่อยากสั่งประหารชีวิตของลูก แต่ก็ต้องทำเช่นนั้น)
โดยเหตุนี้พระเจ้าจึงได้ประทานหนทางในการช่วยมนุษย์ โดยทรงให้พระเยซูคริสต์ซึ่งเป็น พระบุตรองค์เดียวเข้ามารับสภาพเป็นมนุษย์ในโลก เพื่อที่จะรับการลงโทษบาปแทนมนุษย์บนไม้กางเขน ดังนั้นหากผู้ใดที่สำนึกว่าตนเป็นคนบาป และทูลขอความช่วยเหลือจากพระองค์ พระองค์ก็จะรับโทษความผิดบาปแทนเขาทันที เขาจึงไม่ต้องรับโทษบาปอีกต่อไป เช่น..
สมมุติว่ามีคนหนึ่งติดหนี้ 100 ล้านบาท ต่อมาเมื่อเจ้าหนี้มาทวง ถ้าเขาไม่มีให้ เขาก็ต้องติดคุก แต่พอดีมีเศรษฐีใจดีคนหนึ่งมาเสนอตัวว่าจะใช้หนี้แทนให้แก่เขา ถ้าเขายอมให้เศรษฐีคนนั้นใช้หนี้แทน เขาก็จะหมดหนี้ทันที แต่ถ้าเขาไม่ยอมให้เศรษฐีคนนั้นใช้หนี้แทน เขาก็ต้องรับผิดชอบเอง
ถ้าจะถามว่า...เพราะเหตุไรพระเจ้าจึงต้องส่งพระเยซูคริสต์เป็นพระบุตรองค์เดียวของพระองค์มารับสภาพเป็นมนุษย์ด้วย?
นั่นก็เพราะพระเจ้าทรงกำหนดไว้ว่า... ถ้ามนุษย์จะรอดพ้นจากการพิพากษาได้นั้น ก็จะต้องมีร่างกายหนึ่งมารับโทษแทนเขา และร่างกายที่จะมารับโทษบาปแทนมนุษย์นั้น ต้องเป็นร่างกายที่ไม่มีบาปเลย โดยเหตุนี้พระเยซูคริสต์จึงต้องมารับสภาพเป็นมนุษย์ เพื่อใช้ร่างกายของพระองค์รับการลงโทษบาปแทนมนุษย์ ซึ่งในขณะที่พระองค์ทรงดำเนินชีวิตอยู่ในโลกนี้ พระองค์ก็ทรงอยู่ในกฎเกณฑ์ของความเป็นมนุษย์ทุกประการ
แต่พระองค์ไม่ได้กระทำบาปเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นพระองค์จึงเป็นผู้เดียวในโลกที่สามารถใช้ร่างกายของพระองค์ในการรับโทษบาปแห่งความตายแทนมวลมนุษย์ได้.แท้จริงแล้วมนุษย์ทุกคนสมควรตาย เพราะเราทำบาป แต่พระเยซูคริสต์ไม่ได้ทำบาป ดังนั้นพระองค์จึงไม่สมควรตายแต่พระองค์ทรงยอมตาย ก็เพื่อที่จะใช้การตายของพระองค์เป็นการรับโทษบาปแทนผู้ที่สำนึกว่าตนเป็นคนผิดบาป และยอมรับการทรงช่วยไถ่บาปจากพระองค์....
รากฐานที่สำคัญที่สุดของความเชื่อคริสเตียน
ถ้าคุณจะถามว่า...อะไรคือรากฐานที่สำคัญที่สุดของความเชื่อคริสเตียน? นั่นก็คือ ... หลังจากที่พระเยซูทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนแล้ว ในวันที่ 3 พระองค์ก็ทรงฟื้นจากความตาย และยังมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้และตลอดไปเป็นนิตย์..เพียงแต่คนคนหนึ่งหาเหตุผลเพียงข้อเดียวมาพิสูจน์ได้ว่าเรื่องการฟื้นจากตายของพระเยซูคริสต์เป็นเรื่องโกหก เขาก็สามารถที่จะลบล้างศาสนาคริสเตียนออกจากโลกนี้ได้เลย
ซึ่งนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ได้มีคนเป็นจำนวนมากพยายามหาหลักฐานเพื่อที่จะมาลบล้างความเชื่อนี้ของคริสเตียน แต่ข้อมูลและหลักฐานที่พวกเขาค้นพบนั้นแทนที่จะบอกว่าเรื่องการฟื้นจากตายของพระเยซูเป็นเรื่องโกหก แต่กลับตรงกันข้าม เพราะข้อมูลและหลักฐานที่พวกเขาค้นพบนั้นกลับสนับสนุนมากยิ่งขึ้นว่าพระเยซูคริสต์ได้ฟื้นจากความตายจริง ๆ และนี่แสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงมีชัยชนะเหนืออำนาจแห่งความบาปและความตาย
ดังนั้นพระองค์จึงเป็นผู้ที่สามารถช่วยมนุษย์ให้รอดจากบาปได้อย่างแท้จริง...ผู้อ่านที่รัก.. เวลานี้ความจริงอยู่ต่อหน้าท่านแล้ว... โอกาสที่ท่านจะรอดพ้นจากการพิพากษาก็อยู่ตรงหน้าท่านแล้วเช่นกัน... พระเจ้าไม่ทรงบังคับท่าน แต่พระองค์จะให้อิสระแก่ท่านในการตัดสินใจ...
ถ้าท่านอยากจะหลุดพ้นจากความผิดบาป เพื่อจะได้รอดพ้นจากการพิพากษาจากพระเจ้า และพระองค์จะให้ท่านได้อยู่ในสวรรค์ตลอดไป ท่านสามารถอธิษฐานทูลต่อพระองค์ดังนี้...
“ข้าแต่พระเจ้า... ข้าพระองค์รู้ว่าข้าพระองค์เป็นคนบาป ข้าพระองค์ได้ทำบาปอย่างมากมาย ขอพระองค์ทรงโปรดยกโทษให้แก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด... ขอขอบคุณพระองค์ที่ทรงให้พระเยซูคริสต์รับโทษความผิดบาปแทนข้าพระองค์บนไม้กางเขน และขอทรงช่วยข้าพระองค์ที่จะใช้ชีวิตเหลืออยู่ในโลกให้เป็นที่พอพระทัยของพระองค์ด้วยข้าพระองค์ขอกราบทูลในนามพระเยซูคริสต์ อาเมน”...
ถ้าหากท่านได้อธิษฐานตามข้างต้นนี้ด้วยความจริงใจแล้ว ขอให้ท่านมั่นใจเถิดว่า พระเจ้าได้ทรงโปรดยกโทษความผิดบาปให้แก่ท่านตลอดไป
ผู้เขียน : อาจารย์ นิกร สิทธิจริยากรณ์
บุคคลมหัศจรรย์
https://www.blockdit.com/posts/61ae2b5ce4b8050caa7e2652
พระคริสต์ผู้พิชิตความตาย
https://www.blockdit.com/posts/61b0c7382ca0ba3368fb19c8
The One พระผู้ช่วยให้รอดของโลก
https://www.blockdit.com/posts/61bca5b68586670e549210d6
พระเยซูคริสต์และคุณ
https://www.blockdit.com/posts/61c5dd567ef7ebb0ce945ea2
สารบัญ Blockdit christianthai
https://www.blockdit.com/posts/62bc6a5483c9c7afe1978688
บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ใบปลิวคริสเตียน
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย