10 มี.ค. 2022 เวลา 11:21 • ไลฟ์สไตล์
“โลกพิศวง”
“ …​ วันนี้เราจะมา เหมือนกับการมาพูดคุย แล้วก็สร้างความเข้าใจหมู่ คือปกติเราจะนั่งฟังธรรม เราจะฟังธรรมของพระพุทธเจ้า
ทีนี้เรา บางท่านก็อาจจะมองไม่เห็นภาพรวม
อย่างเช่น มาเดินจงกลม นั่งสมาธิ
เราก็จะเห็นการเดินจงกลม นั่งสมาธิ
วิธีการเดินจงกลม นั่งสมาธิ
การเดินจงกลมนั่งสมาธิทำให้เกิดความสงบ
แล้วก็เกิดปัญญาขึ้นเล็ก ๆ น้อย ๆ
แต่เรามองไม่เห็นภาพรวม
ผมจะลองให้ท่านเห็นภาพรวม ว่าจริง ๆ แล้วทุกอย่างมันคืออะไร
คือผมอยากจะให้ทุกคน มองให้เห็นภาพก่อน คือเราเห็นแต่การปฏิบัติธรรม ท่านมาบวช ท่านมาปฏิบัติธรรม ท่านอยากพ้นทุกข์ มีแต่เรื่องอย่างนี้
ถ้าผมจะให้พวกเราค่อย ๆ ค่อย ๆ เห็นภาพ สร้างความเข้าใจ ว่าที่บอกว่าชีวิต หรือว่า เรา ก่อนก็ได้ เราคืออะไร
เราคืออะไร ทำไมวันนี้เราถึงมีความทุกข์
หรือเราเป็นใคร เราเกิดมายังไง
ถ้าเราบอกว่าชีวิต ชีวิตคืออะไรครับ
เราก็อาจจะนึกไม่ค่อยออก
ถ้าผมบอกว่าชีวิตนี้
ถ้าผมบอกว่าประกอบด้วยกายกับใจ
ตอนนี้ เอาความรู้สึกของเราตอนนี้ อย่าไปนั่งคิดทฤษฎีอะไรอีกเลย พอแล้วล่ะ การใช้หัวสมองคิด เอาของที่มันอยู่ตรงหน้านี้
วิปัสสนากรรมฐานใช้ของที่อยู่ตรงหน้าทั้งหมด เรื่องไปจำมา เรื่องคิดวิเคราะห์น่ะทิ้งไปให้หมด
ผมจะถามว่าตอนนี้ทุกคนน่ะ มันมีความรู้สึกถูกมั้ย กับร่างกายของเรา มีแค่นี้ มีแค่นี้เอง ทุกคนมีเท่ากันหมด ไม่ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจนกระทั่งถึงพวกเรา มันมีแค่นี้
มันมีแค่ร่างกาย ที่เราเรียกว่าร่างกาย กับความรู้สึก
ถ้าเราเริ่มจับทางว่า ชีวิตทั้งหมดนี้มันจะอยู่ด้วยกายอย่างเดียวก็ไม่ได้ ก็เรียกว่า ศพ จะอยู่ด้วยความรู้สึกอย่างเดียวก็ไม่ได้ ไม่รู้จะไปรู้สึก ตั้งฐานตรงไหน มันก็เลยต้องมาอาศัยฐานกัน เคียงคู่กันไป เป็นเกลอกัน
ท่านพุทธทาสใช้คำว่ามันเป็นเกลอกัน กายกับใจนี้มันเป็นเกลอกัน
เราไม่ต้องไปอะไรลึก เอาตรงต่อหน้าต่อตาของเรานี่แหละ เพราะฉะนั้นชีวิตมันมีอยู่แค่นี้ มีแต่กายกับใจ แต่ละขณะของชีวิต จะบอกว่าของเราของใครเนี่ยะ มันแค่มีความรู้สึกที่เกิดขึ้นเท่านั้นเอง
ทีนี้ในเมื่อมันมีแต่กายกับใจ โฟกัสเลย กายที่บอกว่าร่างกายนี้ ทีนี้ร่างกายเนี่ยมันจะไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ถ้ามันไม่ได้เปิดมีตา หู จมูก ลิ้น กาย
ถ้าตาเราปิด หูเราบอด จมูกไม่ได้กลิ่น อะไรทั้งหมด ดับหมด เราจะรู้สึกต่อโลกใบนี้มั้ย …​ ไม่
ทีนี้เสร็จปุ๊บ เห็นต้นไม้ เห็นผม
ในนี้มีกี่คนครับ ประมาณ อ่ะ ๓๕ คน
เพื่อนข้าง ๆ มีมั้ย ? นั่งอยู่ถูกมั้ย แต่ไม่มีในใจ
ขณะที่กำลังมองหน้าผม กำลังคุยกับผม มีเพื่อนข้าง ๆ มั้ย ?
… ไม่มี
เพราะฉะนั้นโลกนี้มีเท่าที่เกิดสัมผัส เท่านั้นเอง
คนนี้ที่นั่งข้าง ๆ ไม่ได้เข้าไปโลกของชี จนกว่าจะคิดถึงหรือหันไปมอง หรือได้ยินเสียง ก็จะมีขึ้นมา จากนั้นไม่มี
เพราะฉะนั้นโลกนี้มีอยู่แค่ในใจของแต่ละคน
มีลูกมั้ยครับ ? ขณะที่คุยกับผมมีลูกมั้ยครับ ?
พอคิดถึงลูก สมมติว่าลูกอะไร ก็เกิดความคิดถึงของเรา ความกังวลความอะไรขึ้นมา อยากเจอหน้าบ้าง นานมาแล้ว อะไรอย่างนี้ โลกจะมีขึ้นมา
ลูกมีอยู่จริง ๆ มั้ย ?
มีอยู่จริง ๆ แต่ไม่ได้มีอยู่จริง ๆ ในใจเรา มันจะมีแค่บางขณะ เมื่อมีขึ้นมาบางขณะ อาจจะทำให้ทุกข์ หรือทำให้สุข หรือทำให้เฉย ๆ
ไม่ว่าใครก็ตาม ถ้าชีวิตมันคือแค่กายกับใจนี้
กายทั้งหมด นั่งปวดขามั้ยครับ สักชั่วโมงสองชั่วโมง ห้าชั่วโมง เจ็ดชั่วโมง ปวดมั้ย ? ขาร้อนมั้ย ?
… ร้อน ขาไม่พูดอะไร ถูกมั้ยครับ
คนที่เดือดร้อนคือความรู้สึก ความรู้สึกนะ
ความรู้สึกเดือดร้อน
แล้วก็เป็นทุกข์กับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นที่ขา ที่กาย
เพราะฉะนั้นผมถามว่า ใจจริง ๆ น่ะ มันไปเดือดร้อนด้วยมั้ย ? … ไม่เลย
ใจจริง ๆ มันไปปวดด้วยมั้ย ? … เปล่าเลย
แล้วทำไมมันถึงได้สร้างความทุกข์ขึ้นมา
เพราะฉะนั้นเราจะเห็นหนึ่งอย่าง
ถ้ามันเป็นความรู้สึกธรรมดาต่อโลกใบนี้ อย่างเช่นเห็นต้นไม้ ใบสีเขียว ดอกสีแดง มันจะเป็นความรู้สึกธรรมดา ๆ
1
แต่ทันทีที่เกิดความรู้สึกว่าต้นไม้นี้สวย ดอกไม้กลิ่นหอมจัง แล้วก็สีสวยฉันชอบ แสดงว่าไม่ใช่ความรู้สึกดั้งเดิมธรรมดา แต่เป็นความรู้สึกเพิ่มขึ้นมาอีกชั้นนึง เป็นความรู้สึกอันใหม่ที่มาทับอันเก่า เหมือนกับแป้งโกกิชั้นที่สอง
ชั้นที่หนึ่งสมมติว่ามีลูกชิ้นอยู่ก้อนนึง ไปชุบแป้งทอด โกกิหุ้มอยู่ละ ตอนนี้เราไม่เห็นลูกชิ้นละ โกกิมันหุ้มเอาไว้ ก็คือความรู้สึกว่าลูกชิ้นสีแดงฉันชอบ
จากนั้นเมื่อมีการยึดถือ มันจะชุบแป้งโกกิชั้นที่สาม ขึ้นมาจากชั้นที่สอง ชุบแล้วไปทอดอีก
เพราะฉะนั้นตอนนี้มันจะมี จากความรู้สึกดั้งเดิม คือต้นไม้สีเขียว ดอกมันก็สีแดงปกติ กลายเป็นสวยดีฉันชอบ สวยดีแล้วก็ฉันชอบเป็นชั้นที่สอง
จะเห็นว่าความรู้สึกธรรมดา ๆ มันเริ่มเปลี่ยนไป
มันก่อลึกขึ้นไปเรื่อย ๆ เพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ
พอกพูนขึ้นไปเรื่อย ๆ
1
จนกระทั่งวันนี้ทุกคนเห็นอาหารอย่างหนึ่ง มันกลายเป็นชอบอยากกินไปเลยทันทีโดยอัตโนมัติ เพราะชั้นที่สองชั้นทีสามของแป้งโกกิ มันทำงานได้รวดเร็วมาก
ทำไมมันถึงทำงานรวดเร็วมาก
จากที่ความรู้สึกธรรมดา มันพรึ่บบบ ออกมาเลย
ตรงนี้ที่เรียกว่า “ความเคยชิน”
เพราะเราไปก่อมันเอาไว้
ทีนี้ถ้าเรามามองกันดี ๆ ว่าชีวิตที่ประกอบขึ้นมาจากด้วยกายกับใจ พระพุทธเจ้าที่พระองค์บอกว่า สิ่งที่พระองค์ตรัสรู้นี้แล้วนำมาบอกสอนสัตว์โลก มันมีแค่ทุกข์กับความดับทุกข์ เท่านั้นเอง เรื่องอื่นท่านไม่เอามาสอน ใบไม้ทั้งป่าเยอะแยะเลย แต่ท่านสอนแค่นี้
คำว่าแค่นี้ ก็คือว่า ถ้าเราเริ่มเข้าใจ ว่ากายจริง ๆ แล้วเนี่ย ที่ถูกแตกออกไปเป็นตา หู จมูก ลิ้น กาย โดยรายละเอียด แล้วมันก็รับรู้ผ่านทางทวารที่เรียกว่าทวารทั้ง ๖ ที่อินทรีย์ทวาร มันเปิดประตูเข้าไปสู่ “ใจ” คนเดียว
จากนั้น ใจ นี้ คือคนที่มีปัญหาที่สุด
ตา ตาเป็นของร้อน หูเป็นของร้อน
เมื่อกี้สวดกันมา มันร้อน จริง ๆ มันไม่ได้ร้อน
มันร้อนเพราะมันถูกยึดถือมาก่อน
แต่พระพุทธเจ้ากำลังจะดึงภิกษุให้ถอยหลังกลับ
จึงต้องบอกว่ามันเป็นของร้อน
แต่ถ้าเป็นพระอรหันต์พูด “ตามันเป็นธาตุว่าง จะไปร้อนอะไร” ก็จะสวนทางกัน
แต่ตอนนี้ทำยังไงให้คนที่กำลังมีความยึดถือเนี่ย ถอยหลังกลับออกมา เพราะฉะนั้นพวกเขาจะต้องระแวดระวังตา หู จมูก ลิ้น กาย แล้วก็ใจ
ถ้านี่คือรูปนาม ถ้ารูปนามนี้ มันไม่มีการเชื่อมต่อ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย
ใจนี้ก็จะไม่เกิดอะไรเลย
แต่ปัญหาคือเมื่อเรามีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจขึ้นมาแต่เดิม
พระพุทธเจ้าถึงตรัสว่า กายของเธอเป็นกรรมเก่า เอาล่ะเราจะไม่ไปตรงนั้นล่ะ
เราจะเอากันแค่ตรงนี้ก่อน เราจะต้องเข้าใจให้ได้ก่อน ว่าเมื่อเราเปิดทวารออกมา อินทรีย์ทวารทั้งหกนี้ ข้อมูลทั้งหมดที่มันไหลเข้าไปสู่ใจของเรานี้ ใจของเราไม่รับรู้ปกติ ใจของเราถูกเปลี่ยน ทำให้การรับรู้ การมองเห็นนี้เพี้ยนไป เพี้ยนไป
ถ้าเราควรจะเห็นของที่กระทบเข้ามาเป็นไปอย่างที่มันเป็น แต่ของที่กระทบเข้ามาไม่เป็นไปอย่างที่มันเป็น มันกลายเป็นสวย มันกลายเป็นชอบ มันกลายเป็นไม่ชอบ มันกลายเป็นขี้เหร่ น่าเกลียด
เราเห็นขี้หมาเราก็อี๋ เราอี๋ เราเห็นน้ำเน่า เราเห็นของสกปรก เราเห็นสัตว์ตาย เราเห็นหนอนยั้วเยี้ย เราอี๋ ทั้ง ๆ ที่มันคือธรรมชาติ ธรรมดา
ทีนี้ทำยังไง คนถึง … ทุกข์ทั้งนั้นนี้มันเกิดจากความเพี้ยน ที่ถูกปรุงอยู่ข้างใน เรามาปฏิบัติธรรม เราจะได้รู้ว่าเรามาปฏิบัติธรรมทำไม ความทุกข์มาจากไหน
คือพอมันเริ่มเพี้ยน มิติที่มันแตกเป็นสาเหตุแห่งทุกข์นี้มากมายก่ายกอง ทีนี้มันมากมายก่ายกองล่ะ
ทุกข์มาจากสักกายทิฏฐิ คือความเห็นผิดในความเป็นตัวตน โอ้โห อันนั้นปลายทางเลย นั่นปลายทางละ จนมันย้อนมาเป็นต้นทาง
นั่นปลายทางเลย … “
.
บางส่วนจากซีรีส์การบรรยายพิเศษ
ตอน ชีวิตของเรา
โดย อาจารย์ประเสริฐ อุทัยเฉลิม
วันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๔
ณ สวนยินดีเกาะพะลวย จ.สุราษฏร์ธานี
รับฟังการบรรยายฉบับเต็มได้ที่ :
Photo by : Unsplash

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา