15 ธ.ค. 2021 เวลา 14:28 • การศึกษา

ราชาผู้ยากจน

JESUS THE POOR KING.
“ราชา” หรือ “กษัตริย์” เมื่อเราได้ยินถึงคำคำนี้เราก็จะนึกถึงบุคคลที่มีแผ่นดินที่ครอบครอง มีอำนาจเหนือกว่าใคร มีทรัพย์สมบัตินับไม่ถ้วน และมีข้าราชบริพารที่ห้อมล้อมมากมาย และถ้าวันไหนบุคคลผู้นั้นต้องจากโลกนี้ไป ก็จะมีคนที่จัดพิธีให้อย่างยิ่งใหญ่
แต่ถ้าคนใดที่ไม่มีแผ่นดินครอบครองไม่มีอำนาจในโลก ในกระเป๋าตังค์ก็ไม่มีเงินแม้แต่สลึงเดียว ไม่มีเพื่อนมิตรสหายคนใดยอมรับเขา ซ้ำยังถูกพิพากษาให้ประหารชีวิต และเวลาที่เขาตายก็มีแต่คนวิ่งหนีจากเขา ถ้าเป็นเช่นนี้เราคงทราบทันทีว่าเขาคงจะไม่ใช่กษัตริย์อย่างแน่นอน และก็คงจะไม่มีกษัตริย์องค์ใดในประวัติศาสตร์ของโลกที่มีชีวิตเช่นนี้
แต่ท่านทราบไหมว่าแท้จริงแล้ว ในประวัติศาสตร์ของโลกมีกษัตริย์องค์ที่มีชีวิตแบบนี้จริง ๆเพราะว่าเวลาที่กษัตริย์องค์นี้เกิด พระองค์ก็เกิดต่ำกว่าขอทาน เวลาที่พระองค์ตายก็ถูกประหารชีวิตให้ตายแบบโจรผู้ร้าย เราจะเห็นว่าพระองค์มีชีวิตมหัศจรรย์เกินกว่าที่เราจะจินตนาการได้
กษัตริย์องค์นี้ไม่เคยเขียนหนังสือแม้แต่เล่มเดียว แต่มีหนังสือที่เขียนถึงพระองค์นับเป็นล้าน ๆ เล่ม
กษัตริย์องค์นี้ไม่เคยเขียนบทเพลง แต่มีผู้เขียนบทเพลงยกย่องพระองค์ท่านนับเป็นล้าน ๆ เพลง
กษัตริย์องค์นี้ไม่เคยสอนงานศิลปะ แต่มีนักวาดที่มีชื่อเสียงของโลกวาดถึงชีวิตของพระองค์ท่านอย่างมากมาย
กษัตริย์องค์นี้ไม่เคยเปิดโรงเรียน ไม่เคยก่อตั้งมหาวิทยาลัย โรงพยาบาล หรือองค์การสังคมสงเคราะห์ แต่ท่านทราบไหมว่าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนี้พระองค์ท่านมีลูกศิษย์ลูกหาที่ได้รับอิทธิพลและได้รับการเปลี่ยนแปลง ชีวิตจากพระองค์ ได้ทำการเปิดโรงเรียน ได้ก่อตั้งมหาวิทยาลัย โรงพยาบาล และหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือคนในโลกนี้อย่างมากมาย
ถ้าจะถามว่ากษัตริย์องค์นี้คือผู้ใด ท่านผู้นั้นก็คือองค์พระเยซูคริสต์นั่นเอง
ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ ซึ่งเป็นหนังสือที่ นักประวัติศาสตร์ได้ทำการตรวจสอบแล้วว่าข้อมูลต่าง ๆ ล้วนเป็นเหตุการณ์ที่ได้ถูกบันทึกขึ้นในสมัยของพระเยซูคริสต์จริง ๆ ได้บันทึกว่า
เมื่อประมาณ 2,000 ปีที่แล้วของคืนวันหนึ่งพระเยซูคริสต์ได้มาบังเกิดในรางหญ้าที่คอกสัตว์แห่งหนึ่งในประเทศอิสราเอล ซึ่งทารกน้อยผู้นี้ไม่ใช่บุคคลธรรมดา แต่ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้าที่ทรงส่งมายังโลกมนุษย์
ถ้าจะถามว่าเพราะเหตุใดพระเจ้าจึงต้องส่งพระบุตรของพระองค์มายังโลกนี้ นั่นก็เพราะหลังจากที่พระเจ้าทรงสร้างโลกนี้แล้วพระองค์ก็ได้ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมา ซึ่งพระองค์ปรารถนาให้มนุษย์เชื่อฟังและดำเนินชีวิตตามกฎเกณฑ์ของพระองค์
แต่น่าเศร้าใจที่มนุษย์ไม่ยอมเชื่อฟังพระองค์ ความบาปจึงเกิดขึ้นและได้ทวีแผ่ขยายไปทั่วโลก ดังนั้นพระเจ้าจึงทรงใช้คนของพระองค์ให้บันทึกในพระคริสตธรรมคัมภีร์ว่า
โลกนี้ที่เต็มไปด้วยความบาปมีวันหนึ่งจะต้องถึงคราวอวสาน และหลังจากโลกนี้สิ้นสุดลงแล้ว จิตวิญญาณมนุษย์ทุกคนจะต้องไปยืนต่อหน้าบัลลังก์พิพากษาอันยุติธรรมของพระเจ้าผู้บริสุทธิ์และรับการลงโทษตามการกระทำของแต่ละคน แต่พระเจ้าผู้เปี่ยมด้วยความเมตตา พระองค์ทรงรักและให้โอกาสมนุษย์ที่จะรอดจากการลงโทษนั้น พระองค์จึงได้ส่งพระเยซูคริสต์ซึ่งเป็นพระบุตรองค์เดียวของพระองค์มารับสภาพเป็นมนุษย์ในโลก
พระเยซูคริสต์มาก็เพื่อที่จะบอกกับมนุษย์เราว่า โลกนี้ไม่ถาวร เพราะวันหนึ่งจะต้องถึงคราวอวสาน ดังนั้นพระองค์จึงต้องมาในโลกเพื่อที่จะช่วยมนุษย์ให้เข้าสู่อาณาจักรของพระเจ้าในแผ่นดินสวรรค์ แต่ถ้ามนุษย์ยังมีบาป เขาก็จะไม่สามารถเข้าไปได้เลย
ดังนั้นพระองค์จึงต้องสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อรับโทษความผิดบาปแทนมนุษย์เรา ขอเพียงแต่คนคนนั้นถ่อมใจ ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนบาปและหันมารับเอาพระคุณความรักที่พระเจ้าทรงมอบให้กับมนุษย์เขาก็จะสามารถเข้าสู่อาณาจักรของพระองค์เมื่อเขาจากโลกนี้ไป
ผู้อ่านที่รักท่านทราบไหมว่าตั้งแต่พระเยซูเข้ามาในโลกจนถึงปัจจุบันนี้ มีคนนับหลายพันล้านคนทั่วโลกที่ได้เชื่อในคำตรัสของพระเยซูคริสต์ต่างก็ยอมรับว่า พระเยซูคริสต์ทรงเป็นกษัตริย์ที่พระเจ้าทรงตั้งไว้ เพื่อนำมนุษย์เข้าไปสู่อาณาจักรที่มั่นคงถาวรในแผ่นดินสวรรค์
ดังนั้นพระองค์ไม่ใช่กษัตริย์ธรรมดา ๆ แต่ทรงเป็นกษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งปวง ซึ่งในพระคริสตธรรมคัมภีร์ก็ได้บันทึกไว้อย่างน้อย 5 ครั้งว่า พระเยซูคริสต์ทรงถูกเรียกว่าเป็นกษัตริย์ ซึ่งแต่ละครั้งที่บันทึกนั้นล้วนอยู่ในเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ แต่กลับมีความหมายที่ยิ่งใหญ่ต่อมนุษย์ ทุกคน เราจะมาดูกันว่าเหตุการณ์ทั้ง 5 นี้เป็นอย่างไร?
ครั้งที่ 1 การถูกเรียกจากนักปราชญ์ ที่มาจากตะวันออก (พระธรรมมัทธิว 2:2)
ก่อนที่พระเยซูคริสต์จะมาบังเกิดนั้น มีนักปราชญ์กลุ่มหนึ่งที่ไม่ใช่คนยิวซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออก พวกเขาได้ศึกษาถึงคำทำนายที่มีรากฐานจากพระคัมภีร์ซึ่งบันทึกไว้ก่อนพระเยซูเกิดพันปี ที่กล่าวถึงว่าจะมีกษัตริย์องค์หนึ่งที่พระเจ้าส่งมาในโลก ซึ่งเมื่อกษัตริย์องค์นี้เกิดจะมีดาวดวงหนึ่งปรากฏขึ้น
จนวันหนึ่งพวกเขาได้เห็นดาวขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นเหนือประเทศอิสราเอล จึงได้เดินทางไปที่นั่นเพื่อนมัสการ กษัตริย์องค์นี้ และเมื่อมาถึง พวกเขามีความคิดที่ว่ากษัตริย์ก็จะต้องเกิดในวัง พวกเขาจึงเดินทางเข้าไปในวัง
ซึ่งเวลานั้นประเทศอิสราเอลตกเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรโรมัน และโรมันได้ตั้งเฮโรดที่ไม่ใช่คนยิวให้เป็นกษัตริย์ปกครองยิว (ซึ่งการเป็นกษัตริย์ของเฮโรดนั้นเป็นสิ่งที่ชาวยิวรับไม่ได้แต่เฮโรดก็เอาใจคนยิวโดยการสร้างพระวิหารที่สวยงามให้ ชาวยิวเลยชอบใจไม่ลุกฮือต่อต้าน)
เมื่อนักปราชญ์มาถึงก็ถามว่ากษัตริย์ที่มาบังเกิดนั้นอยู่ที่ไหน? กษัตริย์เฮโรดจึงเรียกผู้นำศาสนายิวที่มีพระคัมภีร์มาถามว่า มีคำทำนายว่ากุมารที่จะมาเป็นกษัตริย์ของคนยิวที่พระเจ้าจะส่งมานั้นเกิดที่ไหน? ก็ได้รับคำตอบว่าเกิดที่หมู่บ้านเบธเลเฮ็ม
เฮโรดจึงนำคำตอบมาบอกนักปราชญ์เหล่านั้น และบอกว่าถ้าเจอแล้วก็ให้บอกเขาด้วยเพื่อเขาจะไปนมัสการพระกุมารนั้น (แต่แท้จริงแล้วเฮโรดต้องการรู้สถานที่เกิดของพระกุมารนั้นก็เพื่อที่จะตามไปฆ่านั่นเอง)
หลังจากที่ทราบแล้วว่ากุมารเกิดที่หมู่บ้านเบธเลเฮ็มนักปราชญ์เหล่านั้นก็เดินทางไป และได้พบกับพระกุมารคือพระเยซูคริสต์ พวกเขาจึงได้ถวายเครื่องบรรณาการซึ่งแสดงถึงความเป็นกษัตริย์ให้แก่พระกุมารนั้น และเมื่อพวกเขากำลังจะไปบอกกษัตริย์เฮโรด
พระเจ้าก็ทรงเตือนพวกเขาในความฝัน (ไม่ใช่เตือนในความฝันให้แก่คนเดียว แต่ให้หลายคนฝันเพื่อให้เป็นพยานซึ่งกันและกัน) พวกเขาจึงเดินทางกลับเมืองของตนโดยใช้เส้นทางอื่น สุดท้ายเฮโรดโมโหจัดก็เลยสั่งให้ฆ่าเด็กชายเกิดใหม่ที่อายุต่ำกว่า 2 ขวบลงมาให้หมด จนบิดามารดาของพระเยซูคริสต์ต้องพาพระกุมารหนีไปอียิปต์
นี่จึงเป็นครั้งแรกที่พระเยซูคริสต์ได้รับการยอมรับจากนักปราชญ์ว่าพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ แต่น่าเศร้าใจสำหรับกษัตริย์เฮโรดที่หยิ่งยโสและคนยิวที่มีพระคัมภีร์ แต่ไม่แสวงหากษัตริย์ที่แท้จริงของเขา ต่างจากนักปราชญ์ชาวต่างชาติที่ถึงแม้ไม่มีพระคัมภีร์ แต่พวกเขากลับแสวงหากษัตริย์องค์นี้ด้วยใจถ่อม
จึงได้พบกษัตริย์ที่พระเจ้าส่งมาช่วยไถ่ความผิดบาปให้แกม่ นุษย์เช่นเดียวกันวันนี้ถ้าท่านแสวงหาพระเยซูคริสต์ด้วยจิตใจที่ถ่อมลง ท่านก็จะสามารถพบกษัตริย์องค์นี้ได้เช่นกัน
ครั้งที่ 2 การถูกเรียกจากประชาชนชาวยิว (พระธรรมยอห์น 12:13)
เมื่อเราดูในพระคริสตธรรมคัมภีร์เราจะเห็นว่าตอนที่พระเยซูคริสต์อายุได้ 30 พรรษา พระองค์ได้เริ่มประกาศให้คนกลับใจใหม่ ละทิ้งความบาป และหันกลับมารับทางรอดจากบาปที่มาจากพระเจ้าโดยผ่านทางการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ที่บนไม้กางเขน
เมื่อพระองค์ประกาศได้ 3 ปีกว่า พระองค์ก็ได้เสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็ม เวลานั้นประชาชนชาวยิวจำนวนมากต่างโห่ร้องต้อนรับและเรียกพระเยซูเป็นกษัตริย์ เพราะพวกเขามีความคิดที่ว่าพระองค์จะมาช่วยปลดปล่อยอิสราเอลจากการเป็นทาสของอาณาจักรโรมัน
ผู้อ่านที่รัก ท่านทราบไหมว่าวันนั้นที่พระเยซูคริสต์เสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็ม เมื่อประชาชน “โห่ร้อง” ไม่นานพระเยซูคริสต์ก็ทรง “ร้องไห้” เพื่อพวกเขา เพราะพระองค์ทราบดีว่าเมื่อพวกเขาต้องการพระเจ้าตามความคิดของพวกเขา ก็จะนำไปสู่ความพินาศและล่มจมของชนชาติ(สุดท้ายก็เป็นจริง เพราะในคริสตศักราชที่ 70 อิสราเอลถูกทำลายย่อยยับด้วยกองทัพโรมัน และชาวยิวก็กระจัด กระจาย ไปทั่วโลกตั้งแต่วันนั้น)
และเมื่อมาถึงวันสุดท้ายในชีวิตของพระเยซูคริสต์ที่พระองค์ทรงถูกจับตัวไปยืนอยู่ต่อหน้าผู้พิพากษาของโรมันในสภาพของนักโทษที่สารรูปดูไม่ได้ และไม่ได้เป็นไปตามความคิดของพวกเขา พวกเขาจึงโกรธและตะโกนพร้อมกันว่าให้ฆ่าพระเยซูคริสต์โดยการตรึงกางเขนเสีย พวกเขาไม่รู้เลยว่าพระองค์ไม่ได้มาปลดปล่อยเขาจากการเป็นเมืองขึ้นของโรมัน แต่ทรงมาปลดปล่อยพวกเขาให้พ้นจากการเป็นทาสของความบาปและความตายต่างหาก
น่าเศร้าใจที่พวกเขาต้องการพระเจ้าที่ทำตามความคิดของเขา ไม่ใช่ตามความคิดของพระเจ้าวันนั้นเมื่อพระเยซูเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มเขาร้องว่า
“โฮซันนา” (เป็นภาษาฮีบรูของคนอิสราเอล ซึ่งหมายความว่า “ขอช่วยให้เรารอดเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้า”) แต่วันนี้เขากลับร้องว่า “โห่ให้ฆ่า”.ผู้อ่านที่รัก.วันนี้ท่านต้องการพระเจ้าแบบไหน? พระเจ้าที่ช่วยตอบสนองความต้องการของท่าน หรือพระเจ้าที่ช่วยให้ท่านพ้นจากทาสของความบาปและความตาย?.
ครั้งที่ 3 การยอมรับจากปากของพระเยซูคริสต์เอง (พระธรรมยอห์น 18:33-38)
เมื่อมาถึงวันสุดท้ายในชีวิตของพระเยซูคริสต์ พระองค์ทรงถูกผู้นำศาสนายิวที่อิจฉาพระองค์ใส่ร้ายและยืมมือรัฐบาลโรมันในการประหารชีวิตพระองค์โดยข้อหาที่รุนแรงที่สุดก็คือ “การตั้งตัวเป็นกษัตริย์เพื่อกบฏต่ออาณาจักรโรมัน” เมื่อผู้พิพากษาโรมันมาถึง จึงถามพระองค์ว่า “ท่านเป็นกษัตริย์ใช่ไหม?” พระเยซูคริสต์ตอบว่า “ใช่ เราเป็นกษัตริย์”
เท่านั้นแหละผู้พิพากษางงเป็นไก่ตาแตก เพราะกษัตริย์อะไรกันไม่มีแผ่นดินในโลกประชาชนของตัวเองก็ไม่ยอมรับ แต่กลับตะโกนให้ฆ่า เมื่อเป็นดังนั้นข้อสรุปของผู้พิพากษาโรมันคนนี้ก็คือ เรื่องนี้เป็นข้อพิพาทในศาสนายิวเท่านั้น เขาจึงประกาศว่าพระเยซูไม่มีผิดอะไร (หมายถึงว่าไม่ได้เป็นกบฏต่ออาณาจักรของซีซาร์)
พอพวกยิวได้ยินดังนั้นจึงบอกว่าพระเยซูนั้นกบฏเพราะยิวทั้งหมดยกซีซาร์เป็นกษัตริย์ แต่พระเยซูกลับประกาศว่าตัวเป็นกษัตริย์ของยิว ซึ่งคนยิวไม่ยอมรับ พวกเขาจะรับเฉพาะกษัตริย์ซีซาร์ของโรมันเป็นกษัตริย์ของพวกเขาเท่านั้น(พระธรรมยอห์น 19:14-16) สุดท้ายผู้พิพากษาเห็นว่าเรื่องจะวุ่นวาย จึงสั่งประหารชีวิตพระเยซูคริสต์โดยการนำไปตรึงกางเขนตามใจพวกเขา
น่าเศร้าใจที่พวกเขาเพียงเพื่อต้องการจะฆ่าพระเยซูคริสต์ ทำให้พวกเขากลับยอมรับซีซาร์ผู้ที่เขาเกลียดชังว่าเป็นกษัตริย์ของพวกเขา ผู้อ่านที่รักวันนี้มีคนมากมายในโลกที่รักความบาป โดยปฏิเสธความรอดของพระเยซูคริสต์ วันนี้ขออย่าให้ท่านเป็นเช่นนั้นเลย
ครั้งที่ 4 การถูกหัวเราะเยาะจากทหารที่ทุบตีพระองค์ (พระธรรมมัทธิว 27:29-31)
ก่อนที่เขาจะเอาพระเยซูไปตรึงกางเขนนั้น เหล่าทหารโรมันต้องเอาพระองค์ไปเฆี่ยนตีก่อนพวกเขาได้เอาหนามมาสานเป็นมงกุฎสวมบนศีรษะพระองค์ให้พระองค์ถือไม้อ้อ แล้วคำนับพระองค์เยาะเย้ยว่า “กษัตริย์ของพวกยิวเจ้าข้า ขอทรงพระเจริญ”.และถ่มน้ำลายรด แล้วเอาไม้อ้อตีพระเศียรพระองค์
น่าเศร้าใจในการกระทำของพวกทหาร พวกเขาไม่รู้เลยว่า เขากำลังหัวเราะเยาะบุคคลผู้เดียวที่สามารถที่จะช่วยเขาให้พ้นจากอำนาจของความบาป พ้นจากการพิพากษาอันยุติธรรมที่น่าหวาดกลัวของพระเจ้า และพ้นจากบึงไฟนรกได้ ผู้อ่านที่รักเวลานี้ขออย่าให้ท่านหัวเราะเยาะพระองค์เหมือนทหารเหล่านั้นเลย รีบหันกลับมาหาพระองค์ผู้ทรงรักท่านเถิด
ครั้งที่ 5 การยอมรับการเป็นกษัตริย์จากโจรชั่วคนหนึ่ง (พระธรรมลูกา 23:42)
เมื่อขณะที่พระเยซูถูกตรึงบนไม้กางเขนนั้นพระองค์ถูกตรึงพร้อมกับโจรสองคน ข้างขวาคนหนึ่งและข้างซ้ายคนหนึ่ง มีผู้นำศาสนายิวและประชาชนได้กล่าวคำหยาบช้าต่อพระองค์อยู่ข้างล่างเมื่อพระเยซูคริสต์ได้ยินดังนั้น ไม่มีคำด่าตอบ แต่พระองค์กลับตรัสว่า
“พระบิดาเจ้าข้าโปรดยกโทษให้แก่เขา เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าเขาทำอะไร”
เมื่อพระองค์ตรัสประโยคนี้แล้วดูเหมือนว่าคำตรัสของพระองค์จะไร้ประโยชน์ มิหนำซ้ำผู้คนที่อยู่ข้างล่างกลับหัวเราะเยาะหนักกว่าเดิม แต่ใครจะไปรู้ว่าประโยคนี้ที่พระเยซูได้พูด มันทะลุทะลวงเข้าในจิตในของโจรคนหนึ่งที่ถูกตรึงพร้อมกับพระเยซูคริสต์
ดังนั้นเมื่อโจรอีกคนด่าพระเยซู โจรคนนี้จึงพูดว่า. “อย่าพูดเช่นนี้เพราะเราสองคนทำบาปชั่วจึงสมควรตาย แต่ชายคนนี้ไม่ได้ทำผิดอะไรเลย” (เพราะเขาดูจากข้อหาที่ติดบนกางเขนที่เขียนไว้ว่า ผู้นี้คือเยซู กษัตริย์ของชาวยิว)
หลังจากนั้นเขาจึงหันมาพูดกับพระเยซูว่า ขอให้ระลึกถึงเขาเมื่อพระองค์เข้าไปในแผ่นดินของพระองค์ จากคำพูดของเขาทำให้เราเห็นว่า โจรคนนี้เขารู้ว่าอาณาจักรของพระเยซูคริสต์นั้นไม่ใช่อยู่ในโลกนี้ แต่อยู่ที่สวรรค์
เขาได้รู้แล้วว่าเหตุผลเดียวที่พระเยซูเข้ามาในโลกก็เพื่อช่วยคนบาป น่าชื่นใจสำหรับโจรคนนี้ที่กลับใจ เขาไม่ได้ขอให้พระเยซูช่วยเขาลงมาจากไม้กางเขน แต่เขาขอสิ่งที่ดีที่สุดคือการอภัยโทษบาป เพื่อเขาจะได้อยู่ในแผ่นดินสวรรค์ และเขายอมรับพระเยซูคริสต์ให้พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ครอบครองชีวิตของเขา
แต่น่าเศร้าใจที่หลายคนในเวลานนั้นกลับปฏิเสธความรอดขององค์พระเยซูเจ้าที่มีต่อชีวิตของเขา. “พระบิดาเจ้าข้าโปรดยกโทษให้แก่เขา เพราะเข้าไม่รู้ว่าเขาทำอะไร” ไม่ทราบคำตรัสให้อภัยของพระเยซูคริสต์คำนี้ได้เข้าไปในหัวใจของใครบ้างหนอ?
ผู้อ่านที่รักหลังจากที่พระเยซูคริสต์สิ้นพระชนม์แล้วในวันที่ 3 พระองค์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย พระองค์จึงยังทรงพระชนม์อยู่ตลอดไปเป็นนิตย์..
ถึงแม้ในสายตาของมนุษย์จะเห็นว่าพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่ไม่มีสง่าราศี แต่ก็ไม่มีกษัตริย์องค์ไหนในโลกที่มีอิทธิพลต่อโลกมากเหมือนกับพระองค์ พระองค์ทรงเป็นราชาที่ยากจน แต่ทรงทำให้หลายคนในโลกรับการอภัยโทษบาปรับการเปลี่ยนแปลงชีวิต และมีความหวังที่จะได้อยู่ในอาณาจักรที่มั่นคงบริบูรณ์ในแผ่นดินสวรรค์..เวลานี้ท่านจะตอบสนองต่อกษัตริย์องค์นี้อย่างไร
ถ้าท่านปรารถนาที่จะต้องรับพระเยซูคริสต์กษัตริย์มหัศจรรย์องค์นี้ ท่านสามารถที่จะอธิษฐานทูลต่อพระเจ้าดังนี้.
“ข้าแต่พระเจ้าบัดนี้ข้าพระองค์ได้ทราบแล้วว่า พระเยซูทรงเป็นกษัตริย์ที่เข้ามาในโลก เพื่อช่วยข้าพระองค์ให้พ้นจากความบาป และมีส่วนในแผ่นดินสวรรค์ของพระองค์ เวลานี้ข้าพระองค์ขอยอมรับว่าข้าพระองค์เป็นคนผิดคนบาป ขอพระองค์ทรงยกโทษความผิดบาปให้แก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด ข้าพระองค์ขอเชื่อพึ่งในพระองค์ด้วยใจจริงอธิษฐานในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน”..
ถ้าท่านได้อธิษฐานตามข้างล่างนี้ด้วยความจริงใจแล้ว ขอให้มั่นใจเถิดว่าพระเจ้าทรงยกโทษความบาปให้ท่านแล้ว และพระองค์จะทรงดูแลชีวิตของท่านตลอดไป
ผู้เขียน : อาจารย์นิกร สิทธิจริยาภรณ์
สารบัญ Blockdit christianthai
ซีรีส์ หนังสือเสียงคริสเตียน
 
ซีรีส์ แบ่งปันข้อพระคัมภีร์โดย ChatGPT
ซีรีส์ ใบปลิวคริสเตียน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา