พระเยซูคริสต์เกิดจากหญิงพรหมจารีจริงหรือ ?
นี่คือรากฐานที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของความเชื่อคริสเตียน
เป็นที่ทราบกันดีอยู่ว่า มนุษย์ทุกคนในโลกนี้ล้วนเกิดจากการที่ชายหญิงสองคนที่ความสัมพันธ์กันทั้งสิ้นแต่ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติได้มีการบันทึกเรื่องของชายคนหนึ่งที่ไม่ได้เกิดจากการมีความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง แต่เกิดจากหญิงพรหมจารี ชายผู้นั้นก็คือ องค์พระเยซูคริสต์นั่นเอง
เรื่องการบังเกิดของพระเยซูคริสต์ที่เกิดจากนางมารีย์ซึ่งเป็นหญิงพรหมจารีที่ไม่เคยร่วมกับชายมาก่อนนั้น นับว่าเป็นรากฐานที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของความเชื่อคริสเตียน
ซึ่งถ้าหากมีคนคนหนึ่งสามารถหาเหตุผลมาโต้แย้งหรืออธิบายได้ว่า เรื่องการบังเกิดจากหญิงพรหมจารีของพระเยซูคริสต์นั้นเป็นเรื่องไม่จริง เขาก็สามารถที่จะลบล้างศาสนาคริสเตียนออกจากโลกนี้ได้เลย
ซึ่งนับแต่อดีตจนถึงปัจจุบันได้มีพวกปัญญาชนหรือผู้ที่โลกนับว่าฉลาดนับหลายร้อยหลายพันคนได้พยายามหาเหตุผลต่างๆ นา ๆ เพื่อที่จะมาลบล้างหลักความจริงนี้ของความเชื่อคริสเตียน แต่ข้อมูลหลักฐานการอธิบายของพวกเขานั้น ต่างก็ไม่สามารถลบล้างหลักข้อเชื่อความจริงของคริสเตียนในเรื่องนี้ได้เลยเพราะเหตุไร
ศาสนาคริสเตียนจึงสามารถให้ความมั่นใจได้อย่าง 100 % ว่า พระเยซูทรงบังเกิดจากหญิงพรหมจารีจริง ๆ? นั่นก็เพราะว่าเรามีเหตุผลเพียงพอที่จะสามารถอธิบายได้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง
แต่ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่า การอธิบายให้เชื่อว่าพระเยซูคริสต์ทรงเกิดจากหญิงพรหมจารีนั้นเราไม่สามารถที่จะอธิบายได้โดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ และไม่สามารถที่จะเอาความคิดเห็นของมนุษย์คนหนึ่งคนใดมาเป็นหลักในการเข้าใจได้เลย
แต่ต้องใช้วิธีการอธิบายตามหลักการทางขบวนการพิสูจน์แบบประวัติศาสตร์และตรรกวิทยา ซึ่งก็คือข้อมูลที่สอดคล้องกับศักยภาพในความเข้าใจที่มีเหตุผลที่สมเหตุผลที่อยู่สมองของมนุษย์ทุกคน (ไม่ใช่เฉพาะคนหนึ่งคนใด)ต่อไปนี้คือเหตุผล 5 ประการที่ทำให้เรามั่นใจว่าพระเยซูคริสต์เกิดจากหญิงพรหมจารีจริง ๆ
1. ในเมื่อพระเจ้าทรงสร้างจักรวาลและโลกได้ทำไมจะทรงกระทำให้หญิงพรหมจารีมีครรภ์ไม่ได้
ในสมัยก่อนหากมีคนบอกว่าหญิงพรหมจารีสามารถตั้งครรภ์ได้ ก็คงจะไม่มีใครเชื่อ? แต่ในปัจจุบันนี้ด้วยเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ของมนุษย์สามารถที่จะทำได้แล้ว
ดังนั้นในเมื่อมนุษย์เรายังสามารถทำได้แล้ว พระเจ้าผู้ทรงสร้างโลกและทรงสร้างมนุษย์เราจะทรงกระทำให้หญิงพรหมจารีผู้หนึ่งที่ไม่เคยร่วมกับชายให้มีครรภ์ไม่ได้เชียวหรือ?ซึ่งนี่นับว่าเป็นเหตุผลที่สมเหตุสมผลซึ่งสองคล้องกับศักยภาพในการเข้าใจที่อยู่ในสมองของมนุษย์ทุกคน.
2. ดูจากปฏิกิริยาของนางมารีย์ต่อพระเยซูคริสต์ที่บนไม้กางเขน
ถ้าจะถามว่าใครเป็นผู้ที่รู้ดีที่สุดว่าพระเยซูคริสต์เกิดจากหญิงพรหมจารีจริงหรือไม่?คำตอบก็คือนางมารีย์ผู้ซึ่งให้กำเนิดพระเยซูนั่นเอง และในพระคริสตธรรมคัมภีร์ได้บันทึกว่า การที่พระเยซูถูกตรึงบนไม้กางเขนนั้น ไม่ใช่เพราะพระองค์ทำผิด
แต่เพราะพวกผู้นำศาสนายิวอิจฉาพระองค์ และต้องการจะกำจัดพระองค์ จึงใส่ร้ายว่าพระเยซูอ้างว่าตนเองเป็น “พระเจ้า” ซึ่งพวกเขาถือว่าเป็นการหมิ่นประมาทพระเจ้า ในที่สุดพระเยซูจึงถูกนำตัวไปตรึงบนไม้กางเขน
ซึ่งก็เป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้าที่ต้องการให้พระเยซูเป็นผู้ไถ่ความผิดบาปให้กับมวลมนุษยชาติ โดยการถูกตรึงบนไม้กางเขนซึ่งในวันที่พระองค์ถูกตรึงนั้น นางมารีย์ก็อยู่ที่นั่นด้วย จึงได้เห็นภาพที่พระเยซูได้รับความเจ็บปวดอย่างมาก
ซึ่งตามปกติด้วยความเป็นแม่ก็จะต้องรักลูกและอยากให้ลูกพ้นความทรมาน ถ้าเราเป็นมารีย์ก็คงจะร้องว่า “อย่าฆ่าลูกฉันเลย เขาไม่ใช่พระเจ้าหรอกเขาเป็นบ้า” ก็เพื่อที่จะให้ทหารปล่อยตัวลูกชายของนาง
แต่นางมารีย์ไม่ทำเช่นนั้นและไม่ได้พูดสักคำ เพราะอะไรน่ะหรือ?นั่นก็เพราะนางรู้ดีว่าพระเยซูคริสต์นั้นทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้าผู้ซึ่งพระเจ้าให้มาบังเกิดในโลกนี้ เพื่อเป็นผู้ช่วยมนุษย์ให้รอดจากบาปนางเป็นเพียงผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกให้เป็นผู้กำเนิดพระเยซูคริสต์เท่านั้นเอง นางจึงไม่มีส่วนและไม่มีสิทธิ์ในตัวของพระองค์แม้แต่น้อย
3. ดูจากปฏิกิริยาของคนเหล่านั้นที่ตัดสินใจเชื่อพระเยซูคริสต์
คุณลองคิดดูซิว่าถ้าหากผมกับคุณจะร่วมกันก่อตั้งศาสนาใหม่ เราจะเอาเรื่องการเกิดจากหญิงพรหมจารีมาเป็นหลักข้อเชื่อที่สำคัญของศาสนาที่เราจะก่อตั้งกันไหม?ไม่อย่างแน่นอน!เราคงจะตัดในเรื่องที่ไม่ค่อยน่าเชื่อถือหรือเป็นจุดอ่อนออกแน่ ๆ
แต่ถ้าเรื่องราวการเกิดการจากหญิงพรหมจารีของพระเยซูคริสต์ถูกตัดออกไป ศาสนาคริสเตียนก็เป็นศาสนาที่ไม่มีคุณค่าเพียงพอ ทั้งยังเป็นศาสนาที่น่าสมเพชที่สุด เพราะเรื่องการกำเนิดของพระเยซูนี้เป็นรากฐานที่สำคัญและเกี่ยวข้องกับการดำรงอยู่ของศาสนาคริสเตียน
นั่นก็เพราะผู้ที่จะมาช่วยมนุษย์ให้พ้นบาปได้นั้น จะต้องไม่ได้เกิดจากความประสงค์ของมนุษย์ แต่ต้องมาจากพระประสงค์ของพระเจ้า (ยอห์น 1:13) และอีกประการหนึ่ง ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องไม่จริง จะมีคนเชื่อถือและยอมตายเพื่อยืนหยัดในความเชื่อคริสเตียนอยู่ทั่วโลกมากมายเช่นนี้หรือ
มีคนเคยคำนวณโดยการศึกษาจากประวัติศาสตร์ เขาพบว่าตั้งแต่สมัยที่พระเยซูคริสต์ได้มาบังเกิดในโลกจนถึงปัจจุบันนี้ มีคนทั่วโลกที่ยอมตายเพราะความเชอื่ ในพระเยซูคริสต์ประมาณ 40 ล้านคน
และในปัจจุบันก็ยังมีผู้เชื่อถือในพระองค์มากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งคนเหล่านี้ต่างก็เต็มใจที่จะตายเพื่อพระองค์และคนเหล่านี้ต่างก็ยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น.จากเหตุผลข้างต้นนี้ทำให้เรายิ่งมั่นใจว่า พระเยซูคริสต์ทรงเกิดจากหญิงพรหมจารีจริง ๆ
4. ดูจากปฏิกิริยาของชายที่ชื่อเปาโลต่อเรื่องนี้
“เปาโล” ชื่อนี้คนไทยคงคุ้นเคยเป็นอย่างดี เช่น โรงพยาบาลเปาโลก็มีที่มาจากชื่อของท่านมีนักประวัติศาสตร์ ชาวยิวคนหนึ่งที่เกิดในสมัยพระเยซูคริสต์ ชื่อโจซีฟัส ซึ่งเป็นนักประวัติศาสตร์ที่ทั่วโลกยอมรับก็ได้บันทึกเรื่องราวของเปาโล...
เปาโลเป็นคนที่หัวรุนแรงมาก แต่ก่อนท่านเป็นผู้ที่ต่อต้านพวกคริสเตียน ต่อมาท่านได้กลับใจเชื่อในพระเยซูคริสต์ ก็เพราะท่านมั่นใจว่า พระเยซูคริสต์ทรงเป็นผู้ที่มาช่วยมนุษย์ให้รอดจากบาปจริง ๆ
ท่านจึงได้ประกาศเรื่องราวของพระองค์ไปยังที่ต่าง ๆ ในที่สุดท่านก็ถูกฆ่าตายเพราะความเชื่อในพระเยซูคริสต์ และเรื่องการเกิดจากหญิงพรหมจารีของพระเยซูคริสต์นั้น ก็ถูกบันทึกโดยลูกาซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานของเปาโล ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องไม่จริง เปาโลก็ต้องคัดค้านอย่างแน่นอน ดังนั้นเราจึงมั่นใจได้ว่า พระเยซูคริสต์เกิดจากหญิงพรหมจารีจริง ๆ
5. เพราะพระคริสตธรรมคัมภีร์เป็นหนังสือที่เชื่อถือได้
ท่านทราบไหมว่า ไม่เคยมีหนังสือเล่มใดในโลกที่ถูกต่อต้านและถูกจับผิดอย่างมาก (ซึ่งก็ไม่พบข้อผิดพลาดเลย) แต่ยังยืนหยัดอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้เหมือนกับพระคริสตธรรมคัมภีร์ และถ้าจะถามว่า“ตั้งแต่เริ่มมีการผลิตหนังสือออกมา หนังสือเล่มใดที่ได้รับการยอมรับและมียอดจำหน่ายเผยแพร่มากที่สุดในโลก?”...คำตอบก็คือ “คัมภีร์ไบเบิล หรือ พระคริสตธรรมคัมภีร์” นั่นเอง
เพราะเหตุไรจึงเป็นเช่นนั้น?...นั่นก็เป็นเพราะว่าพระคริสต์ธรรมคัมภีร์เป็นหนังสือที่เชื่อถือได้ ซึ่งเรื่องราวกับบังเกิดจากหญิงพรหมจารีของพระเยซูคริสต์นี้ได้บันทึกไว้ในพระคริสตธรรมคัมภีร์อย่างชัดเจนใน พระธรรมลูกา1:26-38 นี่จึงเป็นหลักฐานสำคัญที่ทำให้เราเชื่อว่าพระเยซูคริสต์ทรงบังเกิดจากหญิงพรหมจารีจริง ๆ...
และถ้าจะถามว่า “เพราะเหตุไรพระเจ้าจึงได้ทรงให้พระเยซูคริสต์มารับสภาพเป็นมนุษย์ที่ต้องเกิดจากหญิงพรหมจารีด้วยล่ะ?”... นั่นเป็นเพราะว่าหลังจากที่พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมาแล้วพระองค์ได้ให้กฎเกณฑ์ที่ดีงามแก่มนุษย์ในการดำเนินชีวิต แต่พระองค์ก็ให้มนุษย์มีอิสระในการตัดสินใจ
ดังนั้นมนุษย์จึงสามารถตัดสินใจได้ว่าจะทำตามกฎเกณฑ์ของพระองค์หรือไม่แต่น่าเศร้าใจที่มนุษย์กลับเลือกที่จะดำเนินชีวิตตามใจปรารถนาของตนเอง ไม่ยอมทำตามกฎเกณฑ์ของพระองค์ ทั้งยังปฏิเสธพระเจ้า ผู้ทรงสร้างชีวิตของเขาอีกด้วย
และเมื่อชีวิตของมนุษย์ไม่มีพระเจ้า เขาจึงไม่สามารถนำพาชีวิตของมนุษย์ไม่มีพระเจ้า เขาจึงไม่สามารถนำพาชีวิตของตนเองไปในทางที่ถูกต้อง จึงต้องเดินหลงอยู่ในทางแห่งความผิดบาป และไม่สามารถหาทางออกจากความผิดบาปได้เลย
ดังนั้นพระเจ้าจึงต้องช่วยมนุษย์ให้พ้นจากบาป เพราะพระองค์ทรงทราบว่า ถ้าหากมนุษย์ไม่ได้รับการช่วยเหลือแล้วหลังจากที่มนุษย์จากโลกนี้ไปจิตวิญญาณของเขาก็จะต้องไปพบกับการพิพากษาโทษจากพระองค์ และต้องรับการลงโทษตามการกระทำของตนเอง ซึ่งในที่สุดก็จะต้องทุกข์ทรมานในนรกเป็นนิจนิรันดร์
แต่พระเจ้าทรงรักมนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้างพระองค์ไม่ปรารถนาให้มนุษย์ต้องรับโทษในนรกเลยพระองค์จึงได้จัดเตรียมผู้หนึ่งที่จะมาเป็นผู้รับโทษแทนมนุษย์ เพราะพระองค์ทรงกำหนดไว้ว่า
ถ้ามนุษย์จะรอดพ้นจากการพิพากษาได้นั้น ก็จะต้องมีผู้หนึ่งมารับโทษแทนเขา และผู้นั้นจะต้องเป็นผู้ที่ไม่บาปเลย ซึ่งพระเจ้าทรงทราบว่า ไม่มีมนุษย์คนใดในโลกที่สามารถเป็นผู้รับโทษแทนผู้อื่นได้ เพราะมนุษย์ทุกคนต่างก็ทำบาปและต้องรับโทษของตนเองอยู่แล้ว
ดังนั้นเมื่อประมาณ 2,000 ปีที่แล้ว พระเจ้าจึงต้องให้พระเยซูคริสต์ซึ่งเป็นพระบุตรองค์เดียวของพระองค์มารับสภาพเป็นมนุษย์ในโลก โดยให้บังเกิดจากหญิงพรหมจารี เพื่อที่จะมีร่างกายที่บริสุทธิ์ (เพราะถ้าพระองค์เกิดโดยเชื้อสายของมนุษย์แล้วร่างกายของพระองค์จะไม่บริสุทธิ์ แต่มีเชื้อสายบาป ซึ่งไม่สามารถที่จะไถ่บาปให้แก่มนุษยชาติได้เลย)
และในขณะที่พระเยซูทรงดำเนินชีวิตอยู่ในโลกนี้ พระองค์ก็ทรงอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ของความเป็นมนุษย์ทุกอย่าง แต่พระองค์ก็ไม่ได้ทำความผิดบาปเลยแม้แต่น้อย พระองค์จึงเป็นผู้ที่สามารถรับโทษบาปแทนมนุษย์ได้อย่างแท้จริง
ดังนั้นการที่พระเยซูคริสต์เข้ามาในโลกนี้ ก็เพื่อใช้ร่างกายของพระองค์รับโทษแทนมนุษย์บนไม้กางเขน แต่ไม่ใช่เป็นการไถ่บาปแทนมนุษย์ทุกคน พระองค์จะรับโทษบาปแทนคนเหล่านั้นที่ถ่อมใจยอมรับการช่วยเหลือจากพระองค์เท่านั้น ซึ่งก็คือผู้ที่สำนึกว่าตนเองเป็นคนผิดบาปและหันมาพึ่งในพระคุณความรอดของพระองค์
ผู้อ่านที่รัก...พระเยซูคริสต์ทรงเป็นผู้เดียวในโลกที่สามารถรับโทษบาปแทนท่านได้ หากวันนี้ท่านสำนึกว่าตนเองเป็นคนบาป ขอเชิญท่านหันกลับมาหาพระเจ้า พระองค์พร้อมที่จะอภัยโทษให้แก่ท่าน เพื่อท่านจะไม่ต้องพบกับการพิพากษาโทษ แต่พระองค์จะให้ท่านได้อยู่ในแผ่นดินสวรรค์กับพระองค์ตลอดไป...ถ้าท่านปรารถนาที่จะหันมาพึ่งในพระคุณของพระเยซูคริสต์ในการรับโทษบาปแทนท่าน ก็ขอให้ท่านอธิษฐานทูลต่อพระเจ้าดังนี้
“ข้าแต่พระเจ้าข้าพระองค์ขอยอมรับว่า ข้าพระองค์เป็นคนบาป ขอพระองค์ทรงโปรดยกโทษความผิดบาปให้แก่พระองค์ด้วยเถิด ข้าพระองค์ขอเปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์ให้เป็นพระผู้ช่วยข้าพระองค์ให้รอดจากความผิดบาปอย่างแท้จริง ขอบคุณสำหรับความรักของพระองค์ที่ทรงมอบให้ ข้าพระองค์ขออธิษฐานในพระนามของพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน”
ถ้าท่านได้อธิษฐานต่อพระองค์ด้วยความจริงใจแล้ว ก็ขอให้ท่านมั่นใจเถิดว่า พระเจ้าทรงอภัยโทษความบาปให้แก่ท่านแล้ว ต่อไปนี้พระองค์จะทรงคอยดูแลชีวิตของท่านตลอดไป
ผู้เขียน : อาจารย์นิกร สิทธิจริยาภรณ์
สารบัญ Blockdit christianthai
ซีรีส์ หนังสือเสียงคริสเตียน
ซีรีส์ แบ่งปันข้อพระคัมภีร์โดย ChatGPT
ซีรีส์ ใบปลิวคริสเตียน
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
