22 ธ.ค. 2021 เวลา 06:57 • สุขภาพ
ประสบการณ์ชีวิต เมื่อฉันเจอก้อนสีดำมากมายในตับ
ใครก็รู้ว่าฉันแข็งแรงอย่างแร่ด 💪🦏
ก็ฉันเพิ่งวิ่งมาราธอนจบไปสามงาน!
แล้วอีก้อนสีดำหลายก้อนในตับฉันมันมาได้ยังไง?
การตรวจร่างกายครั้งใหญ่เป็นสิ่งที่ฉันทำทุกปี แต่ปีนี้เพื่อนรักที่ไปตรวจด้วยกันนำเสนอว่า อายุมากแล้วตรวจอะไรลึก ๆ เพิ่มดีมั้ย เราจึงตกลงเพิ่มการตรวจอัลตร้าซาวด์ช่องท้องเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งอย่าง
เมื่อตอนที่ฉันนอนอยู่บนเตียง คุณหมอสาวน้ำเสียงใจดี ใช้เครื่องมือเดียวกันกับตอนที่ฉันตรวจครรภ์เมื่อหลายปีก่อน ค่อย ๆ ตรวจวนไปที่ท้องด้านข้าง เพื่อสำรวจอวัยวะที่เรียงรายอยู่ภายใน
1
ด้วยความสบายใจว่าร่างกายอันบึกบึนที่ฉันดูแลมาอย่างดีไม่น่าจะส่งสัญญาณใด ๆ แต่ก็ต้องรู้สึกชาไปทั้งตัวเมื่อคุณหมอส่งเสียง เอ๊ะ! ขึ้นมาครั้งหนึ่ง และกดแป้นหน้าจอถี่ ๆ จากนั้นคุณหมอก็เรียกแพทย์ฝึกหัดสองคนมาดูจอใกล้ ๆ แล้วชี้นิ้วไปมา พร้อมพูดภาษาทางการแพทย์ที่ฉันไม่เข้าใจ แต่จับจากน้ำเสียงได้ว่า เกิดเรื่องแล้ว!!
ฉันเข้าใจในตอนนี้ เมื่อเวลาคนเราได้รับทราบข่าวร้าย สิ่งแรกที่มนุษย์เราตอบสนองออกไปไม่ใช่การฟูมฟาย โวยวาย แต่เป็นอาการนิ่ง พูดไม่ออก โลกเหมือนหยุดหมุนไปชั่วขณะ
👩🏻‍⚕️“อย่าเพิ่งกังวลนะคะ อาจจะไม่มีอะไร” คุณหมอพูดเมื่อชี้ให้ฉันดูจุดดำ ๆ ที่กระจายอยู่ทั่วตับในจอมอนิเตอร์
🧙‍♀️“มันจะไม่มีอะไรได้ยังไงล่ะค่ะคุณหมอ จุดดำมันเยอะมาก” ฉันแย้งเสียงสั่นทั้ง ๆ ที่ยังนอนอยู่บนเตียง
👩🏻‍⚕️“อืมม มันเยอะจริงค่ะ หมอยังไม่เคยเห็นที่เยอะขนาดนี้” พร้อมกันนั้นคุณหมอก็เคลื่อนเจ้าแท่งในมือไปมาบริเวณท้องด้านข้างอีกครั้ง และชี้ให้ดูว่าจุดที่กระจายกันอยู่มีทั้งเล็กและใหญ่ กระจายเต็มไปหมด
ฉันนั่งรออยู่หน้าห้องตรวจของแพทย์เฉพาะทาง และนึกถึงคำพูดของคุณหมอสาวคนเมื่อกี๊
👩🏻‍⚕️“หมอยังไม่ฟันธงว่ามันเป็นก้อนเนื้อร้าย แต่จะส่งให้ไปตรวจกับแพทย์เฉพาะทางอย่างละเอียดนะคะ อย่าเพิ่งกังวล ถ้ายังไม่มีผล MRI ก็ยังระบุไม่ได้ว่าคืออะไร”
ฉันนั่งนิ่งมือเย็นเฉียบ เพื่อนรักที่ไปด้วยกันซึ่งตรวจร่างกายเสร็จแล้วผลออกมาเรียบร้อยดีนั่งอยู่ข้าง ๆ เราไม่ได้พูดอะไรกัน ความเงียบที่ดังไปด้วยความสับสนภายใน ทำให้ฉันนึกคำพูดอะไรไม่ออก
แพทย์หนุ่มเฉพาะทางเกี่ยวกับช่องท้อง เปิดแฟ้มก้มลงอ่านค่าต่าง ๆ และซักถามประวัติสุขภาพของฉันอีกครั้ง เมื่อทราบว่าฉันผู้แข็งแรงเยี่ยงสัตว์ป่าชมชอบการวิ่ง ก็ชวนคุยเรื่องการวิ่งมาราธอน เพราะคุณหมอก็วางแผนจะวิ่งในปีหน้า ฉันงงไปหมดว่าคุณหมอชวนคุยเรื่อยเปื่อยทำไม ก้อนสีดำ ๆ ในตับฉันล่ะ บอกฉันมาซะทีสิว่ามันไม่มีอะไร ไม่ต้องห่วง กลับบ้านไปได้
👨🏻‍⚕️: “ก้อนสีดำที่เห็นกระจายอยู่ จะเป็นอะไรก็ได้ หมอจะไม่ให้ความหวังในด้านดี หรือด้านร้าย เดี๋ยวหมอจะส่งทำ MRI นะครับเพราะจะเช็คตับได้ละเอียดกว่าการทำ CT Scan เนื่องจากก้อนที่พบเนี่ยมันหลายก้อน มีทั้งที่ตับและที่ไตเลยครับ แต่แนะนำว่าควรตรวจ MRI เพื่อจะได้เห็นมันชัดกว่านี้ ถึงตอนนั้นเราก็จะได้รู้กันว่ามันคืออะไร”
ฉันตัดสินใจทำ MRI เย็นวันนั้นทันที รู้ว่าค่าใช้จ่ายไม่ใช่น้อย แต่ฉันทำมาหาเงินมาได้ก็เพื่อการอย่างนี้นั่นแหละ จะเก็บเงินไว้เริงร่าเรื่องอื่นแล้วเขียมกับสุขภาพร่างกายตัวเองได้อย่างไร
เย็นนั้นเพื่อนฉันมีธุระด่วนต้องกลับบ้านต่างจังหวัด ไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนคอยเวลาเพื่อทำ MRI ตลอดทั้งเช้าบ่ายที่ผ่านมา เราแทบจะไม่ได้คุยกันว่า ถ้ามันเป็นเนื้อร้าย ฉันจะอยู่ได้กี่ปี หรือชีวิตฉันจะเปลี่ยนไปแค่ไหนหลังจากนี้
น้องชายของเพื่อนเสียไปเมื่อปีก่อนด้วยมะเร็งลำไส้แบบกระทันหัน เพราะมะเร็งลำไส้ไม่แสดงอาการ เมื่อรู้ตัวก็คือระยะสุดท้ายแล้ว มะเร็งตับก็เช่นกัน
1
เราเสไปคุยสัพเพเหระอื่น ๆ เหมือนกับว่า ถ้าไม่ได้พูดถึงมัน ก็หมายความว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นจริง
ฉันเดินมาส่งเพื่อนขึ้นรถแท็กซี่ ก่อนจะจากกันเพื่อนโผมากอดฉันแน่นพูดด้วยเสียงสั่นว่า
“ถ้ามันเป็นมะเร็ง มึงเอาตับกูไปข้างนึงนะ กูยกให้”
ไม่รู้ว่าตับยกให้กันได้หรือไม่ แต่ฉันซึ่งอั้นความรู้สึกมาทั้งวันก็ปล่อยโฮลั่น น้ำตาไหลออกมาเหมือนเขื่อนแตก ฉันไม่ได้ตอบอะไรเพื่อนทั้งนั้นแต่กอดตอบแน่น ๆ แล้วรุนหลังให้เพื่อนขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว
1
ฉันนอนนิ่ง ๆ อยู่ในเครื่อง MRI คุณหมอผู้ดูแลถามว่าฉันกลัวที่แคบหรือไม่ ฉันสั่นหัว วันนี้ฉันประหยัดถ้อยคำจนน่าตกใจ
1
เครื่อง MRI ให้ความรู้สึกเหมือนนอนอยู่ในโลงศพที่มีแสงสว่าง รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่เสียงเครื่องที่ทำงานดังตลอดเวลากลับทำให้ฉันเริ่มสงบ
ฉันหลับตาลง จดจ่ออยู่แต่กับลมหายใจตัวเอง
“ดีไม่คิด ร้ายไม่คิด” สมาธิดิ่ง ความผ่อนคลายกลับมา นี่เป็นครั้งแรกในวันนี้ที่ฉันรู้สึกสบายใจ
“อะไรจะเกิดก็คงต้องเกิด” ฉันบอกตัวเองพร้อมกับผล็อยหลับไป
“หายใจเข้าค่ะ” เสียงคุณหมอดังเข้ามา ฉันสะดุ้งเล็กน้อย ตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้ง หายใจเข้า-หายใจออก-กลั้นหายใจ-อย่าขยับตัว นี่คือคำสั่งสี่อย่างที่ฉันต้องทำเป็นระยะตลอด 60 นาทีของการนอนอยู่นิ่ง ๆ ในถ้ำแคบ ๆ เท่าโลงศพ เป็นประสบการณ์ใหม่ในชีวิตที่ฉันคงจะไม่ลืม
ฉันกลับถึงบ้านด้วยความเหน็ดเหนื่อย ก่อนหลับไปด้วยความกังวลถึงลูกสาว “ถ้าฉันตายไป ลูกจะอยู่ยังไง” แต่ก็ตัดมันออกไปอย่างรวดเร็ว “พ่อยังอยู่ ต้องดูแลลูกได้อยู่แล้ว” ถ้าจะตายจริง ๆ ลูกก็คงต้องปรับตัวอยู่ให้ได้
ฉันนั่งอยู่ตรงหน้าของแพทย์หนุ่มคนเมื่อวานอีกครั้ง แฟ้มในมือของเขาคงมีผลที่ดีแน่นอน แววตาที่มองมาคล้ายว่าจะเป็นเรื่องดีไม่ใช่เรื่องร้าย
👨🏻‍⚕️“ก้อนสีดำที่กระจายอยู่มันเยอะจริง ๆ นะครับ ยิ่งใช้เครื่อง MRI ยิ่งเห็นชัดเพิ่มขึ้นอีก” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แจ่มใส ฉันสบตาเขา แล้วก็ดีใจวูบขึ้นมาจนไม่ได้ใส่ใจคำว่า “เยอะจริง ๆ”
👨🏻‍⚕️“ถึงจะมีก้อนสีดำเยอะแบบนั้น แต่ไม่มีก้อนไหนเป็นเนื้อร้ายเลยครับ” เขายิ้มให้ฉันกว้างขวาง ฉันฟังแล้วก็ยิ้มตอบกว้างไม่แพ้กัน น้ำตาขึ้นมาคลอหน่วย แล้วรวมกันไหลออกมาทางหางตา คุณหมอเอื้อมมือไปดึงทิชชู่ส่งให้ฉันหนึ่งแผ่น
“เจ้าก้อน ๆ เนี่ยเรียกว่าเนื้องอกชนิดฮีแมงจิโอมา (hemangioma) ถ้าพูดกันง่าย ๆ ก็คือ "ปานแดงที่ตับ" เนื้องอกชนิดฮีแมงจิโอมา เป็นเนื้องอกชนิดธรรมดาที่ไม่ใช่มะเร็ง ที่พบบ่อยที่สุดในตับ สาเหตุการเกิดไม่ทราบแน่ชัด ลักษณะเป็นกลุ่มของเส้นเลือดที่เจริญเติบโตผิดปกติ ทั้งขนาดของเส้นเลือดและการจัดเรียงตัว ....” คุณหมออธิบายยาว แต่หูฉันดับไปแล้วตั้งแต่ได้ยินคำว่า “ปานแดงที่ตับ”
3
โอ้วววว มันคือปาน มันคือปาน มันคือปาน ฉันบอกตัวเองวนเวียนแบบนั้นในใจ
ถ้ามีใครถามว่ามีเรื่องอะไรที่ฉันดีใจที่สุดในชีวิต ฉันก็จะตอบว่า ตอนที่ฉันรู้ว่าท้องนั่นไงล่ะ
แต่เรื่องที่ดีใจรองลงมาก็คงเป็นเรื่องนี้ ที่ฉันพบก้อนเนื้องอกในตับ แล้วมันไม่ใช่มะเร็ง แต่เป็นปานแดงนั่นเอง ❤️
1
ป.ล. เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อสามปีก่อน
1
ขอบคุณที่แวะมาอ่านบทความนะคะ
หากอยากรู้จักผู้เขียนเพิ่มเติม เชิญทางนี้เลยค่ะ 👇

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา