23 ธ.ค. 2021 เวลา 09:35 • ความคิดเห็น
📑🗞เริ่มงานวันแรก
บทเรียนที่ผู้เขียนได้เรียนรู้จริงจากประสบการณ์ทำงานจริง cr.ไปตามเรื่อง
สำหรับเรา สิ่งที่กังวลมากกว่า “งาน” คือ “เพื่อนร่วมงาน” ที่ต้องบอกแบบนี้เพราะเรารู้ดีว่า “เรามาที่นี่เพื่ออะไร?” เมื่อเรามาเพื่อทำงาน งานคือโจทย์ที่เราต้องเรียนรู้ และไม่ว่างานจะยากแค่ไหน แน่นอนว่า เราต้องพร้อมพัฒนาและทำให้ได้!! นี่คือทัศนคติแรกของการเริ่มต้นทำงานแรกของเรา ที่จะตั้งใจว่า
1.เราจะตั้งใจเรียนรู้ให้มากที่สุด ใครบอกอะไร สอนอะไร เราจดและจำทุกอย่าง จะไม่ให้เป็นภาระของพี่และเพื่อนร่วมงาน
2.เราจะตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด (ดีในที่นี้คือ ดีที่สุดในประสบการณ์และวุฒิภาวะ ณ ขณะนั้นที่เด็กใหม่อย่างเราจะทำได้) สิ่งนี้เป็นสิ้งหนึ่งที่เราได้เรียนรู้ว่า จริงๆ แล้วการที่บริษัทรับพนักงานใหม่หรือเด็กใหม่มาคนนึง สิ่งที่เค้าคาดหวัง “ไม่ใช่งานที่ดีที่สุด” เพราะแน่นอนว่า การที่คุณเข้ามาทำงานเพียง 1 หรือ 2 วันหรือ 1 เดือน มิอาจจะทำงานได้ถูกต้อง 100% หรือเพอร์เฟค 100% เพราะการทำงานสักงานต้องใช้เวลาเก็บประสบการณ์ ศึกษา พัฒนา และเรียนรู้ โดยเฉพาะจาก “ความผิดพลาด” ที่ถือเป็นคุณครูที่ดุ และสำคัญที่สุดที่จะทำให้เราจำและไม่เผลอละเลยทำผิดอีก!!
❤️❤️เพราะแท้จริงแล้ว สิ่งที่เค้าต้องการวัดจริงๆ คือ 1.คุณมีความกระตือรือร้น กระหายที่จะเรียนรู้และพัฒนาการทำงานของคุณมากแค่ไหน 2.คุณมีไหวพริบแก้ปัญหาได้หรือไม่? อันนี้บอกไว้สำหรับน้องๆ จบใหม่นะคะว่า เราไม่สามารถพึ่งพาเพื่อนหรือจะมีคนให้ถามตลอดเหมือนตอนเรียนได้ เราไม่มีเพื่อนที่จะคอยช่วยจด ช่วยจำอะไร แม้พี่ร่วมงาน เพื่อนร่วมงานจะใจดีแค่ไหน แต่จะดีกว่ามาก ถ้าเรา “พยายามจำสิ่งที่เค้าสอน จด และจำให้มากที่สุด” และ “ลองทำลองแก้ปัญหาด้วยตัวเองก่อนที่จะถามทุกอย่าง” ไม่ใช่ว่า เพื่อร่วมงานเขาใจร้ายใจดำ หรอกนะคะ แต่ทุกคนล้วนมีหน้าที่และงานของตัวเอง การที่เราถามทุกอย่าง พึ่งพาคนรอบข้างมากเกินไปนอกจากไม่เป็นผลดีเพราะตัวเองได้คิด ลองแก้ปัญหาแล้ว ยังเป็นการทำร้ายคนรอบข้างอีกด้วย อันนี้ฝากไว้ค่าา ติดดาวเลยนะคะน้องๆ 💕💕
Cr.ไปตามเรื่อง
3.ต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัว ศึกษาสภาพแวดล้อม และเข้าใจวัฒนธรรมองค์กร ข้อนี้เป็นสิ่งที่เราต้องช่วยสร้างครึ่งและอาศัยดวง โชคช่วยครึ่ง ที่ต้องบอกแบบนี้เพราะมีหลายต่อหลายกรณีมากที่เข้าข่าย “ทำงานได้แต่อยู่ไม่ได้” เหตุผลหลักๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการที่พฤติกรรมและอุปนิสัยเข้ากับเพื่อนร่วมงาน เจ้านาย คนในองค์กรไม่ได้ นี่นับว่าน่าเสียดาย เพราะบางคนโปรไฟล์เลิศ ทำงานดี แต่เมื่อลองทำงานจริงกลับพบว่า อยู่ไม่รอด กรณนี้มิได้หมายความว่า เราจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนแบบนั้นแบบนี้ตามแบบนิยมที่องค์กรต้องการ เราสามามารถเป็นตัวของตัวเองได้ และการเป็นตัวของตัวเองนั้นก็คือ “สิ่งที่ดีที่สุด” เพราะเราจะไม่อึดอัด สร้างความยอมรับให้คนรอบข้างได้แบบที่รักและเคารพแบบที่ “เราเป็นเรา” หรือเรียกได้ว่า “ดูดีแบบธรรมชาติ รู้จักกาลเทศะ เคารพผู้อื่น” คนรอบข้างสบายใจที่จะอยู่และทำงานด้วย นั่นแหละคือ การวางตัวที่ดีที่สุด!!
ทำไมต้องมาพูดเรื่องนี้ในตอน “การเริ่มงานวันแรก” เพราะเรื่องพวกนี้ โรงเรียน มหาวิทยาลัย ไม่ได้สอน แต่กลับจำเป็นมากเพราะถ้าน้องรู้และเข้าใจมันจะทำให้น้องก้าวหน้าในการทำงานอย่างมืออาชีพได้ไม่ยากเลยค่ะ เพราะหากย้อนกลับไปแล้วเชื่อว่า หลายคนจะมีความคิด อัตตาของตัวเอง โดยเฉพาะเด็กจบใหม่ที่อาจจะมีประสบการณ์ชีวิตน้อย ไฟแรง ซึ่งส่วนนี้เราเข้าใจดีค่ะเพราะว่าผ่านประสบการณ์นี้มาแล้ว แรงมาแรงกลับ
ฟาดมาฟาดกลับ (อยู่บนขอบเขตของการเคารพผู้ใหญ่และกาลเทศะค่ะ) แต่ไม่ปฏิเสธเลยค่ะ ว่าเราเป็นเด็กจบใหมาประเภทไฟแรงเวอร์คนนึงเลยค่ะตอนนั้น ขนาดที่ว่า กลับบ้านมานอนไม่หลับ อยากตื่นไปทำงาน 5555 ตอนฝันบางทียังฝันเรื่องงานเลยนะคะ เพราะตอนแรกมีความกระหายความรู้สุดๆๆ
วันแรกเริ่มต้นกันแบ่งปันเรื่องราวในมุมของเด็กจบใหม่ที่ต้องเข้ามาทำงานให้น้องๆ ลองนำไปใช้กันดูนะคะ การทำงานขอให้เลือกงานที่เรารัก ทำในสิ่งที่สนใจและตื่นเต้น เมื่อนั้นเราจะมีความกระหายใฝ่รู้ และอยากทำขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวค่ะ
โฆษณา