18 ธ.ค. 2021 เวลา 04:08 • คริปโทเคอร์เรนซี
ตลอดประวัติศาสตร์ เงินมีวิวัฒนาการเปลี่ยนรูปแบบอยู่เรื่อยมา ตามแต่ความเหมาะสม และข้อจำกัดของแต่ละยุคสมัย
2
จากเงินโบราณอย่างเปลือกหอย หิน ลูกปัด สู่เงินเหรียญโลหะอย่างทองคำ เงิน ทองแดง และไปสู่เงินกระดาษ และเงินตรารัฐบาลอย่างในปัจจุบัน
4
เงินนั้นเปลี่ยนรูปแบบไปได้เรื่อยๆ แต่หน้าที่ของเงินและคุณสมบัติพื้นฐานในการเป็นเงินที่มั่นคงนั้นไม่เคยเปลี่ยน เงินที่มีคุณสมบัติไม่ดีพอ ก็จะถูกเงินที่ดีกว่ามาทดแทนได้ เป็นแบบนี้เรื่อยไป
3
อะไรเป็นสาเหตุให้สังคมแต่ละแห่ง แต่ละยุคสมัยเลือกใช้สิ่งเหล่านั้นเป็นเงิน เงินแต่ละชนิดนั้นทำหน้าที่ได้ดีหรือไม่ และอะไรนำมาสู่การล่มสลายและการเปลี่ยนผ่านไปสู่เงินประเภทอื่น เรามาลองไล่เรียงประวัติศาสตร์ของเงินกันครับ
2
ในบทนี้จะเริ่มจากเงินในยุคโบราณกันก่อน ลองไปดูกรณีศึกษาที่น่าสนใจของเงินแต่ละประเภทกันครับ
📌หินรายแห่งเกาะแยป (Rai stone of Yap island)
https://www.bbc.com/travel/article/20180502-the-tiny-island-with-human-sized-money
เกาะแยป เป็นเกาะเล็กๆ ที่ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐไมโครนีเซีย ในยุคโบราณเกาะแยปใช้สิ่งที่เรียกว่า “หินราย” เป็นเงินของเกาะแห่งนี้
หินราย เป็นหินปูนขนาดใหญ่ มีน้ำหนักมากสุดถึง 4 ตัน แต่บนเกาะแยปไม่มีหินปูนอยู่เลย ดังนั้นหินรายเหล่านี้จึงต้องนำเข้าจากเกาะข้างเคียงทั้งหมด และจำเป็นต้องใช้แรงงานมหาศาลในการขุดเจาะและขนย้าย หินรายจึงเป็นอะไรที่หายากมาก และมันก็ถูกนำมาใช้เป็นเงิน
หินรายจะถูกตั้งไว้ในที่แจ้งที่ทุกคนในเกาะมองเห็น วิธีการใช้คือป่าวประกาศให้ชาวบ้านทุกคนรู้ว่ากรรมสิทธิ์ในหินก้อนนั้นๆ ไปอยู่ในมือผู้รับแล้ว และทุกคนก็จะรู้โดยทั้วกัน ผู้รับก็จะใช้มันต่อได้ตามต้องการ
หากใครเข้าใจการทำงานของ Bitcoin ก็จะเข้าใจว่า หินรายนี้มีลักษณะการใช้งานเหมือน Bitcoin มาก เพียงแต่หินรายจะใช้ได้กับสังคมขนาดเล็กเท่านั้น แต่ Bitcoin สามารถขยาย network ได้อย่างไม่จำกัด
3
หินรายทำหน้าที่เป็นเงินบนเกาะแยปได้ดีมาหลายศตวรรษ มันสามารถใช้งานได้ทุกที่บนเกาะ โดยตัวหินรายไม่จำเป็นต้องขยับไปไหน ทำให้มันมี Salability across space สูง ความสามารถในการใ้ช้เพียงบางส่วน ก็ทำให้มันมี Salability across scale ที่ดีระดับหนึ่ง และการที่มันหายาก สร้างใหม่ยาก ก็ทำให้มันมี Salability across time สูง และมีค่า Stock-to-flow สูงเช่นกัน
แต่แล้วการเปลี่ยนแปลงก็มาถึง เมื่อกัปตันเรือชาวอเมริกันชื่อ David O’Keefe ได้มาพบเกาะแยปโดยบังเอิญ เขานั้นเห็นโอกาสในทรัพยากรอันอุดมสมบูรณ์ของเกาะ เขาต้องการนำมะพร้าวบนเกาะไปขายเพื่อทำกำไร
2
โอคีฟได้รวบรวมแรงงาน ระเบิดและเครื่องมือทันสมัยไปขุดเหมืองหินรายที่เกาะปาเลา เขาผลิตหินรายได้เยอะมากและใช้มันเป็นเงินไปซื้อมะพร้าวบนเกาะแยป สิ่งที่โอคีฟทำส่งผลให้ Stock-to-flow ของหินรายลดลงอย่างรวดเร็ว และทำให้หินรายหมดหน้าที่ในการเป็นเงินไปในที่สุด
📌ลูกปัดอักกรี (Aggry beads)
http://www.vam.ac.uk/content/articles/t/trade-beads/
ลูกปัดอักกรี ถูกใช้เป็นเงินในแอฟริกาตะวันตกมานานหลายศตวรรษ มันสิ่งมีค่าที่ชาวแอฟริกันยอมรับโดยทั่วกัน
ด้วยความที่เทคโนโลยีการผลิตเครื่องแก้วในแอฟริกายังไม่พัฒนา มันจึงเป็นของที่หายาก มีค่า Stock-to-flow สูงมาก และส่งผลให้มันมี Salability across time สูงเช่นกัน
1
ลูกปัดเหล่านี้สามารถเคลื่อนย้ายง่าย ทำให้มันมี Salability across space ที่ดี และเนื่องจากมันสามารถแบ่งย่อยเป็นลูกหรือร้อยเป็นเส้นได้ ทำให้มันมี Salability across scale ที่ดี มันจึงมีคุณสมบัติพร้อมในการเป็นเงินของชาวแอฟริกัน
1
กลับกัน สำหรับชาวยุโรป ลูกปัดอักกรีนี้ไม่ได้มีค่าเท่าไรนัก เพราะเขามีเทคโนโลยีเหนือกว่า สามารถผลิตลูกปัดนี้ได้ง่ายๆ
เมื่อชาวยุโรปเข้าไปในแอฟริกาช่วงศตวรรษที่ 16 เขาพบว่าลูกปัดนี้มีค่าเป็นอย่างมาก จึงเริ่มมีการนำเข้าลูกปัดจากยุโรปมาสู่แอฟริกา และสามารถซื้อทรัพยากรอันล้ำค่ามากมายจากแอฟริกา ด้วยลูกปัดอันไร้ค่าของชาวยุโรปได้
2
ลูกปัดอักกรีในแอฟริกาเริ่มมีล้นตลาด ค่า Stock-to-flow ลดลงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ความมั่งคั่งและทรัพยากร ถูกโอนย้ายจากแอฟริกาสู่ยุโรปมากขึ้นเรื่อยๆ
ในที่สุดลูกปัดอักกรีก็กลายเป็นสิ่งไร้ค่า มันไม่สามารถเป็นเงินได้อีกต่อไป ชาวแอฟริกันที่เก็บออมด้วยลูกปัดเหล่านี้มาตลอดก็ไม่เหลือความมั่งคั่งใดๆ ทรัพยากรก็ถูกดูดไปหมด จนในที่สุดชาวแอฟริกันก็เลยต้องขายสิ่งสุดท้ายที่พวกเขามีอยู่ ซึ่งก็คือชีวิตของพวกเขานั่นเอง
7
หลังจากลูกปัดอักกรีล่มสลาย อุตสาหกรรมค้าทาสจากแอฟริกาก็เฟื่องฟูอย่างมาก ด้วยบทบาทของลูกปัดอักกรีนี้ มันจึงมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า “ลูกปัดทาส” (Slave beads) นั่นเอง
4
📌เปลือกหอย วัว เกลือ
🐚สิ่งหนึ่งที่ถูกใช้เป็นเงินอย่างแพร่หลายมากที่สุดทั่วโลกนั่นคือ “เปลือกหอย” แต่เปลือกหอยก็มีหลายชนิด ดังนั้นเปลือกหอยที่จะเป็นเงินได้นั้นต้องเป็นชนืดที่หายากที่สุดในพื้นที่นั้นๆ ทำให้มันมีค่า Stock-to-flow สูงสุดในบรรดาสินค้าต่างๆ
3
แต่ด้วยความที่เปลือกหอยไม่ค่อยมีความเป็นเอกภาพ มีหลายรูปหลายขนาด ทำให้มันยากต่อการใช้งาน เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ
🐄วัว เป็นสิ่งที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และเป็นสิ่งมีค่าที่สุดที่มนุษย์ยุคเก่าจะครองครองได้ มันจึงถูกนำมาใช้เป็นเงินกันในหลายสังคม กระทั่งปัจจุบันยังมีชนเผ่าที่ยังใช้วัวเป็นเงินอยู่ โดยเฉพาะการใช้เป็นสินสอด
แต่วัวก็ทำหน้าที่ในการเป็นเงินได้ไม่ดีนัก เพราะมันแบ่งเป็นหน่วยย่อยได้ยาก จึงไม่ค่อยมีประโยชน์ในการใช้กับธุรกรรมขนาดเล็ก
🧂เกลือ ก็เป็นอีกสกุลเงินที่ถูกใช้กันอย่างแพร่หลาย เกลือนั้นเก็บรักษาได้ง่าย ทั้งยังสามารถแบ่งย่อยหรือรวมเป็นหน่วยใหญ่ได้ตามน้ำหนักที่ต้องการ ทั้งยังพกพาสะดวกอีกด้วย
เงินยุคโบราณเหล่านี้ต่างก็ทำหน้าที่ของมันไปได้ดี ตราบเท่าที่ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงแรงๆ มันก็เป็นเงินที่ดีที่สุดเท่าที่สังคมสมัยนั้นจะหาได้
1
อย่างไรก็ตาม ช่วงศตวรรษที่ 16 เงินจำพวกเหรียญโลหะเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะมันมีความเป็นเอกภาพมากกว่า คงทนและเก็บรักษาได้ง่ายกว่า มันจึงได้รับความนิยม และเริ่มจะมาแทนที่เงินเก่าๆมากขึ้น
1
อีกทั้งเทคโนโลยีต่างๆเริ่มพัฒนาขึ้น ความสามารถในการผลิตของมนุษยชาติเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
เราสามารถหาเปลือกหอย เลี้ยงวัว ผลิตเกลือ ได้มากขึ้นเรื่อยๆ ค่า Stock-to-flow ของเงินเหล่านี้ต่ำลง และมันก็ต้องสิ้นสุดหน้าที่ในการเป็นเงินไปในที่สุด
📌เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่คืบคลานเข้าไปในเกาะแยป ทำให้หินรายเพิ่มจำนวนเร็ว ส่งผลให้มันไม่สามารถเป็นเงินได้อีกต่อไป
ความสามารถในการผลิตลูกปัดจำนวนมากของชาวยุโรป ทำให้เงินที่มั่นคงของแอฟริกาต้องเสื่อมมูลค่าไป และส่งผลโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมของชาวแอฟริกันล้มครืน
ความสามารถในการผลิตของมนุษย์ที่สูงขึ้น ทำให้เปลือกหอย วัว เกลือ เป็นสิ่งที่หาได้ง่ายเกินไป และต้องสิ้นสุดหน้าที่ในการเป็นเงิน
ไม่ว่าจะเป็นเงินชนิดใดก็ตาม หากมันถูกผลิตง่าย ค่า Stock-to-flow ต่ำลง จุดจบของมันย่อมเหมือนกัน และผู้คนที่เก็บออมด้วยเงินเหล่านั้นก็จะต้องสูญเสียความมั่งคั่งไป
และด้วยพัฒนาการของเทคโนโลยี มันก็อาจจะเรียกได้ว่าการล่มสลายของเงินโบราณเหล่านี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ท้ายที่สุดแล้วโลกจะเปลี่ยนผ่านไปสู่เงินที่ทำหน้าที่ได้ดีขึ้นสำหรับยุคสมัยต่อไป เงินที่ผลิตได้ยากขึ้น มีความเป็นเอกภาพมากขึ้น มีศักยภาพในการแลกเปลี่ยนสูงขึ้น
1
ซึ่งยุคต่อไปของมนุษยชาติก็คือการใช้ “เงินเหรียญโลหะ” นั่นเอง ฝากติดตามต่อในตอนหน้าครับ
References
Saifedean Ammous (2017) The Bitcoin Standard

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา