29 ม.ค. 2022 เวลา 11:05 • การศึกษา

เพราะพระองค์ทรงอภัย

หญิง้เอ๋ย ! เราก็ไม่เอาโทษเจ้าเช่นกัน จงไปเภิด แล้วอย่าทำผิดอีก
เป็นที่ทราบกันดีอยู่ว่า ในโลกนี้ไม่มีใครเลยที่อยากจะเผชิญกับความผิดพลาดในเส้นทางของชีวิต แต่บางครั้งเพราะสถานการณ์หรือเหตุบางอย่าง ทำให้บางคนต้องเดินในทางที่ผิด ซึ่งเป็นเหตุให้ชีวิตทั้งชีวิตของเขาต้องจมอยู่ในห้วงเหวแห่งความมืดมน
จะเป็นอย่างไรถ้าเส้นทางชีวิตของคนคนหนึ่งได้ก้าวไปสู่ความผิดพลาด เขาจะมีโอกาสหันกลับจากทางนั้นไหม?...
มีใครไหมที่จะช่วยเขาให้พ้นจากความมืดมนแห่งชีวิต?...
มีใครไหมที่จะสามารถให้อภัยให้โอกาส ให้ความหวัง เพื่อที่เขาจะกลับมาตั้งต้นชีวิตใหม่?
ต่อไปนี้เป็นคำพยานของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ชีวิตของเธอเคยผิดพลาด และมุ่งไปสู่ห้วงเหวแห่งความมืดมน ขณะที่เธอกำลังสิ้นหวัง และความตายกำลังอยู่ตรงหน้า… เธอได้พบกับบุคคลหนึ่งที่สามารถช่วยเหลือ ให้อภัยเธอซึ่งทำให้เธอสามารถตั้งต้นชีวิตใหม่ได้อย่างแท้จริง
ชีวิตที่ก้าวผิด
สวัสดีคะ!..ดิฉันเป็นผู้หญิงที่เกิดในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในประเทศอิสราเอล ส่วนชื่อดิฉันนั้นคงไม่สำคัญอะไร ดิฉันเติบโตในครอบครัวที่พ่อแม่ยากจนและมีลูกหลายคน
ดิฉันเป็นคนที่มีนิสัยแข็งกระด้าง ชอบทะเลาะกับเพื่อน และชอบเถียงคุณพ่อคุณแม่เป็นประจำ เมื่อดิฉันเติบโตเข้าสู่วัยสาวดิฉันก็ชอบเที่ยวเตร่และคบเพื่อนที่มีนิสัยคล้าย ๆ กัน ในที่สุดดิฉันก็เสียพรหมจรรย์ให้กับเพื่อนผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งในตอนแรกดิฉันก็รู้สึกผิด รู้สึกกลัวและลึก ๆ ในใจของดิฉันก็มีการต่อสู้ ดิฉันรู้ดีว่าการกระทำเช่นนี้ไม่สมควร แต่เพราะเพื่อนผู้หญิงรอบ ๆ ข้างดิฉันก็ทำเช่นนี้เหมือนกัน
ดังนั้นดิฉันจึงไม่รู้สึกผิดอะไรมาก และในที่สุดก็มีความรู้สึกว่าไม่เห็นเป็นไรเลยกับการที่จะมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายถึงแม้จะไม่ซ้ำหน้าก็ตาม ในที่สุดดิฉันก็มาถึงขั้นที่ขายบริการทางเพศ
ปากทางแห่งความตาย
แต่แล้ววันหนึ่ง เหตุการณ์ที่ดิฉันไม่เคยคาดคิดก็เกิดขึ้น วันนั้นดิฉันกำลังล่วงประเวณีกับสามีของหญิงคนหนึ่ง… ในทันใดนั้นก็มีคนกลุ่มใหญ่บุกเข้ามา แล้วจับดิฉันไปบอกว่าจะเอาดิฉันไปพิพากษา ดิฉันตกใจกลัวมาก
ท่านผู้อ่านคงไม่ทราบว่ากฎหมายบ้านเมืองของดิฉันนั้นรุนแรงมาก ถ้าผู้หญิงคนใดล่วงประเวณี จะต้องถูกจับออกไปท่ามกลางฝูงชน แล้วเอาก้อนหินขว้างให้ตาย แท้จริงแล้วกฎหมายอย่างนี้ก็มีอยู่ แต่คนอิสราเอลไม่เคยเคร่งครัดเลย
ดังนั้นจึงมีผู้หญิงหลายคนรวมทั้งดิฉันด้วยที่ล่วงประเวณีแต่ก็ไม่เคยถูกจับหรือถูกพิพากษา เพราะคนอิสราเอลไม่ค่อยสนใจและเอาจริงเอาจังกับเรื่องแบบนี้ แต่วันนั้นดิฉันก็ไม่เข้าใจเลยว่า เพราะเหตุไรพวกเขาจึงอยากเอาชีวิตของฉัน?...ดิฉันทราบเพียงอย่างเดียวว่า เมื่อดิฉันถูกจับออกไป ดิฉันจะต้องถูกก้อนหินขว้างตายเป็นแน่ ดิฉันกลัวเหลือเกิน!...
ผู้อ่านที่รักคะ!..แต่แทนที่พวกเขาจะนำดิฉันไปขว้างให้ตายพวกเขากลับนำดิฉันมาต่อหน้าชายคนหนึ่ง ซึ่งต่อมาดิฉันทราบว่าชายผู้นั้นก็คือ พระเยซูคริสต์ พวกเขาถามพระองค์ว่า “ผู้หญิงคนนี้ถูกจับฐานล่วงประเวณี ตามบัญญัติที่พระเจ้าให้ไว้กับโมเสสนั้นจะต้องเอาก้อนหินขว้างให้ตาย ท่านจะว่ายังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้?”
พวกเขากำลังให้พระองค์พิพากษาตัดสินอนาคตชีวิตของดิฉัน มาถึงตอนนี้ดิฉันทราบแล้วว่าเพราะเหตุไรพวกเขาจึงจับดิฉัน แต่ไม่ขว้างให้ตายทันทีเพราะพวกเขาเล่ห์เหลี่ยมจัด พวกเขาอยากจะเอาตัวของดิฉันเป็นข้อหาในการฟ้องหรือจับผิดพระเยซู
ฟ้องหรือจับผิดเรื่องอะไรหรือคะ?...ก็เพราะถ้าพระเยซูบอกว่าให้ปล่อยดิฉันไปเสีย ไม่ต้องขว้าง พระองค์ก็จะผิดกฎบัญญัติของโมเสสเพราะกฎบัญญัติของโมเสสมีอยู่ว่า ถ้าใครล่วงประเวณีต้องเอาก้อนหินขว้างให้ตาย
แต่ถ้าพระองค์บอกว่าอย่าขว้าง นั่นแสดงว่าพระองค์ไม่ได้มาจากพระเจ้าจริง เพราะถ้าพระองค์มาจากพระเจ้า พระองค์ก็จะไม่ขัดกับโมเสส และถ้าพระองค์สั่งให้ขว้างตามกฎของโมเสสแล้ว พระองค์ก็จะผิดกฎหมายของประเทศโรมัน
เพราะว่าเวลานั้นประเทศอิสราเอลตกเป็นเมืองขึ้นของโรมัน ซึ่งประเทศโรมันมีกฎหมายว่า ห้ามคนอิสราเอลประหารชีวิตคนหนึ่งคนใดตามอำเภอใจ เพราะเป็นการผิดกฎหมาย ถ้าจะประหารชีวิตใคร ก็จะต้องขึ้นศาลของโรมันเท่านั้น (ยอห์น 18:31)…
เวลานั้นดิฉันทราบดีว่าพวกเขามีจุดประสงค์ที่จะเล่นงานพระเยซูโดยเอาชีวิตดิฉันมาพ่วงด้วย ดิฉันไม่ทราบเลยว่าพระเยซูจะตอบว่าอย่างไร? เพราะว่าการที่พระองค์จะบอกให้ขว้างหรือไม่ให้ขว้างดิฉันนั้น ก็ล้วนแต่ผิดทั้งขึ้นทั้งล่อง และดิฉันก็หนีไม่พ้นที่จะต้องตาย
รอดจากโทษประหาร
“ผู้หญิงคนนี้ถูกจับฐานล่วงประเวณี ตามบัญญัติที่พระเจ้าให้ไว้กับโมเสสนั้น จะต้องเอาก้อนหินขว้างให้ตายท่านจะว่ายังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้?”…
เมื่อพระเยซูคริสต์ได้ฟังพระองค์ไม่ตอบ แต่ใช้นิ้วเขียนที่ดิน ซึ่งทำให้พวกเขาโมโหมาก จึงถามซ้ำอีกเรื่อย ๆ พระเยซูจึงลุกขึ้นแล้วตรัสว่า
“มีผู้ใดในพวกท่านที่ไม่เคยทำผิดเลย ก็ให้เอาก้อนหินขว้างก่อน”…
แล้วพระองค์ก็ก้มลงเอานิ้วเขียนที่ดินอีก… เวลานั้นดิฉันกลัวมาก เพราะดิฉันรู้ว่าจริง ๆ แล้วคนอิสราเอลไม่แคร์และไม่กลัวกฎหมายของโรมันแม้แต่น้อย เขาอยากจะขว้างหรือประหารชีวิตใครเขาก็ทำทันที และดิฉันรู้ว่าคำตอบที่พระเยซูพูดกับพวกเขานั้นทำให้พวกเขายิ่งโมโหและต้องระบายอารมณ์ใส่ดิฉันโดยขว้างก้อนหินนับร้อย ๆ พุ่งเป้ามายังดิฉันอย่างแน่นอน… ผู้อ่านที่รักคะ!..ความตายกำลังยืนอยู่ตรงหน้าดิฉันแล้ว
ขณะนั้นมีชายหนุ่มที่ไม่ทันคิดได้หยิบก้อนหินขึ้นมากำลังจะขว้างใส่ดิฉัน แต่มีคนแก่ได้ห้ามปรามไว้ว่า “เฮ้ยหยุด!..เอ็งไม่ได้ยินมันพูดหรือ? มันบอกว่าใครที่ไม่มีผิดให้เอาก้อนหินขว้างก่อนเอ็งรู้ไหมว่า
ความเชื่อของพวกเราชาวอิสราเอลนั้น ผู้ที่ไม่เคยทำผิดหรือไม่มีบาปเลยมีเพียงผู้เดียวก็คือพระเจ้าเท่านั้น ถ้าเอ็งเอาหินขว้าง นั่นก็แสดงว่าเอ็งไม่มีบาปเลย ก็หมายความว่าเอ็งเป็นพระเจ้านะซิ!..แล้วเอ็งรู้ไหมว่า เมื่อเอ็งขว้างไปก้อนหนึ่ง เยซูก็จะบอกเอ็งว่า “หยุด!... เมื่อกี้เราบอกว่าใครไม่เคยทำผิดบาปให้ขว้างก่อน คนนี้เขาขว้าง นั่นแสดงว่าเขาไม่มีความผิดบาปเลย ก็หมายความว่าเขาอ้างว่าตนเองเป็นพระเจ้า
ตามกฎบัญญัติของโมเสสได้บอกว่า
ถ้าผู้ใดตีตัวเสมอพระเจ้า ให้เอาหินขว้างให้ตาย (ยอห์น 10:33)
พวกท่านจะจัดการกับคนของท่านอย่างไร?”… แล้วเอ็งคิดดูซิว่าจะเป็นเอ็งหรือผู้หญิงคนนี้ที่จะต้องตาย...เออ!..เยซูมันฉลาดโว๊ย!..วันนี้ให้พวกเราหลบไปก่อน วันหลังค่อยหาวิธีจัดการใหม่ ไป!” แล้วชายแก่กับชายหนุ่มเหล่านั้นจึงเดินออกไปทีละคน ๆ จนหมด
เหลือเพียงแต่พระเยซูกับดิฉันพระองค์จึงเงยหน้าขึ้นมาแล้วตรัสกับดิฉันว่า “หญิงเอ๋ย!... พวกเขาไปไหนหมด ไม่มีใครเอาโทษเจ้าหรือ?” ดิฉันจึงตอบพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า!..ไม่มีผู้ใดเลย”… พระองค์จึงบอกว่า… “เราก็ไม่เอาโทษเจ้าเช่นกัน จงไปเถิด! แล้วอย่าทำผิดอีก”…
เมื่อดิฉันได้ยินก็ร้องให้ แล้วก้มกราบที่พระบาทพระองค์ แล้วลาพระองค์ไปตั้งแต่วันนั้นดิฉันก็ไม่ได้ทำผิดในเรื่องการล่วงประเวณีอีกเลย
เริ่มต้นชีวิตใหม่
ผู้อ่านที่รักคะ แท้จริงแล้วผู้ที่มีสิทธิ์ในการขว้างดิฉันในวันนั้นมีเพียงผู้เดียว ซึ่งก็คือพระเยซูคริสต์ เพราะพระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้าผู้ไม่มีบาป แต่พระองค์ไม่ทรงเอาโทษดิฉัน ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้ดิฉันรอดชีวิตจากการโดนก้อนหินขว้างเท่านั้น
แต่ดิฉันยังรอดจากความพินาศในนรกอีกด้วย ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งที่น่ายินดีที่สุดในชีวิตของดิฉันจริง ๆ เพราะถ้าดิฉันไม่ได้รับการอภัยโทษบาปจากพระองค์ในวันนั้นแล้ว ดิฉันก็จะต้องรับการพิพากษาโทษจากพระเจ้า ในที่สุดก็จะต้องพินาศในนรกอย่างแน่นอน
วันนั้นดิฉันเป็นเหมือนกับคนที่ตายไปแล้ว แต่ได้กลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ ถึงแม้สังคมจะไม่ยอมรับดิฉันเพราะดิฉันเคยเป็นหญิงชั่ว แต่ดิฉันไม่โกรธและไม่ท้อใจ เพราะดิฉันทราบดีว่าพระเจ้าไม่เคยดูถูกหรือเยาะเย้ยดิฉัน แต่พระองค์ทรงให้โอกาสดิฉัน
นอกจากนั้นบรรดาผู้ที่เชื่อในพระเยซูคริสต์พวกเขาก็ไม่เคยถูกดิฉันหรือเยาะเย้ยดิฉันแม้แต่น้อย แต่กลับเรียกดิฉันว่าเป็นพี่น้องของพวกเขา ซึ่งนับว่าเป็นคนในครอบครัวเดียวกันกับพวกเขาอีกด้วย และเมื่อดิฉันต้องจากโลกนี้ไป ดิฉันก็มั่นใจว่าดิฉันจะได้ไปอยู่ในสวรรค์ ซึ่งเป็นที่พระองค์ทรงจัดเตรียมไว้สำหรับผู้ที่เชื่อในพระองค์ ซึ่งที่นั่นจะไม่มีการดูถูก การเยาะเย้ย ไม่มีความเจ็บปวดและการร้องไห้คร่ำครวญอีกต่อไป
ผู้อ่านที่รัก ไม่ว่าท่านจะเป็นใคร เป็นพ่อค้า แม่ค้า ครู หมอ พยาบาล นักเรียน นักศึกษานักการเมือง คนที่ขายแรงงาน หรือแม้กระทั่งหญิงขายบริการที่เหมือนกับผู้หญิงคนนี้
อยากให้ท่านทราบว่า เราทุกคนไม่ต่างกันเลย ในสายพระเนตรของพระเจ้า ซึ่งความผิดบาปของบางคนอาจจะซ่อนเร้นไม่มีใครเห็น จึงทำให้คนอื่นคิดว่าเขาเป็นคนดี หรือบางคนก็มีความผิดบาปที่ปรากฏชัด ทำให้คนอื่นเห็นว่าเขาเป็นคนเลว
แต่วันหนึ่งความผิดบาปทุกอย่างของมนุษย์ทุกคนจะต้องปรากฏต่อหน้าบัลลังก์พิพากษาของพระเจ้าและจะต้องรับการพิพากษาโทษตามกระทำของแต่ละคนในที่สุดก็จะต้องทุกข์ทรมานในบึงไฟนรกเป็นนิจนิรันดร์
แต่พระเจ้าทรงรักมนุษย์ พระองค์ไม่อยากให้มนุษย์เราต้องรับโทษเช่นนั้นเลย พระองค์ทรงทราบดีว่าวิธีเดียวที่จะช่วยมนุษย์ให้รอดพ้นจากโทษบาปได้ก็คือ จะต้องให้ผู้หนึ่งมารับโทษแทนมนุษย์ ซึ่งผู้นั้นจะต้องไม่มีบาปเลย
ดังนั้นเมื่อประมาณ 2,000 ปีที่แล้ว พระองค์จึงได้ให้พระเยซูคริสต์ซึ่งเป็นพระบุตรองค์เดียวของพระองค์เข้ามาในโลกเพื่อรับสภาพของมนุษย์ ซึ่งในขณะที่พระเยซูคริสต์ทรงดำเนินชีวิตอยู่ในโลกนี้ พระองค์ไม่ได้ทำความผิดบาปเลยแม้แต่น้อย
แต่พระองค์ก็ถูกตัดสินให้ตรึงกางเขนก็เพราะพระองค์ถูกพวกที่อิจฉาพระองค์ใส่ร้าย ซึ่งพระเยซูก็ทรงยอมถูกตรึงบนไม้กางเขน ก็เพื่อ ที่จะใช้ร่างกายของพระองค์รับโทษความผิดบาปของมวลมนุษยชาติ
ดังนั้นหากผู้ใดที่ยอมสารภาพความผิดบาปของตน และทูลขอความช่วยเหลือจากพระเยซูคริสต์ พระองค์ก็จะทรงเป็นผู้รับโทษบาปแทนเขา และเมื่อเขาจากโลกนี้ไป เขาก็ไม่ต้องรับการพิพากษาจากพระเจ้าอีกต่อไป เพราะพระองค์จะทรงถือว่าพระเยซูคริสต์ได้รับโทษบาปแทนเขาแล้ว
ผู้อ่านที่รัก… ไม่ว่าท่านจะมีบาปมากน้อยเพียงไร ขอให้ท่านทราบเถิดว่า พระเจ้าทรงรักท่านจนยอมให้โทษพระบุตรของพระองค์มารับโทษบาปแทนท่าน
เพื่อท่านจะไม่ต้องรับการลงโทษบาปในนรก แต่จะได้อยู่ในสวรรค์กับพระองค์ตลอดไป อย่าจมอยู่ในความผิดบาปอีกต่อไปเลยครับ รีบทูลขอความช่วยเหลือจากพระองค์เดี๋ยวนี้เถิดถ้าท่านปรารถนาที่จะรับการอภัยโทษและอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ ซึ่งเป็นชีวิตที่มีชัยชนะต่อความผิดบาปแล้วล่ะก็ ขอให้ท่านอธิษฐานทูลต่อพระองค์ดังนี้
“ข้าแต่พระเจ้า... ข้าพระองค์ขอยอมรับว่าพระองค์มีความผิดบาปมากมายในชีวิต วันนี้ข้าพระองค์ขอสารภาพความผิดบาปที่ข้าพระองค์ได้กระทำมาทั้งหมดต่อพระองค์ ขอพระองค์ทรงอภัยโทษความผิดบาปให้แก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด ขอขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงให้พระเยซูคริสต์มาเป็นผู้รับโทษบาปแทนข้าพระองค์บนไม้กางเขน
ข้าพระองค์ขอต้อนรับพระเยซูคริสต์ให้เป็นพระผู้ช่วยข้าพระองค์ให้รอดจากบาปอย่างแท้จริง อธิษฐานทูลขอในพระนามของพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน”
ถ้าท่านได้ทูลต่อพระองค์ด้วยความจริงใจแล้ว ขอให้ท่านมั่นใจเถิดว่า พระเจ้าได้ทรงอภัยโทษบาปให้แก่ท่านแล้วอย่างแน่นอน และพระองค์จะทรงประทานกำลังให้แก่ท่านในการดำเนินชีวิตต่อไป
ผู้เขียน : อาจารย์นิกร สิทธิจริยาภรณ์
สารบัญ Blockdit christianthai
ซีรีส์ หนังสือเสียงคริสเตียน
 
ซีรีส์ แบ่งปันข้อพระคัมภีร์โดย ChatGPT
ซีรีส์ ใบปลิวคริสเตียน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา