5 ธ.ค. 2021 เวลา 15:00 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
'Battle at Lake Changjin’ ทุบสถิติหนังทำเงินตลอดกาลของจีน และกลายเป็นหนังทำเงินสูงสุดทั่วโลกปีนี้
จากรายงานของวาไรตี้ หนัง ‘The Battle at Lake Changjin’ กลายเป็นหนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลของจีน หลังจากเปิดตัวฉายได้ราว ๆ 2 เดือน นอกจากนี้หนังที่เป็นผลงานของสามผู้กำกับ ดันเต แลม, เฉินข่ายเก๋อ และฉีเคอะ ยังขึ้นแป้นหนังทำเงินทั่วโลกสูงสุดของปีนี้อีกด้วย
โดยหนังสามารถทำรายได้ระดับสร้างสถิติใหม่ ในช่วงค่ำวันที่ 23 พฤศจิกายน เมื่อทำรายได้รวมผ่าน 5.69 พันล้านหยวน ที่ ‘Wolf Warrior II’ หนังสงครามรักชาติอีกเรื่อง ทำเอาไว้เมื่อปี 2017 และเมื่อถึงช่วงกลางวันของวันพฤหัสฯ ที่ 24 พฤศจิกายน ‘Changjin’ ก็ทำรายได้รวมถึง 5.70 พันล้านหยวน หรือ 892 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ตามอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราในปัจจุบัน) โดยได้รับการยืนยันจากสื่อที่อยู่ในการดูแลของรัฐบาล ที่มีการคาดหมายว่าหนังจะทำเงินได้ในระดับสร้างสถิติใหม่มาพักใหญ่ ๆ แล้ว สื่อของจีนยังรายงานด้วยว่า เจ้าลีเจียน โฆษกของกระทรวงต่างประเทศจีน ได้แสดงความยินดีกับหวู่จิง นักแสดงนำของทั้ง ‘Wolf Warrior II’ และ ‘Changjin’ ด้วย
หนังเป็นเรื่องราวต้นของสงครามเกาหลี ที่เกิดขึ้นในปี 1950-1953 ซึ่งทางการจีนอ้างว่าเป็นสงครามต่อต้านการคุกคามของสหรัฐฯ และช่วยเหลือเกาหลี แล้วขณะที่บรรดานักประวัติศาสตร์ตะวันตกมองว่าสงครามนี้ ที่ทำให้เกาหลีถูกแบ่งเป็น 2 ประเทศ ทางจีนคือฝ่ายพ่ายแพ้ ตัวหนังกลับทำให้กลุ่มทหารจีนที่ด้อยกว่าทั้งอาวุธทั้งกำลังพล กลายเป็นฮีโรในการต่อสู้ครั้งสำคัญในช่วงหน้าหนาวที่ทะเลสาปชางจิน หรืออ่างเก็บน้ำโชซิน
‘Changjin’ เปิดตัวฉายในวันที่ 30 กันยายน ซึ่งเป็นช่วงฉลองวันชาติจีน ช่วงเวลาที่พีกสุด ๆ สำหรับโรงภาพยนตร์ในประเทศจีน แต่ก็ไม่เท่ากับช่วงตรุษจีน แล้วได้เปรียบ ‘Wolf Warrior II’ ตรงที่มีโรงฉายมากกว่า แต่ก็ด้อยกว่าจากการที่ยังได้รับผลกระทบจากโรคระบาด หลังจากในช่วงต้นปีโรงภาพยนตร์ในจีน ดูเหมือนจะเริ่มกลับมาสู่ภาวะปกติอีก แต่นับจากเดือนมิถุนายนเป็นต้นมา การจำกัดที่นั่งก็กลับมาใช้ในบางพื้นที่อีกครั้ง เมื่อมีการระบาดของโควิด-19 อีกครั้ง
รายได้รวมบ็อกซ์ ออฟฟิศของจีนนับถึงตอนนี้ ต่ำกว่าปี 2019 อยู่ราว ๆ 25% โดยทำรายได้ถึง 6.85 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ตัวเลขที่ลดลงกลายเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับแผนของรัฐบาลกลาง ที่ประกาศออกมาเมื่อไม่นานมานี้ ที่พยายามเก็บหนังทำรายได้ดีเอาไว้ ซึ่งรวมไปถึงการให้โรงเรียนและสำนักงานต่าง ๆ มาชมภาพยนตร์
