29 ต.ค. 2021 เวลา 15:21 • การศึกษา

4 คำถามค่าใจเกี่ยวกับพระเจ้า

เมื่อพูดถึงเรื่อง “พระเจ้า” อาจทำให้หลายคนเกิดคำถามขึ้นในใจหลายอย่าง
ข้างล่างต่อไปนี้เป็น 4 คำถามที่มนุษย์ทุกคนอยากทราบเกี่ยวกับเรื่องพระเจ้า และ 4 คำตอบของคำถามเหล่านั้น ที่จะทำให้เราสามารถเข้าใจเรื่องราวเกี่ยวกับพระเจ้าได้มากขึ้น
1. พระเจ้ามีจริงไหม?
2. ใครสร้างพระเจ้า?
3. พระเจ้าอยู่ที่ไหน?
4. ในเมื่อพระเจ้าทรงทราบล่วงหน้าแล้วว่ามนุษย์จะทำบาปหรือปฏิเสธพระองค์ แล้วทำไมพระองค์ยังทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมาอีก?
1. พระเจ้ามีจริงไหม?
ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ได้บันทึกอย่างชัดเจนว่า มนุษย์เรานั้นไม่มีทางที่จะพิสูจน์ว่ามีพระเจ้าได้เลย แต่เท่าที่มนุษย์เราทุกคนจะรู้ได้ว่ามีพระเจ้าซึ่งเป็นผู้สร้างสรรพสิ่งได้นั้นมันก็แจ้งอยู่ในความเข้าใจของเขาแล้ว เพราะพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์เราทุกคนให้มีศักยภาพในการคิดและเข้าใจในเรื่องที่เกี่ยวกับพระองค์ได้
ดังนั้นการที่เราจะรู้ว่า “พระเจ้ามีจริง” นั้น เป็นเรื่องที่มนุษย์ทุกคนสามารถเข้าใจได้เพราะพระองค์ได้ทรงเปิดเผยโดยผ่านทางสรรพสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสร้าง (โรม 1:19-20)
ถ้าจะถามว่านาฬิกาที่ดีที่สุดในโลกคือนาฬิกายี่ห้ออะไร?
คำตอบก็คือ นาฬิกาที่ดีที่สุดก็คือนาฬิกาที่ไม่มียี่ห้อเรือนหนึ่ง ซึ่งออกแบบโดยวิศวกรชาวฝรั่งเศส โดยเขาใช้เวลาหลายปีในการออกแบบซึ่งนาฬิกาที่เขาสร้างขึ้นมานี้ ภายในระยะเวลา 2,000 ปี จะเดินเพี้ยนเพียงแค่ครึ่งวินาทีเท่านั้น
ดังนั้นนาฬิกายี่ห้อชั้นนำของโลกจึงต้องเอานาฬิกาของเขาเป็นตัวเทียบเวลาว่าเดินตรงหรือไม่ตรง แต่คำถามที่ตามมาก็คือ แล้วนาฬิกาของวิศวกรคนนี้ล่ะ! เวลาจะดูว่าเดินตรงหรือไม่ตรงนั้นจะต้องเอาของใครเทียบ? ซึ่งวิศวกรท่านนี้ก็ได้ให้คำตอบอย่างชัดเจนว่านาฬิกาที่เขาสร้างขึ้นมานั้นถ้าจะดูว่ามันเดินตรงหรือไม่ตรงนั้น เขาจะใช้การหมุนรอบดวงอาทิตย์ 1 ปีมาเป็นตัววัดซึ่งเขาก็ยอมรับว่านาฬิกาที่เขาสร้างขึ้นมานั้น
ภายในระยะเวลา 2,000 ปี จะมีการเดินเพี้ยนไปครึ่งวินาทีแต่ถ้าเราศึกษาก็จะพบว่าการหมุนรอบตัวเองของโลกและการที่โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์นั้น ตั้งแต่ที่มันเกิดขึ้นมามันไม่เคยเดินเพี้ยนเลยทั้งระยะทางและระยะเวลาแม้แต่เสี้ยววินาทีซึ่งถ้ามีคนคนหนึ่งเมื่อเห็นนาฬิกาของวิศวกรท่านนี้แล้วพูดว่า
“นาฬิกาเรือนนี้มันไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นได้เองเลยมันจะต้องถูกออกแบบโดยผู้ที่มีสิตปัญญาอันชาญฉลาดอย่างแน่นอนมันถึงเดินได้ตรงขนาดนี้”
แต่เมื่อเขารู้ถึงการเดินที่เที่ยงตรงของโลกที่หมุนรอบตัวเองและหมุนรอบดวงอาทิตย์แล้วกลับบอกว่า “มันบังเอิญเกิดขึ้นเองโดยไม่มีผู้สร้าง ไม่มีผู้ออกแบบ”ผมก็ไม่ทราบจริง ๆ ว่าในสมองของเขามีปัญหาอะไร?จากตัวอย่างข้างต้นนี้ทำให้เราเห็นว่าศักยภาพในการเข้าใจที่พระเจ้าทรงใส่ไว้ในมนุษย์นั้นมันจะบีบให้มนุษย์เข้าใจได้ทันทีว่า ทุกอย่างนั้นจะเกิดขึ้นเองไม่ได้ แต่ต้องมีผู้สร้างขึ้นมา
เช่นเดียวกับจักรวาลและโลกของเราก็ได้รับการออกแบบและถูกสรั้างโดยพระผู้สร้างที่ยิ่งใหญ่ซึ่งก็คือพระเจ้านั่นเอง ดังนั้นเราจึงรู้ได้ว่าพระเจ้ายิ่งใหญ่อย่างแน่นอน
2. ใครสร้างพระเจ้า?
เมื่อผมเจอคำถามนี้ผมก็จะบอกเขาว่า
2.1 คำถามของคุณไม่น่าจะเป็นคำถามเลย เพราะว่าเมื่อเราพูดถึง “พระเจ้า” นั้น เรากำลังพูดถึงผู้สร้างสรรพสิ่ง ดังนั้นถ้าพระเจ้าทรงเป็นผู้สร้าง พระองค์ก็ไม่ใช่ผู้ถูกสร้าง ถ้าพระองค์เป็นผู้สร้างพระองค์ก็ไม่ใช่ผู้สร้าง ดังนั้นคำตอบของคำถามนี้ก็คือ ไม่ต้องถามว่า “ใครสร้างพระเจ้า?” เพราะถ้าพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้า จะต้องไม่มีใครสร้างพระองค์
2.2 ผมจะถามย้อนไปว่า “ตอนอนุบาลคุณเรียนที่ไหน?” “ที่นั่น” เขาตอบ “ประถมล่ะ?” ผมถาม ต่อ “ที่โน่น” “มัธยมล่ะ?” “ที่นู่น” ผมก็เลยบอกว่า “ผมไม่เชื่อ” แล้วถามเขาว่า “เมื่อผมบอกว่า “ไม่เชื่อ”คุณจะตอบว่าอย่างไร?” เขาก็บอกว่า “ถ้าไม่เชื่อคุณก็พิสูจน์ได้ ผมมีข้อมูลรอให้คุณพิสูจน์ว่าสิ่งที่ผมพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง” ผมก็ตอบเขาว่า “ไม่พิสูจน์ ไม่ศึกษา ยังไง ๆ ก็ไม่เชื่อ
ถ้าผมตอบเช่นนี้คุณจะตอบว่าอย่างไร?” เขาก็บอกว่า “ไม่เชื่อก็เรื่องของคุณซิครับ!”เช่นเดียวกันครับ เมื่อมีคนหนึ่งถามว่า “ใครสร้างพระเจ้า?” คำตอบของคำถามนี้ได้บันทึกอย่างชัดเจนในพระคริสตธรรมคัมภีร์ว่า ไม่มีใครสร้างพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นอยู่ตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว แต่ถ้ามีคนบอกว่า “ไม่เชื่อ เราก็คงจะตอบว่า” ก็ขอให้คุณใช้เวลาศึกษาเรื่องนี้ได้ ซึ่งทางคริสตจักรของเรายินดีที่จะให้ข้อมูลแก่คุณเพิ่มเติม”
3. พระเจ้าอยู่ที่ไหน?
กฎง่าย ๆ อย่างหนึ่งที่มนุษย์เราเข้าใจได้ก็คือ “ผู้ที่สร้างจะไม่อยู่ในสิ่งที่ถูกสร้าง” เมื่อเรามองดูรถยนต์ เราจะไม่เห็นคนที่สร้างรถยนต์อยู่ในส่วนหนึ่งของรถยนต์ แต่คนสร้างจะอยู่เหนือและควบคุมอยู่เหนือมัน เช่นเดียวกัน พระเจ้าทรงเป็นพระผู้สร้าพระองค์ทรงอยู่นอกเหนือเวลาและโลกวัตถุ ( TIME & SPACE ) ดังนั้นพระองค์ไม่ได้ทรงอยู่ในสิ่งที่ถูกสร้างแต่พระองค์ทรงครอบครองอยู่เหนือสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง
ซึ่งหลังจากที่พระองค์ทรงสร้างทุกสิ่งขึ้นมาแล้ว พระองค์ไม่ได้ทอดทิ้งสรรพสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างเลย แต่พระองค์ทรงดูแลมาโดยตอลด โดยเฉพาะมนุษย์เราที่ถูกสร้างตามอย่างพระฉายาของพระองค์ เราทราบได้อย่างไรว่า พระเจ้าไม่เคยทอดทิ้งมนุษย์ นั่นก็เพราะว่าเมื่อมนุษย์เราอ่อนกำลังและได้กระทำบาป พระองค์ก็ยังทรงรักมนุษย ์ พระองค์ไม่ได้ทรงปล่อยให้มนุษย์จมอยู่ในความบาปหรือไปตามยถากรรม
แต่พระองค์ได้ทรงประทานหนทางในการช่วยเหลือมนุษย์ เพราะพระองค์ทรงทราบว่าถ้าหากพระองค์ไม่ทรงช่วยมนุษย์แล้ว มนุษย์ก็จะต้องพินาศในนรกอย่างแน่นอน ดังนั้นพระองค์ทรงให้พระเยซูคริสต์ซึ่งเป็นพระบุตรองค์เดียวของพระองค์เข้ามารับสภาพเป็นมนุษย์ในโลกนี้เมื่อประมาณ 2,000 ปี ที่แล้ว
พระเยซูคริสต์ทรงยอมรับความทุกข์ทรมานจนกระทั่งสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนก็เพื่อเป็นการรับโทษบาปแทนมนุษย์ แต่ในวันที่ 3 พระองค์ก็ทรงฟื้นจากความตายและยังทรงมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้มีเด็กคนหนึ่งเคยถามผมว่า “คุณน้าครับ! พระเจ้าอยู่ทุกหนทุกแห่งไหมครับ?” “อยู่ซิ! พระองค์ทรงอยู่ทุกหนทุกแห่ง” ผมตอบ เด็กคนนั้นถามอีกว่า “เป็นไปได้อย่างไรครับ
ตอนนี้ผมอยู่ประเทศไทยผมก็ไม่ได้อยู่ที่จีนไม่ได้อยู่ที่อเมริกา ถ้าพระเจ้าอยู่ที ประเทศไทย จะไปอยู่ที่อื่นได้อย่างไรครับ?”ผมจึงถามว่า “หนูว่าประเทศไทยมีอากาศหายใจไหม?” “มีครับ” เขาตอบ “แล้วประเทศจีน อเมริกา อังกฤษมีอากาศหายใจไหม?” ผมถามต่อ “มีครับ” เขาตอบ ผมจึงถามต่อไปว่า “อากาศที่อยู่ในไทยกับอเมริกาหรือที่จีนเหมือนกันไหม?” เขาคิดสักครู่แล้วก็ตอบว่า “เหมือนกันครับ”
ผมจึงพูดต่อไปว่า “นั่นแหละ!พระเจ้าก็เช่นเดียวกัน พระองค์ทรงอยู่ทุกหนทุกแห่งเหมือนอากาศ
และหนูรู้ไหมว่า ถ้ามนุษย์เราไม่มีอากาศเราจะเป็นอย่างไร?” “ก็ตายนะซิครับ!” เขาตอบ ผมจึงพูดว่า “ถูกแล้ว! เช่นเดียวกัน ถ้ามนุษย์เราไม่มีพระเจ้า มนุษย์เราก็ตายเหมือนกัน หนูมีพระเจ้าหรือยังล่ะ?” คุณน้าจะเล่าเรื่องหนึ่งให้ฟังนะ กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว นายอากาศได้ยืนขึ้นแล้วพูดว่า “มนุษย์โลกทั้งสิ้นเอ๋ย! จงฟังดี ๆ ทุกคนต้องหายใจสูดเอาเราเข้าไปในร่างกายไม่งั้นจะต้องตายอย่างแน่นอน”
พอดีมีชายคนหนึ่งได้ยินนายอากาศพูด
ดังนั้น เขาจึงพูดกับนายอากาศว่า “ซิซะ! ไร้เหตุผลสิ้นดีทำไมต้องสูดเอาเอ็งเข้าไปในตัวข้าด้วย ข้าถึงจะมีชีวิตอยู่ได้ วันนี้ข้าจะไม่สูดเอาเอ็งเข้าไปในตัวข้า ดูซิว่าเอ็งจะเป็นยังไง?” เมื่อนายอากาศได้ยินจึงตอบชายคนนั้นว่า “ขอโทษครับ! ถ้าคุณไม่สูดเอาผมเข้าไปในตัวของคุณ ผมไม่เป็นยังไง” แต่คุณนั่นซิจะเป็นยังไง” ผู้อ่านที่รัก พระคริสตธรรมคัมภีร์ได้บันทึกอย่างชัดเจนว่า
“ผู้ที่มีพระเจ้ามีชีวิต ผู้ที่ไม่มีพระเจ้า ก็ไม่มีชีวิต” (1 ยอห์น 5:12) เวลานี้ชีวิตของท่านมีพระเจ้าแล้วหรือยัง?
4. ในเมื่อพระเจ้าทรงทราบล่วงหน้าแล้วว่ามนุษย์จะทำบาปหรือปฏิเสธพระองค์ แล้วทำไมพระองค์ยังทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมาอีก?
ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่า สติปัญญาของมนุษย์เรานั้นมีขีดจำกัด เราไม่สามารถรู้เรื่องพระเจ้าได้หมด (ถ้าเราสามารถรู้เรื่องพระเจ้าได้หมด พระเจ้าก็เล็กกว่าความคิดของเรา นั่นก็แสดงว่าพระองค์ไม่ใช่พระเจ้าที่แท้จริง) เราสามารถรู้ได้เฉพาะเท่าที่พระเจ้าทรงเปิดเผย และเท่าที่พระองค์ประทานศักยภาพในการเข้าใจให้แก่เราเท่านั้น
แต่อย่างไรก็ตาม เราก็คงใช้ศักยภาพในการคิดที่พระเจ้าทรงประทานให้แก่เราอย่างเต็มที่ในการคิดใคร่ครวญปัญหาต่าง ๆ
ในคำถามที่ว่า ในเมื่อพระเจ้าทรงรู้ว่ามนุษย์จะปฏิเสธพระองค์ ทำไมยังทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมาอีก? ถ้าคุณไปถามคนที่กำลังจะเป็นคุณแม่ (ซึ่งก็คือคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์) ที่ฉลาดว่า “คุณคิดว่าเป็นไปได้ไหมที่ลูกของคุณที่กำลังจะเกิดออกมานั้น
วันหนึ่งเมื่อเขาโตขึ้นเขาอาจจะดื้อ ไม่เชื่อฟังคุณ หรือบางทีเขาอาจจะเข้าใจผิดคุณ เขาอาจทำให้คุณร้องไห้ ทำให้คุณเสียใจ?”“เป็นไปได้ค่ะ”“ในเมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว ทำไมคุณยังจะให้กำเนิดเขาออกมาอีกล่ะครับ?”
“ก็เพราะรักและอยากมีเขา ถึงแม้รู้ว่าลูกจะต้องทำผิด แต่ดิฉันที่เป็นแม่ก็พร้อมที่จะให้อภัยแก่ลูกและฝึกลูกให้เป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต ขอเพียงอย่างเดียวเมื่อเวลาลูกทำผิด อย่าหนีจากแม่ เมื่อเขามาขอโทษ ฉันที่เป็นแม่ก็พร้อมที่จะให้อภัยเสมอ” เช่นเดียวกัน พระเจ้าทรงทราบดีว่ามนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้างมานั้นจะต้องทำบาปและทำให้พระองค์เสียพระทัยอย่างแน่นอน
แต่พระองค์ก็ทรงรักมนุษย์และไม่อยากให้มนุษย์คนหนงึ่ คนใดต้องรับโทษบาปในนรกเลย ดังนั้นหากผู้ใดที่สำนึกในความบาปและยอมสารภาพผิดต่อพระองค์ พระองค์ก็พร้อมที่จะอภัยโทษความผิดบาปให้แก่เขา และเมื่อเขาจากโลกนี้ไป เขาก็จะไม่ต้องรับการพิพากษาโทษบาปจากพระเจ้าอีก
เพราะพระเยซูคริสต์ได้ทรงรับโทษบาปแทนเขาแล้ว แต่เขาจะไดอ้ ยู่ในสวรรค์กับพระเจ้าผู้ทรงสร้างเขาตลอดไปเป็นนิตย ผู้อ่านที่รัก มาถึงจุดนี้ท่านคงได้รับความกระจ่างมากขึ้นในเรื่องที่เกี่ยวกับพระเจ้าแล้ว
ขอให้ท่านทราบเถิดว่า พระเจ้าทรงรักและห่วงใยท่าน จนยอมให้พระเยซูคริสต์มาเป็นผู้รับโทษบาปแทนท่านพระองค์ให้ท่านมีชีวิตอยู่จนถึงบัดนี้ ก็เพื่อท่านจะมีโอกาสในการรับพระคุณความรอดจากพระองค์ อย่าปฏิเสธพระองค์อีกต่อไปเลย รีบหันกลับมาและทูลขอความช่วยเหลือจากพระองค์เดี๋ยวนี้เถิด ก่อนที่จะสายเกินไป ถ้าท่านปรารถนาที่จะได้รับการยกโทษบาปจากพระเจ้า ขอให้ท่านอธิษฐานทูลต่อพระองค์ดังนี้
“ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ได้ทราบแล้วว่าพระองค์ทรงเป็นผู้สร้างสรรพสิ่ง รวมทั้งชีวิตของข้าพระองค์ แต่ข้าพระองค์ได้ปฏิเสธพระองค์เรื่อยมา ข้าพระองค์ขอยอมรับว่าข้าพระองค์เป็นคนผิดบาปบัดนี้ขอพระองค์ทรงโปรดยกโทษความผิดบาปให้แก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด ขอขอบคุณที่พระเยซูคริสต์ได้ทรงรับโทษบาปแทนข้าพระองค์บนไม้กางเขน ข้าพระองค์ขอเชื่อวางใจในพระองค์ด้วยความจริงใจ ขออธิษฐานในพระนามของพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน”
อาจารย์นิกร สิทธิจริยาภรณ์
สารบัญ Blockdit christianthai
ซีรีส์ หนังสือเสียงคริสเตียน
 
ซีรีส์ แบ่งปันข้อพระคัมภีร์โดย ChatGPT
ซีรีส์ ใบปลิวคริสเตียน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา