24 ธ.ค. 2021 เวลา 15:52 • ท่องเที่ยว
ลอนดอนวันที่ 10 (ตอน 2) สุดยอดโบราณวัตถุที่บริติชมิวเซียม พิพิธภัณฑ์ดีที่สุดในโลก (ต่อ)
อันนี้เป็นตอนต่อจากกระทู้เดิม ที่ตรงนี้ฮะ https://www.blockdit.com/posts/61c469af066e88f1790ec2c7
ไปชมตอนแรกได้
ต่อจากนั้นเป็นกลุ่มอารยธรรมในโลกใหม่ ซึ่งกอันก็คืออาณาจักรต่างๆในอเมริกากลางและใต้ ที่มีความเก่าแก่มากตั้งแต่นับพันปีก่อนคศ.ของชาวโอลเมก (Olmecs) อารยธรรมชาวแอซเท็ก (Aztec) และชาวมายา (Maya) และอื่นๆ
อีกชิ้นที่สำคัญคือเครื่องประดับอกที่ทำจากไม้เป็นรูปมังกรซึ่งอ้าปากอยู่ 2 ข้างโดยมีลำตัวขดกันไปมา ประดับด้วยกระเบื้องโมเสคสีฟ้าขนาดจิ๋วปะติดลงไปทั่วทั้งชิ้น เป็นงานที่ต้องใช้ฝีมือละเอียดอ่อนมาก งานหลายชิ้นดูแล้วเหมือนงานศิลปะสมัยใหม่ แต่ก็ไม่แปลกหรอกหากคุณได้ทราบว่างานในยุคโมเดิร์นได้ไอเดียจากของพวกนี้มากมาย
1
ที่โซนเอเชียนี้จะเห็นห้องหนึ่งซึ่งมีประติมากรรมหินปูนจัดวางไว้เต็มผนังตั้งแต่พื้นจรดเพดาน เมื่อเดินเข้าไปก็ราวกับว่าได้เข้าไปอยู่ในวิหารทั้งหลังจริงๆ
นี่คือส่วนหนังของสถูปองค์ใหญ่ในสมัยอมราวดีของอินเดีย ซึ่งเคยถูกทิ้งร้างมานานก่อนที่จะถูกแยกชิ้นส่วนออกไปนอกประเทศและมาจัดแสดงในหลายพิพิธภัณฑ์ โดยบริติชมิวเซียมนั้นได้ส่วนแบ่งมาถึง 120 ชิ้นเลยทีเดียว สามารถนำมาประกอบจัดวางได้เต็มห้อง
ชิ้นที่สำคัญคือภาพพุทธประวัติตอนขี่ม้ากัณฐกะออกผนวช ภาพต้นพระศรีมหาโพธิที่มีบัลลังก์และพระพุทธบาทประทับอยู่ รูปสถูปจำลองที่แสดงลักษณะสถูปแบบอมราวดี ประติมากรรมลอยตัวรูปสิงโตตรงยอดประตู เสาแกะสลักลวดลาย และอื่นๆ เรียกได้ว่าเป็นการยกเอาสถูปโบราณมาไว้ที่แห่งนี้ให้เราได้ชมกันอย่างจุใจ
ขณะทรงม้ากัณฐกะ มีนายฉันนะคอยติดตาม (ศิลปะยุคนี้ไม่แสดงตัวพระพุทธเจ้า แต่ใช้ฉัตรเป็นตัวแทน)
สถูปจำลอง ทำให้เรารู้ ว่าลักษณะสถูปแบบอมราวดีที่สูญหายไปแล้ว เป็นอย่างไร
สิงโตคู่ ตรงยอดประตูเข้าสถูป
นอกจากนี้แล้วตรงกลางห้องมีเทวรูปจากอินเดียโดยมีจุดเด่นคือศิวนาฎราชขนาดใหญ่กำลังเต้นระบำยกแข็งขาฟาดแขนไปมาในวงล้อไฟ (มีคนบอกว่าเป็นท่ากระโดดหนีงูฉก ซึ่งถ้าเห็นแล้วจะเชื่อเช่นนั้นจริงๆ)
https://www.britishmuseum.org
และตรงด้านหน้าห้องสถูปอมราวดีนั้นมีเทวรูปสตรีองค์สูงเท่าจริงยืนเปลือยอกอยู่ ไว้ผมเป็นชฎามงกุฏเกล้าสูง มือขวาประทานพร นี่คือนางตาราจากศรีลังกาที่ถูกปล้นมาจากเมืองแคนดี้ซึ่งมีลักษณะงดงามมาก เปลือยท่อนบนให้เห็นหน้าอกกลมกลึงแถมยังมีสะโพกใหญ่เอวคอด แต่เคยถูกจัดเก็บไว้ไม่แสดงมาเป็นเวลานาน เพราะมีคนให้ความเห็นว่ามีลักษณะเซ็กซี่มากเกินไป เขาว่ามาอย่างนี้นะ
และแล้วก็มาถึงงานศิลปะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทายซิว่างานศิลปะชาติไหนถูกนำมาแสดงมากที่สุด แน่นอนว่าต้องเป็นศิลปะขอม มีเทวรูปสำริดและหินทรายมากมาย งานฝีมือของพม่าก็มีพอสมควร ส่วนของไทยเรานั้นมีอยู่แน่นอนแต่ไม่มากนัก ตัวอย่างเช่น หม้อบ้านเชียง ใบเสมาสมัยทวารวดี พระพุทธรูปสมัยลพบุรี ทวารวดี สุโขทัย สมัยบ้านเชียง และมีคำอธิบายเกี่ยวกับอิทธิพลพุทธศาสนาในไทยตั้งแต่สมัยตั้งอาณาจักรทวารวดีโดยชนชาติมอญ สุโขทัย อยุธยา รัตนโกสินทร์ แต่ทั้งหมดสรุปย่นย่อภายในโปสเตอร์แผ่นเดีย
นอกเหนือจากอียิปต์แล้ว ทวีปอัฟริกายังมีอาณาจักรอื่นๆที่น่าสนใจไม่แพ้กัน โดยเฉพาะอาณาจักรนูเบียซึ่งอยู่ใกล้กับอียิปต์ไปทางใต้ของแม่น้ำไนล์ มีความสัมพันธ์ติดต่อค้าขายกันและบางครั้งก็ทำสงครามสู้รบกันอีกด้วย สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม เราจึงได้เห็นภาพชาวนูเบียปรากฎในภาพวาดชาวอียิปต์ ได้เห็นปิรามิดของชาวนูเบียและตัวสฟิงค์ที่มีต้นแบบมาจากอียิปต์ อีกทั้งโบราณวัตถุอื่นๆ
โบราณวัตถุอีกชุดหนึ่งคือ ของสำคัญคือภาพหล่อทองเหลืองรูปสี่เหลี่ยมหลายๆแผ่นซึ่งเคยอยู่ในพระราชวังของอาณาจักรเบนิน (Benin) ที่ไนจีเรีย มี ส่วนใหญ่เป็นเรื่องราวในราชสำนัก พิธีกรรม อธิบายโดยใช้รูปบุคคลที่แต่งกายแตกต่างกันทำท่าทางต่างๆถือสิ่งของต่างกัน
รูปเคารพที่ทำจากสำริดหรือไม้ เป็นรูปศีรษะบรรพบุรุษหรือเทพเจ้า ชิ้นงามมากๆ
ส่วนที่ผมชอบมากคือพาหุรัด (กำไลต้นแขน) ทำจากงาช้างแกะสลักด้วยฝีมือล้ำเลิศมีรายละเอียดล้ำลึกจนเหมือนทำจากผ้าลูกไม้ และอีกอันแกะเป็นรูปชายอ้วนมีเคราสวมหมวก (ทำไมฉันคิดถึงซานตาครอสนะ?)
คราวนี้เราจะมาของห้องพิเศษอีกห้องหนึ่ง เป็นห้องจัดแสดงสิ่งของต่างๆในบริติชมิวเซียมโดยได้รับอิทธิพลจากตัวบริติชมิวเซียมเอง (แปลกไหม)
ประติมากรรม ตุ๊กตาตกแต่ง ทำใหม่จากโบราณวัตถุลดส่วน
เซรามิคที่ใช้แพทเทิร์นจากยุคโกธิก นำมาประยุกต์ใช้ในรูปแบบต่างๆ
นอกจากนั้น งานศิลปะตะวันออกแบบโบราณก็ส่งอิทธิพลมาสู่งานในยุโรปอีกด้วย โดยเฉพาะนิยายอาหรับราตรี (The Arabian Nights) ที่ทำให้คนตะวันตกเพ้อฝันและอยากจะไปอยู่ในบรรยากาศของโลกอาหรับ เราจึงได้เห็นงานเซรามิค ถ้วยโถโอชาม แจกัน ที่ได้อิทธิพลอิสลามมาแผลงฤทธิ์ในยุโรป โดยเฉพาะพวกลายดอกไม้ พืชพรรณ ลายแพทเทิร์นต่างๆ และอิทธิพลจากการนำตัวอักษรมาตกแต่งอีกด้วย
ส่วนจีนและญี่ปุ่น ก็ไม่ยอมน้อยหน้าไปกว่า โดยเฉพาะเครื่องเคลือบสีขาวมีลวดลายสีน้ำเงิน ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากเครื่องลายคราม ลายประดับบนสิ่งของซึ่งมีที่มาจากพัด กิโมโน ภาพวาดญี่ปุ่น
บริติชมิวเซียมไม่ได้หยุดเราไว้เพียงโลกยุคเก่าเท่านั้น แต่แสดงสิ่งของต่างๆในยุคสมัยใหม่ด้วย ตัวอย่างเช่น อาร์ตนูโว อาร์ตเดโค งานที่เป็นลักษณะของออกแบบอุตสาหกรรม ชุดเครื่องใช้บนโต๊ะอาการ แจกัน โคมไฟ เครื่องตกแต่งบ้าน เครื่องครัว
ซึ่งดูไปแล้วอาจเป็นสิ่งที่พบในตู้โชว์ของใครบางคน (ยิ่งคนที่ยังเก็บของวันแต่งงานของยุคคุณปู่คุณย่าอยู่จะมีโอกาสพบเจอได้มาก) ไม่แน่หรอกสิ่งของธรรมดาที่คุณเก็บไว้ตอนนี้ ในอนาคตอาจพบเจอในห้องนี้ก็เป็นได้
ก่อนจะจากลาที่นี่ไป ขอเล่าเหตุการณ์ที่กลายเป็นประวัติศาสตร์สำคัญของบริติชมิวเซียมอีกสักหน่อย นั่นก็คือการมาเยือนของนายแบงก์ซี่ (Banksy) ศิลปินแนวกราฟิตี (Graffiti) ซึ่งเป็นสไตล์ของพวกมือบอนที่ชอบแอบสร้างงานบนผนังในพื้นที่สาธารณะต่างๆโดยไม่เปิดเผยตัวตน และในวันหนึ่งก็ถึงคิวของบริติชมิวเซียมจนได้
โดยในปี2548 มีใครคนหนึ่งได้สังเกตเห็นความผิดปกติของภาพวาดของมนุษย์ยุคหินบนหินก้อนหนึ่งที่จัดแสดงไว้ หากมองดีๆจะพบว่าข้างๆมนุษย์และวัวโบราณนั้นมีรถเข็นสำหรับช็อปปิ้งในซุปเปอร์มาร์เกตปรากฏอยู่
ก่อนที่จะรู้ว่านี่คือของปลอมที่ถูกแบงก์ซี่ทำขึ้นและแอบนำมาไว้ เมื่อเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกไปทางพิพิธภัณฑ์ก็เป็นเดือดเป็นร้อนมากเพราะทำให้เสียหน้าเรื่องการรักษาความปลอดภัย แต่ท่ามกลางวิกฤตินั้นมีโอกาส
เนื่องจาก BANKSY เป็นศิลปินดัง บริติชมิวเซียมก็เลยเชิญชวนให้เข้ามาสร้างสรรค์งานอีก จนในที่สุดงานชิ้นนี้ก็ได้นำมาจัดแสดงอีกครั้งและทำให้บริติชมิวเซียมสามารถอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ของงานศิลปะร่วมสมัยได้อีกด้วย
แม้ว่าเราจะทึ่งในความยิ่งใหญ่ของสารานุกรมของโลกแห่งนี้ แต่บริติชมิวเซียมก็มีด้านมืดที่ลบเลือนไม่ออก นั่นคือการได้มาของโบราณวัตถุล้ำค่าเกิดจากการล่าอาณานิคมและสงคราม โดยเฉพาะในช่วงที่อังกฤษมีความรุ่งเรื่อง เป็นจักรวรรดิที่แผ่ไพศาลในทุกทวีปก็ได้ใช้กำลังบังคับโดยวิธีการต่างๆรวมถึงการปล้นขโมยเพื่อให้ได้ทรัพย์สินเหล่านั้นมา
เมื่อยุคทองของจักวรรดิผ่านไป ประเทศต่างๆเหล่านั้นก็ได้หันกลับมาทวงของคืน จากเหตุผลที่อังกฤษได้มาโดยมิชอบ ทั้งประติมากรรมวิหารเพเธนอน ประติมากรรมของชาวเบนิน เทวรูปต่างๆ และอีกหลายๆอย่าง
โดยมีวิธีการประท้วงหลายรูปแบบ ทั้งการแอบเข้ามาเป็นนักท่องเที่ยวแล้วมายืนอยู่โบราณวัตถุที่ถูกขโมย กล่าวประกาศสุนทรพจน์เพื่อทวงคืนและเผยแพร่เหล่านี้ให้ชาวโลกได้รับรู้ แต่ทางบริติชมิวเซียมก็ยังคงปฏิเสธอย่างแข็งขันชัดเจนโดยให้เหตุผลคือการที่นำเอาโบราณวัตถุจากทั่วโลกเข้ามารวบรวมไว้และเปิดให้ทุกคนเข้าชมฟรี เป็นเสมือนห้องสมุดของโลกใบนี้ที่ใครสามารถมาชมดูได้ไม่ว่าจะมาจากประเทศใดก็ตาม อย่างไรก็ตาม กระแสกดดันเหล่านี้ยังคงมีมาเรื่อยๆ และยังคงสร้างฝันร้ายของบริติชมิวเซียมจนถึงทุกวันนี้
โฆษณา