หนังสือพิมพ์ เดอะ โกลบอล ไทม์ส เผยว่าหัวเซีย ผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ที่รัฐเป็นเจ้าของมีการแบ่ง 20% ของกำไรจากหนังให้กับโรงที่มีปัญหา รวมทั้งยังปล่อยให้ ‘Changjin’ ฉายยาวไปถึง 30 ธันวาคม
ตอนนี้หนังออกฉายใรสิงคโปร์, สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกาไปแล้ว แต่รายได้จากต่างประเทศถือว่าไม่มากไม่มาย โดยหนังทำเงินแค่ 105,000 เหรียญสหรัฐฯ ในอเมริกาเหนือ แต่เมื่อดูรายได้จากจีนประเทศเดียว ก็มากพอจะทำให้หนังเป็นงานทำเงินสูงสุดของปี 2021 เมื่อเอาชนะ ‘Hi, Mom’ หนังจีนอีกเรื่องที่ทำรายได้ 822 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และหนังชุดเจมส์ บอนด์ ‘No Time to Die’ ซึ่งอยู่ในอันดับ 3 ด้วยรายได้ 735 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
สื่อของรัฐบาลยังเล่นอีกหนึ่งข่าวดีของ ‘Changjin’ นั่นก็คือการที่หนังได้คะแนนจากผู้ชม 9 เต็ม 10 บนแอปป์ที่ได้รับความนิยมต่าง ๆ โดยเป็นหนังเรื่องที่ 11 ของปีนี้ที่ทำได้ โดยมีการประกาศเป้าหมายว่าจะทำให้ได้ 10 ภายในห้าปี เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ทางเดอะ โกลบอล ไทม์สอ้างด้วยว่า บรรดานักวิจารณ์หนังชาวจีนกล่าวว่า ความสำเร็จของหนัง “พิสูจน์ให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์เห็นว่า “ท่วงทำนองหลักของหนัง คือธีมที่ผู้ชมชาวจีนชื่นชอบ” ซึ่งความหมายของท่วงทำนองหลักก็คือ เนื้อหาที่เป็นงานในกระแสหลัก, เป็นหนังปลุกใจ และยกย่องพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทางการต้องการให้บรรดาสตูดิโอทั้งของรัฐและเอกชนผลิตออกมา
แผนห้าปีฉบับใหม่ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า อุตสาหกรรมภาพยนตร์ของจีน ต้องทำงานเพื่อผลประโยชน์ของรัฐและพนนคคอมมิวนิสต์ ซึ่งจะให้การสนับสนุนหนังที่ “นำเสนอจิตวิญญาณของชาวจีน และความสวยงามในแบบตะวันออก” และต้องการที่ “สรรญเสริญพรรค, แผ่นดินแม่ และประชาชนรวมถึงวีรบุรุษ ที่ทำงานให้กับกองทัพแดง และยังคงสืบสานเจตนารมย์” ซึ่งการครบรอบ 80 ปีของสงครามเกาหลี ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวในประวัติศาสตร์ที่ภาพยนตร์สมควรให้การเฉลิมฉลอง
#moviestory: แม้ ‘สงครามเวียดนาม’ คือสงครามแรกที่ สหรัฐอเมริกาต้องพ่ายแพ้ แต่เรื่องราวการรบ ความเป็นไปของสงคราม รวมถึงผลกระทบ ก็ถูกนำมาบอกเล่าเป็นภาพยนตร์มากมาย และนี่คืองานหนังสงครามเวียดนามที่บอกเลยว่า ‘ห้ามพลาด’ และ ‘ต้องหามาชม’ มีเรื่องอะไรบาง คลิกอ่านกันได้เลย > https://bit.ly/3t9MWLL
อ่านแล้วชอบ อย่าลืมกดติดตาม และยังมีเรื่องราวมากมายให้อ่านได้ที่ www.sadaos.com และทำความรู้จักกันได้มากกว่านี้ด้วยการกดไลค์เพจ www.facebook.com/Sadaos และ www.blockdit.com/sadaos

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา