จริงหรือนี้ 40% คนวัยทำงานนั้นเป็น “โสด" โอกาสที่จะพบรักในร้านกาแฟมีสูงกว่าที่อื่นๆ
เมื่อก่อนในความคิดของคนส่วนใหญ่ จะวางแผนชีวิต ไว้คือ เรียน >ทำงาน >สร้างครอบครัว เหมือนจะเป็นโมเดลสำเร็จรูปให้กับหลายๆคน แต่ในยุคนี้ บริบทเปลี่ยนไป การวางแผนชีวิตดังกล่าวก็เปลี่ยนไปด้วย อาจจะมัแต่ เรียน >ทำงาน >ใช้ชีวิตอิสระ
และเนื่องจากอัตราการเกิดของคนไทยมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องโดยมีจำนวนการเกิดเพียงประมาณ 6 แสนคนต่อปี โดยที่ไทยเราได้ก้าวสู่การเป็นสังคมสูงวัย (Aged Society) มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 จนถึงปัจจุบันปี พ.ศ. 2564 ไทยมีสัดส่วนประชากรกลุ่มผู้สูงอายุหรือมีอายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่า 12 ล้านคน
ข้อมูลจากสำนักอนามัยเจริญพันธุ์ กรมอนามัย รายงานสถานการณ์การเกิดของประชากรไทย ที่อัตราการเกิดน้อยลงเรื่อยๆ พบว่า คนไทยอยากเป็นโสดมากขึ้น ไม่ต้องการมีลูกหรืออยากมีน้อยลง กังวลกับภาระค่าใช้จ่าย ห่วงเรื่องสมดุลระหว่างการงานและครอบครัว ต้องดูแลคนในครอบครัว รวมถึงภาวะมีบุตรยากด้วย
และมีข้อมูลเกี่ยวกับสถิติ "ความโสด"ของคนไทย ที่รวบรวมโดยบริษัทจัดหาคู่ที่มีระดับ อันดับหนึ่งอย่าง MeetNLunch ซึ่งสถิติที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องความรักและคนโสด ข้อยกมาในสวนสำคัญ คือ อยากจะรู้ว่าเหตุใด คนไทยถึงคิดจะครองโสด
คนไทยประมาณ 17 ล้านคน หรือ 40% ของคนวัยทำงานนั้นเป็น “โสด" ซึ่งเป็นสถิติจากสำมะโนประชากร นั่นหมายความว่าโอกาสที่คุณจะเจอกับคนโสดนั้นยังพอมีความหวังสูงพอสมควร
มิหนำซ้ำ โอกาสที่จะเจอคนที่เราถูกใจในสถานที่เที่ยวนั้นมีเพียง 4% ดังนั้นสำหรับคนที่คิดว่าจะได้แฟนจากการเที่ยวอาจต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่ เพราะโอกาสที่จะได้พบรักที่ร้านกาแฟมีมากกว่าเสียอีก
เมื่อเจอคนที่เราถูกใจ ช่วงออกเดท การประทับใจแรกพบนั้นสำคัญมาก ผู้ชายใช้เวลาเพียง 3 วินาที ในการตัดสินใจที่จะเดินหน้าต่อ ส่วนผู้หญิงใช้เวลาถึง 15 นาที ในการคิดว่าควรจะหาคู่เดทใหม่อีกครั้งหรือไม่
ที่สำคัญ...ปัญหาชีวิตคู่ที่พบมากที่สุด คือเรื่องเงินๆทองๆ ตามมาด้วยเรื่องชู้สาว เมื่อมีประเด็นเรื่องเงินๆ ทองๆ เมื่อแรกเจอ เมื่อมีแต่งงานครองคู่กัน ปัญหานี้จะมีโอกาสกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้มากขึ้น
- 3
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
