Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Coffee Talk
•
ติดตาม
19 ธ.ค. 2021 เวลา 12:20 • สิ่งแวดล้อม
"ฝนตก" จะเข้ามาแทนที่ "หิมะตก" ในพื้นที่อาร์กติกภายในสิ้นศตวรรษ
2
เป็นที่รู้ๆ กันว่าหิมะตกนั้น เป็นปรากฏการณ์ที่พบได้ทั่วไปในหลายพื้นที่ซึ่งมีอุณหภูมิต่ำ (โดยทั่วไปในฤดูหนาว) หิมะเป็นผลึกน้ำแข็งขนาดเล็กที่ เกิดจากการดูดซับละอองน้ำในชั้นโทรโพสเฟียร์ตอนบน เมื่อหยดน้ำเหล่านี้ชนกัน จะรวมกันเป็นเกล็ดหิมะ เมื่อน้ำหนักของเกล็ดหิมะมากกว่าแรงต้านของอากาศ มันก็จะตกลงมา
ซึ่งอุณหภูมิการก่อตัวของเกล็ดหิมะต้องต่ำกว่าศูนย์ กระบวนการก่อตัวเหมือนกับหิมะหรือลูกเห็บ ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวระหว่างพวกเขาคืออุณหภูมิการก่อตัว
แล้วถ้าอุณหภูมิในโซนที่มีอุณหภูมิต่ำ ผลึกน้ำแข็งขนาดเล็กเกิดจากการดูดซับละอองน้ำดังกล่าว จะมีหยดน้ำเหล่านั้นชนกัน มารวมกันเป็นเกล็ดหิมะอีกหรือไม่
ซ้ำร้าย ภาวะโลกร้อน (global warming) กับการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของอากาศใกล้พื้นผิวโลกและน้ำในมหาสมุทร ตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของคริสต์ศตวรรษที่ 20 มีการคาดการณ์ว่าอุณหภูมิเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
1
แล้ว ฝนตก จะเข้ามาแทนที่ หิมะตก หรือไม่ เรื่องนี้มีงานวิจัยเผยในกลางปี 2021 ในพื้นที่อาร์กติกภายในศตวรรษนี้หากอุณหภูมิโลกยังเพิ่มขึ้น จ่อกระทบสภาพภูมิอากาศ สิ่งมีชีวิต ชั้นดินเยือกแข็ง อาจเร่งให้โลกร้อนขึ้นอีก
ถึงแม้ว่าวันนี้จะมีหิมะตกมากกว่าฝนตกในเขตอาร์กติก แต่แบบจำลองสภาพภูมิอากาศจากงานศึกษาชิ้นใหม่เผยว่า หากอุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นมาถึง 3 องศาเซลเซียสภายในศตวรรษนี้ พื้นที่ในเขตอาร์กติกจะมีฝนตกมากขึ้น ซึ่งหากอุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นมาแค่ประมาณ 1.5 ถึง 2 องศาเซลเซียส พื้นที่แถบทะเลกรีนแลนด์และนอร์เวย์ก็จะยังมีฝนตกมากขึ้นอยู่ดี
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงจากหิมะไปเป็นฝนอาจเกิดเร็วขึ้นนับสิบปีจากที่เคยมีการคาดการณ์ไว้ นักวิจัยเชื่อว่า เขตอาร์กติกที่กำลังร้อนขึ้นอย่างรวดเร็วสามารถเปลี่ยนกระแสลมกรด (jet stream) ที่อาจนำไปสู่สภาพภูมิอากาศสุดขั้วในยุโรป เอเชีย และอเมริกาเหนือ โดยนักวิจัยระบุว่า เราเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้แล้ว ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เกิดฝนตกบนยอดเขาน้ำแข็งในกรีนแลนด์เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่เคยมีการบันทึกมา
สิ่งที่น่ากังวลก็คือ หิมะในแถบอาร์กติกนั้นมีความสำคัญกับการสร้างน้ำแข็งในทะเล (sea ice) เป็นอย่างมาก แต่เมื่อหิมะตกน้อยลง ปริมาณแผ่นน้ำแข็งก็จะน้อยลงตามไปด้วย ส่งผลให้ทะเลดูดซับความร้อนมากกว่าเดิม นอกจากนี้ ปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ชั้นดินเยือกแข็ง (permafrost) ในอาร์กติกละลาย และปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนและก๊าซมีเทนจำนวนมากที่ถูกกักเก็บมานานหลายร้อยถึงหลายแสนปี
1
ส่วนสัตว์ อย่าง กวางเรนเดียร์และวัวมัสค์ (musk ox) ที่อาศัยอยู่ในทุ่งหิมะทุนดรา (arctic tundra) อาจเสียชีวิตหมู่ เนื่องจากฝนที่ตกลงมาโดนหิมะจะแข็งตัว ทำให้ผืนหญ้าที่เป็นอาหารของสัตว์เหล่านี้ถูกปกคลุมอยู่ภายใต้แผ่นน้ำแข็ง
“คุณอาจคิดว่าเขตอาร์กติกอยู่ไกลจากคุณมาก แต่จริง ๆ แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นในอาร์กติกกำลังจะส่งผลกระทบไปยังบริเวณอื่น ๆ อีกด้วย” Michelle McCrystall นักวิจัยจาก University of Manitoba กล่าว
cr:
https://www.facebook.com/environman.th
https://th.wikipedia.org/wiki/ภาวะโลกร้อน
https://www.usatoday.com/story/news/world/2021/12/01/arctic-more-rain-than-snow-study/8823011002/
ปัญหาภาวะโลกร้อน
สิ่งแวดล้อม
โลก
บันทึก
3
4
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
เพิ่งรู้นะนี่
3
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย