Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ChristianThai
•
ติดตาม
5 ม.ค. 2022 เวลา 13:30 • การศึกษา
ราชาแห่งความรัก
The King of love.
เมื่อไม่นานมานี้มีภาพยนตร์เรื่องหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับตำนานที่อิงประวัติศาสตร์ก่อนคริสตศักราช ชื่อว่า “ทรอย (TROY) เป็นเรื่องราวที่กล่าวถึงสงครามระหว่างเมือง 2 เมือง
ซึ่งจริง ๆ แล้วสงครามครั้งนี้มีต้นกำเนิดมาจากชาย 2 คน คนหนึ่งชื่ออีคิวลิส ชาวคนนี้ต่อสู้เพื่อชื่อเสียงของตนเองและอีกคนก็คือ พารีส ซึ่งชายคนนี้ต่อสู้เพื่อความรัก และเพื่อความรักของชายคนนี้นี่เอง ทำให้เขาไม่เสียดายที่จะสละชีวิตของคนทั้งเมืองเพื่อจะได้มาซึ่งความรักของตนเอง
จากจุดนี้ทำให้เราเห็นว่ามนุษย์เรานั้นไม่เข้าใจความรักที่แท้จริงเลย ความรักของมนุษย์นั้นต้องการครอบครอง ก็เพื่อที่จะตอบสนองต่อความต้องการทั้งร่างกายและจิตใจของตนเอง จึงเป็นความรักที่เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางโดยไม่สนใจในชีวิตหรือความรู้สึกของคนอื่นๆ และตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนี้มนุษย์เราก็พยายามที่จะเสาะหาความหมายของความรักที่แท้จริง แล้วมนุษย์เรามีหนทางที่จะพบกับความรักเช่นนี้ไหม?”
ความรักที่มีขีดจำกัดของมนุษย์
ถ้าเราลองสังเกตดูเราก็จะพบว่า ความรักของมนุษย์เรานั้นมีขีดจำกัดและเห็นแก่ตัว วันนี้ถ้าคุณยังไปด้วยกันกับเขาได้ เขาก็ยังคงรักคุณ แต่วันหนึ่ง ถ้าคุณไม่เห็นด้วยกับเขา หรือถ้าคุณไม่ชอบเขาเขาก็ไม่รักคุณแล้วจริงหรือเปล่าครับ? วันนี้ถ้ายังมีผลประโยชน์ร่วมกัน ก็ยังรักกัน แต่พอวันหนึ่ง ขัดผลประโยชน์กัน ก็เลิกรักกันนั่นเป็นเพราะว่าความรักของมนุษย์เรานั้นเป็นความรักที่เห็นแก่ตัว
ไม่ทราบว่าท่านผู้อ่านเคยฟังตำนานเรื่องเล่าที่เกี่ยวกับ
กิมลั้งกับกิมกี่ไหมครับ? เรื่องมีอยู่ว่า เด็กหญิง กิมลั้งกับเด็กหญิงกิมกี่ตอนเป็นอาหมวยนั้น ทั้ง 2 คนเล่นกระโดดยางอยู่แถวย่านที่มีคนจีนอาศัยอยู่เด็กหญิง 2 คน รักกันมาก ๆ
วันหนึ่งทั้ง 2 คนเอานิ้วก้อยเกี่ยวกัน แล้วกิมลั้งก็พูดว่า “กิมกี่จ๊ะ! เราจะต้องรักกันนะ เราจะเป็นเพื่อนรักกันจนวันตายนะจ๊ะ! “ตกลงจ๊ะกิมลั้ง” กิมกี่ตอบ ไม่นานอาหมวยทั้ง 2 คนก็โตขึ้นจนเป็นแม่นางกิมลั้งกับแม่นางกิมกี่สุดท้ายต่างก็ได้แต่งงานกันไป
แต่ด้วยความรักฉันท์เพื่อนที่มีต่อกัน ทั้ง 2 ก็เลยไปเปิดร้านขายทองอยู่ติดกัน ตอนที่เปิดร้านทองใหม่ ๆ ก็ไม่ได้เขียนป้ายชื่อร้านอะไรทั้งสิ้น เพราะทั้ง 2 คนมีความรู้สึกว่าเป็นเหมือนร้านเดียวกัน ซึ่ง 2 ร้านนี้เป็นที่อิจฉาของบรรดาคนแถวนั้น เพราะรักกันเหลือเกิน!!! เมื่อของที่ร้านของกิมลั้งขาด ก็วิ่งไปยืมร้านกิมกี่ หรือถ้าช่างทองร้านกิมกี่ไม่มา ก็วิ่งไปหาช่างทองร้านกิมลั้งมาช่วย
แต่อยู่มาวันหนึ่ง ไม่รู้ว่าแม่นางกิมลั้งคิดอะไรขึ้นมา เธอได้เขียนป้ายเล็ก ๆ ติดอยู่หน้าร้านของเธอว่า “ห้างทองแม่กิมลั้ง” เท่านั้นแหละได้เรื่อง! แม่นาง กิมกี่ออกมากวาดหน้าบ้านเหลือบไปเห็นป้ายชื่อร้านของเพื่อนก็รู้สึกตะขิดตะขวงใจและคิดในใจว่า “ทำไมเพื่อนเราถึงเปลี่ยนไป? ทำไม่ต้องเขียน? ทำไมต้องแยกเป็นร้านกิมลั้ง กิมกี่นะ! ทำไม???
อ๋อ! กิมลั้ง นี่เธออยากจะขายดีกว่าฉันเหรอ ได้เลย! ฉันก็ทำบ้าง!”.. กิมกี่ก็เลยเขียนป้ายบ้างว่า “ห้างทองแม่กิมกี่” พอกิมลั้งออกมากวาดหน้าบ้านเห็นเท่านั้น ก็เริ่มขัดใจเหมือนกัน และคิดในใจว่า “ห๋า!! ทำไมเพื่อนเราต้องเขียนป้ายสู้เราด้วย ยอมเราไม่ได้เหรอ?สงสัยมันอิจฉาฉันที่ฉันขายดีกว่ามัน” ทั้งสองเริ่มไม่พอใจกันจึงไม่ยอมพูดกัน ได้แต่เก็บไว้ในใจ พอเจอหน้ากัน ใบหน้าก็ยังยิ้ม แต่ในใจเริ่มบาดหมางกันแล้ว
ต่อมากิมลั้งก็เขียนป้ายต่อขึ้นไปอีกว่า “ห้างทองแม่กิมลั้งตรามังกร” พอกิมกี่ออกมากวาดหน้าบ้าน เห็นก็ยิ่งไม่พอใจ.. “แน่ะๆๆ มันเอามังกรเส้าหลินมาขู่ฉันแล้วเหรอ.. อ๋อ!ได้เลย..กิมลั้ง..ได้เลย..ฉันสู้โว๊ย!”..
กิมกี่จึงขึ้นป้ายว่า “ห้างทองแม่กิมกี่ตรานกอินทรีย์”.. กิมลั้งพอเห็น ไฟก็ลุกทันที จึงขึ้นป้ายอีกว่า “ทองดีต้องแม่กิมลั้ง” กิมกี่พอเห็นก็ขึ้นป้ายสู้ว่า “ทองดังต้องแม่กิมกี่”.. กิมลั้งพอเห็นดังนั้นก็ขึ้นป้ายหนักกว่าเดิมว่า “ทองแม่กิมลั้งดังกว่าทองแม่กิมกี่”.. กิมกี่พอเห็นก็ขึ้นป้ายสู้ทันทีเลยว่า “ทองแม่กิมกี่ดีกว่าทองแม่กิมลั้ง”..
ผู้อ่านครับ!สองอาเจ๊จะเลิกคบกันก็เริ่มตรงนี้แหละครับ เพราะในที่สุดเจ๊กิมลั้งก็ขึ้นป้ายใหญ่ว่า “มังกรแม่กิมลั้งเหยียบหัวนกอินทรีย์แม่กิมกี่” เท่านั้นแหละคุณเอ๋ย! เจ๊กิมกี่ก็ขึ้นป้ายสู้เลยว่า “นกอินทรีย์แม่กิมกี่จิกฝีมังกรแม่กิมลั้ง” สุดท้าย 2 ร้านนี้ก็อยู่ด้วยกันไม่ได้ต้องแยกจากกันไป
จากเรื่องข้างต้นทำให้เราเห็นชัดว่า ความรักของมนุษย์เป็นความรักที่มีขีดจำกัดและเห็นแก่ตัวนอกจากนั้นความรักของมนุษย์ยังเป็นความรักที่ถูกกระตุ้นจากภายนอกเป็นความรักแบบมีข้อแม้ เป็นความรักที่มีวันเปลี่ยนแปลง เช่น “ฉันรักเด็กคนนี้ เพราะเค้าเป็นลูก” การที่เขาเป็นลูกจึงทำให้แม่รัก“ฉันรักเขาเพราะเขาสวย ถ้าเขาไม่สวย ฉันก็ไม่รัก” “ฉันรักเขาเพราะเขาดี แต่ถ้าเขาไม่ดี ฉันก็ไม่รัก”
เราคงเคยได้ยินเรื่องตลก ๆ ที่ว่า ตอนจีบกันใหม่ ๆ เดินไปด้วยกัน พอหมาเห่าแฟนเตะใครครับ? เตะหมา! “มาเห่าแฟนข้าทำไม?” แต่พออยู่ด้วยกัน 10 ปี มีลูก 3 คน เปลี่ยนเป็นอย่างไรครับ! เดินไปด้วยกัน พอหมาเห่า เตะใครครับ? เตะเมีย! พร้อมกับพูดว่า “เดินยังไงให้หมาเห่า!”
เห็นหรือยังครับว่า ความรักของมนุษย์นั้นมีขีดจำกัดและมีวันเปลี่ยนไปเพราะมันถูกกระตุ้นจากภายนอก ซึ่งนี่ก็เป็นสภาพที่มนุษย์ทุกคนทั่วโลกเป็นเหมือนกันหมด เราไม่มีทางที่จะหาความรักที่แท้จริงในท่ามกลางสังคมของมนุษย์ได้เลยผู้ที่สำแดงความหมายของความรักที่แท้จริง
ท่านทราบไหมว่า ทำไมมนุษย์จึงไม่สามารถแสวงหาความรักที่แท้จริงในท่ามกลางมนุษย์ได้นั่นก็เพราะว่ามนุษย์เราล้วนแต่เป็นคนบาปนั่นเอง
ถ้าเช่นนั้นแล้วมนุษย์เราจะแสวงหาความรักเช่นนี้ได้จากที่ใดกันเล่า? คำตอบก็คือเราสามารถรับความรักที่แท้จริงนี้ได้จากพระเจ้า เพราะในพระคริสตธรรมคัมภีร์ได้บอกเราว่า “พระเจ้าทรงเป็นความรัก” ซึ่งความรักของพระองค์นั้นเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่เป็นความรักแบบไม่มีข้อแม้เหมือนกับความรักของมนุษย์เรานั่นก็เพราะว่าพระองค์มีเนื้อแท้แห่งความรักนั่นเอง
พระคัมภีร์ได้บันทึกไว้ว่า เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้สร้างมนุษย์ ดังนั้นพระองค์จึงทรงรักเรามาก ซึ่งการที่พระองค์ทรงสร้างมนุษย์เราก็เพื่อให้เรามีสัมพันธภาพกับพระองค์เหมือนพ่อกับลูกและพระองค์ยังได้ทรงประทานสิ่งที่ดีและพระพรนานัปการให้แก่มนุษย์
แต่มนุษย์เรากลับปฏิเสธพระเจ้าผู้ทรงสร้างเขาและไม่เชื่อฟังพระองค์ ทั้งยังทำหลายสิ่งหลายอย่างที่เป็นความบาปอีกด้วย และเพราะเหตุที่พระเจ้านั้นทรงบริสุทธิ์ทำให้ความบาปแม้แต่นิดเดียวก็ไม่สามารถเข้าใกล้พระองค์ได้
ดั้งนั้นเมื่อมนุษย์ทำบาปจึงต้องถูกแยกออกจากพระเจ้า ชีวิตของมนุษย์จึงไม่สามารถพบความสุขที่แท้จริง ทั้งยังต้องเผชิญกับความทุกข์ ต้องเจอกับปัญหา น้ำตา และต้องพบกับความตาย ยิ่งกว่านั้นก็คือ เมื่อมนุษย์เราจากโลกนี้ไปก็ยังต้องรับการพิพากษาโทษจากพระเจ้าตามการกระทำของแต่ละคน และในที่สุดก็ต้องรับความทุกข์ทรมานในนรกเป็นนิจนิรันดร์เคยมีคนถามว่า “ถ้าพระเจ้าทรงรักมนุษย์แล้วทำไมจึงต้องให้มนุษย์ลงนรกด้วยเล่า?”
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า พระเจ้าไม่ได้อยากให้มนุษย์เราต้องลงนรกเลย แต่เพราะเหตุที่มนุษย์เราตัดสินใจที่จะทำบาปเองจึงต้องรับโทษเช่นนั้น ซึ่งท่านทราบไหมว่า เมื่อมนุษย์เราต้องลงนรกนั้น พระเจ้าไม่ได้ทรงสะใจหรือสมน้ำหน้ามนุษย์เราเลย
แต่พระองค์ทรงเสียพระทัยและทรงปวดใจอย่างยิ่งที่ต้องเห็นมนุษย์ที่พระองค์ทรงรักนั้นต้องพินาศในบึงไฟนรก ดังนั้นด้วยความรักของพระองค์ พระองค์จึงได้ทรงจัดเตรียมทางที่จะให้มนุษย์ได้รอดพ้นจากการลงโทษนั้น
โดยทรงให้พระเยซูคริสต์ซึ่งเป็นพระบุตรองค์เดียวของพระองค์มารับสภาพเป็นมนุษย์ในโลกนี้เมื่อประมาณ 2,000 ปีที่แล้ว ซึ่งจุดประสงค์ที่พระองค์มาบังเกิดในโลกก็เพื่อที่จะมารับการลงโทษบาปแทนมวลมนุษยชาติ โดยทรงยอมถูกตรึงจนสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน
ดังนั้นเราจะเห็นว่าความรักของพระเจ้าที่มีต่อคนบาปอย่างมนุษย์เรานั้น เป็นความรักแบบไม่มีข้อแม้จริงๆ เวลานี้ผมอยากให้ท่านแหงนหน้าขึ้นมองดูข้างบนแล้วถามพระเจ้าว่า “พระเจ้า! ทำไมพระองค์จึงทรงรักข้าพระองค์?เพราะข้าพระองค์ดีหรือ? เพราะข้าพระองค์หล่อ (สวย) หรือ? เพราะข้าพระองค์รวยหรือ? เพราะข้าพระองค์เป็นคนแข็งแรงมีความสามารถหรือ? ไม่ใช่เลย!
ท่านทราบไหมว่า ในตัวของมนุษย์เรานั้นไม่มีอะไรดีเลยที่จะทำให้พระเจ้ารักเราในพระคัมภีร์ได้บอกว่า จิตใจภายในของมนุษย์ล้วนแต่มีเค้าความคิดที่เป็นบาป หน้าซื่อใจคด ร่างกายนับวันก็มีแต่จะเหี่ยวลง ๆ และที่สำคัญก็คือ มนุษย์เราได้ปฏิเสธพระเจ้าและตั้งตัวเป็นศัตรูกับพระองค์อีกด้วย
เห็นชัดหรือยังครับว่าในตัวของมนุษย์ไม่มีอะไรที่จะมา กระตุ้นให้พระเจ้านั้นสามารถที่จะรักเราได้เลย แต่ถึงกระนั้นพระองค์ก็ยังทรงรักมนุษย์และพร้อมที่จะให้อภัยโทษบาปทั้งสิ้นที่มนุษย์เราได้กระทำจนกระทั่งยอมให้พระบุตรของพระองค์มาตายบนไม้กางเขนเพื่อรับโทษแทนเรา
และพระองค์ยังทรงสัญญาอีกว่า หากผู้ใดที่เชื่อและวางใจในพระองค์ โดยการสารภาพความผิดบาป และทูลขอให้พระเยซูคริสต์ทรงเป็นผู้รับโทษบาปแทนเขาผู้นั้นก็จะไม่ต้องรับการพิพากษาโทษจากพระองค์อีกต่อไป แต่จะได้ไปอยู่ในสวรรค์กับพระองค์ตลอดไปเป็นนิตย์”
ผู้อ่านที่รักครับ บางทีท่านอาจจะมีคำถามในเวลานี้ว่า
“ถ้าพระเจ้ารักฉันจริง ทำไมพระองค์ไม่มารับสภาพเป็นมนุษย์เพื่อมาตายแทนฉันด้วยตัวเอง แต่กลับให้พระบุตรของพระองค์คือพระเยซูคริสต์มาตายแทนด้วยล่ะ?”
คำถามนี้เป็นคำถามที่ดี แต่อยากจะให้ท่านทราบว่า นอกจากพระเจ้าผู้ทรงเป็นพระบิดาจะรักมนุษย์แล้ว พระเยซูคริสต์ก็ทรงรักมนุษย์ด้วย ดังนั้นพระองค์จึงยอมที่จะสละชีวิตของพระองค์เพื่อมนุษย์ที่พระองค์ทรงรัก พระองค์จึงทรงเป็นราชาแห่งความรักที่ได้สำแดงความรักที่แท้จริงให้กับมนุษย์
ซึ่งเป็นความรักนิรันดร์ที่หาไม่ได้เลยในท่ามกลางมวลมนุษย์ เพราะความรักของพระองค์นั้นเป็นความรักที่ไม่เห็นแก่ตัว เป็นความรักที่พร้อมจะให้อภัย เป็นความรักที่ให้โอกาสและให้กำลังเมื่อมนุษย์ล้มลง
นับตั้งแต่นั้นมา มนุษย์เราจึงได้ทราบว่าความรักที่แท้จริงเป็นเช่นไรโดยผ่านทางชีวิตของพระองค์ ผู้อ่านที่รัก ท่านสามารถที่จะรับความรักเช่นนี้จากพระองค์ได้ เวลานี้ความรักของพระองค์อยู่ตรงหน้าประตูใจของท่านแล้ว ขอเชิญท่านรีบเปิดใจต้อนรับพระเยซูให้เป็นพระผู้ช่วยท่านให้รอดบาปเดี๋ยวนี้เถิด ถ้าท่านปรารถนาที่จะรับการอภัยโทษบาปจากพระเจ้า ขอให้ท่านอธิษฐานทูลต่อพระองค์ดังนี้
“ข้าแต่พระเจ้า บัดนี้ข้าพระองค์ได้รู้จักความรักที่พระองค์ทรงให้แก่มนุษย์แล้ว ข้าพระองค์ขอเปิดใจรับความรักของพระองค์ และขอสารภาพความผิดบาปที่ข้าพระองค์ได้กระทำมาทั้งที่ลับที่แจ้ง ขอทรงโปรดเมตตาอภัยโทษให้แก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด ข้าพระองค์ขอเชื่อพึ่งในพระองค์ตลอดไปขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงให้พระเยซูคริสต์มารับโทษบาปแทนข้าพระองค์บนไม้กางเขน ข้าพระองค์ขอกราบทูลในนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน”
ถ้าท่านได้ทูลต่อพระองค์ด้วยใจจริงแล้ว ขอให้ท่านมั่นใจเถิดว่าพระเจ้าได้ทรงยกโทษความผิดบาปให้แก่ท่านแล้วอย่างสิ้นเชิง และพระองค์จะทรงเปลี่ยนชีวิตของท่านให้ดีขึ้นอย่างแน่นอน.
ผู้เขียน : อาจารย์นิกร สิทธิจริยาภรณ์
สารบัญ Blockdit christianthai
https://www.blockdit.com/posts/62bc6a5483c9c7afe1978688
ซีรีส์ หนังสือเสียงคริสเตียน
https://www.blockdit.com/series/6494669e4e915381ad23f92e
ซีรีส์ แบ่งปันข้อพระคัมภีร์โดย ChatGPT
https://www.blockdit.com/series/6442a9778df4b54742d64a3f
ซีรีส์ ใบปลิวคริสเตียน
https://www.blockdit.com/series/6443f153175a891238f59001
บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ใบปลิวคริสเตียน
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย