19 ธ.ค. 2021 เวลา 22:47 • หนังสือ
=======================
“สัปดาห์ละบทสองบท” || วันจันทร์
=======================
🌅• รุ่งอรุณแห่งการเปลี่ยนแปลง - Defining Moment
✍🏻• รวิศ หาญอุตสาหะ เขียน
🔖• Defining Moment ตอนที่ 6 || ถ้าไม่มีทางออก ให้ทุบกำแพงแล้วสร้างประตู
📝• บันทึกใจความแบบดิบ ๆ ที่ยังไม่ผ่านกระบวนการแปรรูป พร้อม บันทึกการอ่านของ อิคิ ∙ 生き
[ รุ่งอรุณแห่งการเปลี่ยนแปลง ]
============
ถ้าไม่มีทางออก
ให้ทุบกำแพง
แล้วสร้างประตู
============
บทนี้คุณรวิศเร่ิมต้นด้วยการ
เล่าเรื่องของลูกชายคุณเดฟ ทรอตต์
นักเขียนคนโปรดของคุณรวิศค่ะ
เรื่องราวมีอยู่ว่า . . .
ลูกชายของเดฟเพิ่งจบปีสองและ
เหลืออีกหนึ่งปีจึงจะเรียนจบระดับปริญญาตรี
ทั้งสองคนจึงปรึกษากันว่าเขาจะทำอะไรดี
ตอนปิดเทอมภาคฤดูร้อน
เดฟแนะนำลูกชายให้ลองทำเหมือนกับว่า
เขาเรียนจบแล้ว ด้วยการหางานในวงการโฆษณา
[ ลูกชายเดฟเรียนกราฟิกและโฆษณาค่ะ ]
แม้เดฟจะรู้ว่าลูกชายคงหางานไม่ได้ง่าย ๆ
เนื่องจากยังเรียนไม่จบ แต่เขาก็แนะนำ
ให้ลูกชายทำเช่นนั้น เพราะประสบการณ์
ในการหางานจะทำให้ลูกชายเขารู้ว่างานดี ๆ
มันหายากแค่ไหน
1
และเมื่อถึงปีสุดท้ายที่ลูกชายเขาจะต้องหางานจริง ๆ

ลูกชายเดฟจะได้รู้ว่าเขาต้องทำอย่างไร
ถึงจะหางานดี ๆ ได้
ลูกชายเดฟก็ทำตามคำแนะนำของเขา
โดยการจัดทำเว็บไซต์ที่มีพอร์ตโฟลิโอ
ของตัวเองขึ้นมา แล้วส่งอีเมลไปสมัครงาน
ที่บริษัทต่าง ๆ ประมาณ 600 ฉบับ
จากอีเมล 600 ฉบับ ลูกชายเดฟได้รับ
อีเมลตอบกลับมาแค่เพียง 5 ฉบับ และ หนึ่งใน
อีเมลที่ได้รับเป็นอีเมลจากเอ็ด มอร์ริส
ซึ่งเป็น Executive Creative Director ของ
Lowe เอเจนซี่โฆษณาชื่อดังของโลก
1
หลังจากที่ลูกชายเดฟทดลองงานได้หนึ่งเดือน
เอ็ด ก็รับเขาเข้าทำงานเป็นพนักงานเต็มเวลา
แต่อุปสรรคเกิดขึ้นเมื่อตอนเปิดเทอม
ลูกชายเดฟจะทำงานเต็มเวลาได้อย่างไร
ในขณะที่จะต้องเรียนไปด้วยพร้อม ๆ กัน
เดฟจึงแนะนำลูกชายไปว่า ทำไมเขาต้องเลือก
ระหว่างเรียนกับทำงานด้วย ทำไมไม่ลองหาวิธี
ที่จะทำทั้งสองอย่างได้ไปพร้อม ๆ กัน
ลูกชายเดฟจึงไปคุยกับเอ็ดว่า จะขอใช้วันพักร้อน
ที่บริษัทมีให้ 3 สัปดาห์ในหนึ่งปี มาแบ่งใช้
สัปดาห์ละครึ่งวันเพื่อไปเรียน ถ้าเอ็ดอนุญาต
เขาจะสามารถทำงานไปพร้อม ๆ กับเรียนไปด้วยได้
และเอ็ดก็ตอบตกลง ตราบใดก็ตามที่คุณภาพและ
ปริมาณงานของเขาไม่ลดน้อยลง
ไม่นานหลังจากนั้นมหาวิทยาลัยทราบเรื่อง
การทำงานไปเรียนไปของลูกชายเดฟ ทางมหาวิทยาลัย
จึงยื่นคำขาดว่า ถ้าไม่ลาออกจากงาน เขาก็ต้อง
ลาออกจากมหาวิทยาลัย
ลูกชายเดฟจึงมาปรึกษาเดฟอีกครั้ง เขาทั้งสอง
ได้คำตอบว่า ที่ลูกชายเดฟเรียนหนังสือก็เพื่อ
ให้หางานได้ เดฟจึงถามลูกชายว่า ถ้าตอนนี้
มีงานทำแล้ว การเรียนในมหาวิทยาลัย
ยังจำเป็นหรือไม่
1
แต่อย่างไรลูกชายของเขาก็ต้องการเรียนให้จบ
เดฟจึงบอกลูกชายว่า “งั้นก็ลองใช้ความคิด
สร้างสรรค์ แล้วหาทางออกดูนะ”
ลูกชายของเดฟจึงไปปรึกษาเอ็ด . . .
เอ็ด เป็นอีกคนที่ไม่เห็นด้วยกับทางมหาวิทยาลัย
จึงบอกลูกชายของเดฟว่า “ตราบใดก็ตามที่คุณ
ยังสามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์ ก็ให้ไปบอก
ทางมหาวิทยาลัยเลยว่า เขาลาออกจากงานแล้ว
หากทางมหาวิยาลัยติดต่อมาหาเอ็ด เขาจะเป็น
ผู้จัดการเอง ไม่ต้องห่วง”
1
ลูกชายของเดฟทำเช่นนั้น เขาใช้เวลาวันธรรมดา
และเสาร์ อาทิตย์ ทั้งกลางวันและกลางคืน
ทำงานทั้งของเอเจนซี่และงานของมหาวิทยาลัย
ในที่สุดลูกชายของเดฟก็ได้ทำงานและได้รับ
ปริญญา
เดฟกล่าวว่า บทเรียนที่มีค่ามากสำหรับเรื่องนี้คือ
ลูกชายของเขาได้เรียนรู้ว่าอย่าให้ใครมาตีกรอบ
ว่าชีวิตเราจะทำอะไรได้บ้าง ลูกชายของเขารู้จัก
พลิกแพลงสถานการณ์ และได้เรียนรู้โลกแห่ง
ความเป็นจริง ที่ไม่ได้อยู่แค่ในมหาวิทยาลัย
1
- - - - -
คุณรวิศกล่าวว่า ปัจจุบันนี้เราควรต้องถามตัวเองว่า
กฎที่ถูกเขียนขึ้นเมื่อ 50 ปีก่อนยังสามารถใช้ใน
บริบทของวันนี้ได้หรือไม่
เวลาที่มีคนมาบอกให้เราหันซ้าย หันขวา
เราต้องทำตามนั้นหรือไม่ เราควรคิดให้มากว่า
เวลาที่คนบอกไม่มีทางออก มันไม่มีทางออก
จริง ๆ หรือเปล่า
1
[ อิคิ ∙ 生き's Memo ]
หัวข้อของบทนี้ “ถ้าไม่มีทางออก ให้ทุบกำแพง
แล้วสร้างประตู” ทำให้ อิคิ ∙ 生き หวนระลึกถึง
คำพูดของอดีตทีมงาน อิคิ ∙ 生き ที่ชื่อว่ากระแต
1
วันนึงในขณะเรานั่งสุมหัวแก้ปัญหาอะไรซักอย่างอยู่
กระแตก็กล่าวโพล่งออกมากลางวงว่า. . .
==============================
ทุกปัญหามีทางออก ถ้าไม่มีทางออกจริง ๆ
ก็ให้เดินกลับมาออกทางเข้านั่นแหละ
==============================
1
เมื่อได้ฟังสิ่งที่กระแตพูดวันนั้น อิคิ ∙ 生き ก็
ขำก๊ากออกมาทันใด แล้วบอกว่าเออจริงหว่ะ
ถ้าไม่มีทางออก ก็ออกทางเข้านั่นแหละ
แม้ อิคิ ∙ 生きกับกระแตจะไม่ได้ทำงานด้วยกัน
มา 2-3 ปีแล้ว แต่คำพูดนี้ของกระแต ติดตรึง
ในความทรงจำของ อิคิ ∙ 生きเสมอ
ทุกครั้งที่เจอปัญหาคำพูดนี้ก็จะผุดขึ้นมาในใจค่ะ
ถ้าไม่มีทางออก ก็ออกทางเข้านั่นแหละ
ในชีวิตเราถ้าเราคิดว่าไม่มีทางออก
เราจะเจอกับทางตันของชีวิตอย่างแน่นอนค่ะ

ดังนั้นวันไหนที่เราเจอทางตัน ขอให้ระลึกไว้นะคะว่า
แล้วเราเข้ามาอยู่ ณ จุดนี้ได้อย่างไร
วันไหนที่เราคิดอะไรไม่ออก ลองหันหลังกลับดูนะคะ
แล้วเราจะเจอป้ายเขียว ๆ ที่เขียนว่า EXIT ประทับอยู่
จากนั้นเราก็เดินกลับไปตั้งหลักตรงนั้นก่อนก็ได้ค่ะ
หรือไม่ก็เดินออกไปก่อน เพื่อไปเอา ฆ้อน เลื่อย ลิ่ม
มาทลายกำแพง เพื่อสร้างประตูบานใหม่
อย่างที่คุณรวิศแนะนำไว้ก็ได้นะคะ
ก่อนจากกัน อิคิ ∙ 生き ขอฝาคาถาเปิดทาง
ให้กับเพื่อน ๆ ไว้อีกครั้งนะคะ ท่องไว้นะคะว่า
===============================
ถ้าไม่มีทางออกก็ให้ออกทางเข้านั่นแหละ😆
===============================

ใช้ตอนเจอทางตันนะคะ เมื่อท่องคาถาบทนี้แล้ว
เราจะมีทางไปค่ะ
1
สำหรับวันนี้ อิคิ ∙ 生き ขอลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่
ในตอนต่อไปของ “รุ่งอรุณแห่งการเปลี่ยนแปลง”
ในวันจันทร์หน้านะคะ อรุณสวัสดิ์ค่ะ 🙏🏻😊
หมายเหตุ : หากเพื่อน ๆ ท่านใดสนใจเนื้อหาจากหนังสือเล่มนี้ จนรอ อิคิ ∙ 生き สรุปเรื่องราวทีละบทของ “รุ่งอรุณแห่งการเปลี่ยนแปลง” ไม่ไหวก็สามารถสั่งซื้อหนังสือได้ที่ Link ด้านล่างนะคะ https://www.facebook.com/KOOBBOOKS/
#สัปดาห์ละบทสองบท #รุ่งอรุณแห่งการเปลี่ยนแปลง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา