Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เที่ยวอังกฤษ-สก๊อตแลนด์ มีสาระ ศิลปะ พิพิธภัณฑ์
•
ติดตาม
23 ธ.ค. 2021 เวลา 12:21 • ประวัติศาสตร์
ลอนดอนวันที่ 10 (ตอน 1) สุดยอดโบราณวัตถุที่บริติชมิวเซียม (British Museum) พิพิธภัณฑ์ดีที่สุดในโลก
ในทริปนี้ทั้งหมดไม่มีอะไรจะอยากไปมากไปกว่านี้อีกแล้ว กล่าวได้ว่าบริติชมิวเซียมเป็นจุดหมายปลายทางของการเดินทางมาลอนดอนก็ว่าได้ และที่ย้อนแย้งคือผมมาอังกฤษเพื่อตามความฝันว่าจะได้พบกับโบราณวัตถุที่ไม่ใช่ของอังกฤษ แต่เป็นของสะสมจากประเทศอื่นทั่วโลกที่มาอยู่รวมกันในศูนย์รวมสารานุกรมขนาดยักษ์แห่งนี้
สิ่งนี้เกิดขึ้นจากความยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิอังกฤษในอดีต ซึ่งแผ่อำนาจไปทั่วโลกไปสู่ดินแดนที่มีอารยธรรมล้ำเลิศในภูมิภาคต่างๆทุกทวีป และระหว่างนั้นก็ได้รับมอบ ขนย้าย แลกเปลี่ยน ยึดครองวัตถุต่างๆที่แสดงถึงอารยธรรมในดินแดนมากมายไว้ในครอบครอง สะสมไว้เป็นสมบัติของชาติเป็นหลายล้านชิ้นอันประเมินค่ามิได้
ด้านหน้าบริติช มิวเซียม
เมื่อเข้าไปถึงจะเห็นโถงกลางกว้างใหญ่ ตรงกลางมีร้านขายของที่ระลึกน่าซื้อน่าชม ได้ยินเสียงคนไทยประกาศกับกลุ่มทัวร์ว่าอย่าเพิ่งซื้อนะคะเดี๋ยวไปเที่ยวไม่ทัน มาชอบปิ้งได้ทีหลังค่ะ มองไปก็พบว่าเป็นทัวร์ของบริษัทประกันซึ่งพาตัวแทนที่ทำยอดได้ถึงเป้ามาเที่ยว เข้าใจเขาเหมือนกันว่าทำไมถึงมัวแต่มาดูของอยู่ก็เพราะมันน่าซื้อมาก อย่างไรก็ตามเราเดินเข้าไปดูของเก่าๆแท้ๆกันเถอะ มีห้องจัดแสดงจำนวนมากมายรอเราอยู่
ห้องแรกที่ต้องเข้าไปชมก่อนอื่น ได้แก่ห้องที่ชื่อ enlightenment และ Collecting the world ทั้งสองห้องนี้เป็นเสมือนบทนำของหนังสือที่สร้างความตื่นใจว่าต่อไปนี้เราจะได้เผชิญกับอะไรบ้างในสารานุกรมของโลกแห่งนี้ โดยอธิบายไว้ว่านี่คือการรวบรวมสมบัติที่ใหญ่หลวงของมนุษยชาติที่นักสำรวจจำนวนมากมายในอดีตได้เข้าไปค้นคว้าในดินแดนต่างๆ พบเจอกับสิ่งที่เร้นลับชวนพิศวงและน่ากลัว นำกลับมาเล่าขานให้คนได้รับรู้ว่าโลกใบนี้มีอารยธรรมแสนวิเศษกว้างไกลในดินแดนที่กว้างใหญ่ไม่รู้จบ ภายในห้องจึงเต็มไปด้วยของสะสมทุกมุมโลกกว้างแขวนไว้ทั่วทุกถิ่นที่ ทั้งประติมากรรมเก่าแก่ เครื่องจักรกล ศิลาจารึก ของใช้มนุษยชาติ จัดแสดงไปบนชั้นวาง และผนัง เต็มไปหมด ผู้ที่เข้ามาชมจะได้ตระเตรียมใจไว้ว่าต่อแต่นี้จะได้พบสมบัติของมนุษยชาติที่บรรพชนสั่งสมกันมา อีกทั้งยังเป็นคลังความรู้ ความคิด อารยธรรมของโลกอีกด้วย
1
หลังจากเข้าสู่บทนำแล้ว ขอเชิญชวนให้ไปที่ห้องใกล้กันซี่งมีคนอยู่กันหนาแน่น เป็นห้องที่มีคนเข้าชมเยอะที่สุดในพิพิธภัณฑ์ ซึ่งก็ไม่ใช่คอลเลกชั่นของยุโรปหรืออังกฤษเลย แต่กลับเป็นอารยธรรมตะวันออกในยุคโบราณคืออารยธรรมอียิปต์นั่นเอง
ก้าวไปในห้องก็จะพบวัตถุชิ้นสำคัญโดดเด่นอยู่เบื้องหน้า นี่คือศิลาจารึกโรเซซต้า ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญใหญ่หลวงของวิชาอียิปต์วิทยาเลย ศิลาจารึกนี้เป็นกุญแจดอกสำคัญที่เปิดเผยความลับโบราณนับพันปีออกสู่ชาวโลก โดยก่อนหน้านั้นแม้ว่านักโบราณคดีได้พบอักษรฮีโรกริฟฟิคซึ่งเป็นอักษรอียิปต์โบราณบนกระดาษปาปิรุสอย่างมากมายก่ายกอง แต่ก็เป็นตัวอักษรที่ไม่มีใครอ่านออกเลย คนอียิปต์รุ่นใหม่ก็สูญเสียความทรงจำในความรู้นั้นไปหมดสิ้นแล้ว จนกระทั่งมีคนพบโรเซซต้าที่ทำให้นักภาษาศาสตร์สามารถแกะรอยและนำไปสู่ความรู้ในการอ่านจารึกต่างๆออก นี่เป็นการค้นพบที่ใหญ่หลวงต่อวงการประวัติศาสตร์โลกยุคโบราณเลยทีเดียว
ศิลาโรเซซต้า กุญแจดอกสำคัญ สู่ประวัติศาสตร์อียิปต์
สิ่งสำคัญที่ให้ศิลาแท่งนี้เปิดหีบแห่งความลับได้นั้นเนื่องจากเป็นจารึก 2 ภาษา คือภาษากรีกและอียิปต์สองรูปแบบที่บรรยายเรื่องราวเดียวกัน นักภาษาศาสตร์จึงนำอักษรอียิปต์บนศิลานี้มาใช้เทียบเคียงกับภาษากรีกซึ่งนักภาษาศาสตร์ได้อ่านออกมาก่อนหน้านี้แล้ว หลังจากผู้เชี่ยวชาญได้ทำการเพียรพยายามแกะรอย ปะติดปะต่อเรื่องราวและถ้อยคำเหล่านี้เป็นเวลานานในที่สุดก็สามารถนำความรู้นี้ไปใช้ในการอ่านจารึกต่างๆได้สำเร็จ ความรู้ด้านอียิปต์วิทยาก็ก้าวหน้าขึ้นมากหลังจากนั้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตัวผมได้หมายมั่นว่าจะต้องชมโรเซซต้าเป็นบุญตาแต่ก็ยากเต็มทนเพราะเธอถูกรุมล้อมด้วยฝูงชนที่เข้ามาดู มาอ่านและถ่ายรูปกันจนเราเข้าไม่ถึง สงสัยอยู่ว่าพวกนั้นจะมาช่วยนักภาษาศาสตร์อ่านกันเหรอไง หลายคนจ้องมองใกล้ชิดขนาดนั้น ผมเลยท้อใจไม่เอาแล้ว ยังไงได้เห็นไกลๆก็พอใจแล้วละ เข้าไปดูอย่างอื่นต่อกันเถอะ ที่ห้องอียิปต์นี้มีอะไรให้ชมขนาดจาระไนได้ไม่หมด หลายอย่างที่เราคิดไว้ว่าอยากจะมาดูสามารถปรากฎพบเจอในห้องนี้ทั้งโลงมัมมี่และตัวมัมมี่ สฟิงค์ เทวรูป มัมมีแมว เทพเจ้าที่หัวเป็นสัตว์ จิตรกรรมฝาผนัง จารึกบนกระดาษปาปิรัส
โล่งมัมมี่
เทพเจ้าอียิปต์
ที่สำคัญคือประติมากรรมหินสลักของฟาโรห์ในอดีตเก่าแก่หลายพันปีโดยเฉพาะอย่างยิ่งพระเจ้ารามเซสที่ 2 มหาราช ซึ่งคนที่ได้ศึกษามาจะทราบว่าพระองค์ยิ่งใหญ่แค่ใหน ทรงเป็นนักรบที่กำราบศัตรูคู่แค้นยาวนานลงได้ อีกทั้งยังได้ทำสัญญาสงบศึกกับอาณาจักรฮิตไทท์ ซึ่งเป็นสัญญาสันติภาพฉบับแรกของโลกอีกด้วย และถ้าใครได้ดูการ์ตูนเรื่อง prince of Egypt แล้ว ขอบอกว่าฟาโรห์ในเรื่องนี้ก็คือองค์นี่แหละ ทรงมีพระชนมชีพอยู่ในยุคเดียวกันกับโมเสสและเป็นผู้ส่งกองทัพติดตามถล่มชาวยิวจนถูกน้ำท่วมตายขณะที่เดินข้ามทะเลแดงนั่นเอง
นอกจากนี้แล้วพระเจ้ารามเซสที่ 2 ยังเป็นผู้สร้างมหาวิหารอาบูซิมเบลที่ลือชื่อ เนื่องจากมีรูปสลักขนาดใหญ่โตของพระองค์และฟาโรห์องค์อื่นๆรวมสี่พระองค์ ความสำคัญของที่นี่มีมากถึงขนาดที่ตอนอียิปต์สร้างเขื่อนอัสวานซึ่งจะทำให้วิหารแห่งนี้ต้องจมน้ำ นานาประเทศทั่วโลกต้องร่วมกันช่วยเหลือเคลื่อนย้ายมหาวิหารขนาดยักษ์นี้ให้พ้นจากพื้นที่เขื่อนซึ่งเป็นงานหนักมากทีเดียว
1
วิหารอาบูซิมเบล
วัตถุชิ้นเอกอีกอันก็คือแผ่นหินแบนที่สลักเป็นภาพนูนต่ำเป็นกษัตริย์พระองค์หนึ่งกำลังประหารศัตรูโดยการจิกหัวอีกฝ่ายหนึ่งที่ลงไปนั่งคลานอยู่ด้านล่าง อีกมือเงื้ออาวุธฟาดัน ดูแล้วโหดและน่าสงสาร (ภาพดูแล้วออกจะดรามาทีเดียว) นี่เป็นสัญลักษณ์ของเหตุการณ์สำคัญคือการรวมเอาสองอาณาจักรคืออียิปต์บนและอียิปต์ล่างเข้าด้วยกัน ผู้ชนะคือฟาโรห์เมเนส (Menese) ของอียิปต์บนและสถาปนาพระองค์ขึ้นเป็นฟาโรห์พระองค์แรกแห่งราชวงศ์ที่หนึ่งของอียิปต์โบราณ
ต่อไปขอแนะนำสุสานของท่านของเนบามุนซึ่งเป็นชนชั้นสูงของอียิปต์โบราณ ที่น่าทึ่งก็คือบริติชมิวเซียมเลาะเอาทั้งผนังซี่งเป็นผนังที่มีจิตรกรรมสวยงามนำมาประกอบจัดวางใหม่ให้เราได้เห็น จิตรกรรมฝาผนังเหล่านี้แสดงเรื่องราวด้านต่างๆของผู้ตาย สะท้อนวิถีชีวิตของผู้คนในยุคสมัยนั้นเช่นการล่าสัตว์ หาปลา การปลูกพืช ครอบครัว สัตว์เลี้ยง ตลอดจนงานเลี้ยง โดยฝีมือวาดสามารถเก็บรายละเอียดยิบๆได้ทั้งผิวต้นไม้ พืชพรรณ เกล็ดปลา ขนแมว ขนนก ถูกวาดไว้อย่างละเอียดถึงทุกอนู
ภาพที่น่าสนใจคือภาพงานเลี้ยงที่มีผู้คนแต่งกายหรูหรา มีการนำเอาไขมันหอมวางไว้บนศีรษะปล่อยให้มันละลายไหลลงมาตามเส้นผมและใบหน้าได้สูดกลิ่นหอมได้เต็มที่ แถมทำให้ใบหน้าชุ่มชื้นถนอมผิวด้วย เป็นนวัตกรรมที่เห็นแล้วก็อยากเอาไปทำที่บ้านเหมือนกัน
การล่าสัตว์ มีสัตว์สารพัดชนิด เขียนรายละเอียดชัดเจน
สำหรับผู้ใดที่อยากมาเยี่ยมเยียนบุคคลชั้นสูงในยุค 2-3 พันปีก่อนก็สามารถพบปะได้เต็มที่ เพราะที่นี่มีมัมมี่และโลงจำนวนมากมายก่ายกอง บางโลงยังมีลายประดับประดาคงเหลืออยู่ทั้งแบบกรุทองคำ ฝังหินสี วาดสีเป็นลวดลายและอื่นๆ
นอกจากนี้ก็มีสิ่งของต่างๆที่พบในที่ฝังศพ ล้วนแต่เป็นทรัพย์สมบัติพิเศษที่นำไปสู่ข้อมูลความรู้มากมายเลยทีเดียว เพราะเขาฝังอะไรไว้เยอะแยะไปหมด ทั้งเทวรูป ไหใส่เครื่องในที่สวยงามน่าใช้ ข้าวของที่เอาไว้ใช้โลกหน้าและอื่นๆ
นอกจากนั้นหากคุณเป็นทาสแมวก็สามารถมาชมมัมมี่แมวเป็นขวัญตา แถมมีให้เลือกหาหลายตัวด้วย สาเหตุที่เขาเอาแมวมาทำมัมมี่ก็เพราะแมวเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของสุริยเทพและได้รับการยกย่องบูชาให้เป็นเทพเจ้าบาสท์ (B'sst) ดูแล้วน่าทึ่งมากทีเดียวว่าเขาพันผ้าได้อย่างไร มีการสอดเส้นประสานขัดไขว้สวยงามราวกับงานตะกร้าสานฝีมือดี พอทำเสร็จก็เลยมีสภาพเป็นตะกร้าที่มีรูปทรงแบบแจกันมีหัวแมวครอบแปะอยู่ด้านบน (เขาปั้นเป็นหน้าแมวครอบทับหัวจริงอีกที) อยากเอามาทำกับนังเหมียวที่บ้านอยู่เหมือนกันน่าจะได้ของตกแต่งบ้านสวยงามมาอีกชิ้นหนึ่ง
ห้องที่ติดกันกับอียิปต์คือคอลเลคชันของอารยธรรมในดินแดนใกล้เคียงกัน นั้นคืออารยธรรมลุ่มแม่น้ำไทกรีสและยูเฟรติสที่มีชื่อว่าเมโสโปเตเมีย (Mesopotamia) ซึ่งเป็นที่ตั้งของหลากหลายอาณาจักรที่ผลัดกันมีอำนาจแย่งชิงสู้รบกันและกัน ในขณะเดียวกันก็ได้สร้างงานช่างชั้นเลิศให้พวกเราได้เห็น เมื่อเข้าไปในห้องจะได้พบกับผู้พิทักษ์ประตูตรงทวาลบาลเฝ้าประตูเป็นอมนุษย์กึ่งคนกึ่งสัตว์สูงเกินหัวคนโพกผ้ามีเครายาว ลำตัวเป็นสิงโตมีปีก ที่มีชื่อว่าลามาซู (lamassu) มีขนาดมหึมาและบึกบึนราวกับจะขย้ำเราได้หากกระดิกตัวผิดไปนิดเดียว
ลามาซู
และหากสังเกตให้ดีจะพบความพิศวงตรงขาซึ่งมีจำนวน 5 ขา ไม่ใช่ 4 ขาเหมือนสิงโตตามที่ควรจะเป็น คำอธิบายของประเด็นนี้คือหากทำแค่สี่ขา เวลามองด้านหน้าจะดูเหมือนมีขาไม่ครบ ก็เลยทำเพิ่มเข้าไป เรามองดูแล้วก็เห็นว่าสมเหตุสมผลดีนะ
ที่นี่มีงานชิ้นเอกที่ต้องมาดูให้ได้ก็คือภาพแกะสลักเรื่องการล่าสิงโต (Lion Hunt) ซึ่งเป็นราชกีฬาของกษัตริย์ ซึ่งสลักภาพไว้อย่างมีชีวิตชีวามาก มองเห็นอารมณ์สิงโตในยามดุดัน น่าเกรงขาม เมือเข้าต่อสู้ ความเจ็บปวดพ่ายแพ้จากการถูกหอกแทง สำรอกเป็นเลือด ทรมานจนสิ้นใจตาย จนมีบางคนกล่าวว่าตัวศิลปินผู้สร้างงานดูเหมือนจะเอาใจช่วยและสงสารสิงโต จึงสลักภาพที่สะเทือนอารมณ์เช่นนี้
นอกจากนั้นแล้ว อาณาจักรแห่งหนึ่งในตะวันออกกลางที่สำคัญและขาดไม่ได้ คืออาณาจักรเปอร์เซีย ซึ่งมีงานเครื่องทองโชว์ให้เห็นมากโดยเฉพาะเครื่องประดับต่างๆ และภาพและหินนูนต่ำเป็นรูปสิงโตล่ำๆกำลังโจมตีวัวโดยการงับที่ก้น ตัวสิงโตนั้นดูแข็งแรงบึกบึนในขณะที่วัวหนีไปไม่พ้น ตาลุกโพลงด้วยความตกใจหวาดกลัว
ห้องจัดแสดงของยุโรปมีการเล่าเรื่องชนชาติต่างๆที่อพยพย้ายถิ่นฐานไปตั้งรกรากตรงส่วนต่างๆของยุโรป และแปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลาจนกระทั่งรวมตัวเป็นกลุ่มชนชาติที่สร้างเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของตน เช่น ชาว และการสร้างประเทศในลักษณะรัฐชาติในแต่ละช่วงเวลา รวมทั้งสิ่งของและเรื่องราวของพวกไวกิ้ง (Viking) ซึ่งเป็นพวกยุโรปเหนือผู้ซึ่งเดินเรือเก่งอย่างฉกาจฉกรรจ์ นอกจากนี้มีชาวเคลติก (Celtic) ที่อยู่เกาะอังกฤษและไอร์แลนด์ วัตถุทางศาสนาคริสต์ที่ได้รับอิทธิพลจากโรมันและพวกแองโกล แซกซอน (Anglo – Saxon) เครื่องประดับโบราณที่หลายชิ้นทำด้วยทองคำที่มีลายประดับสวยมากชวนให้อยากเป็นเจ้าของ สุภาพสตรีท่านใดที่ชอบลองหาดูที่ museum shop อาจมีขาย
โบราณวัตถุอีกชุดหนึ่งที่ถือว่าเป็นสิ่งที่พลาดไม่ได้ คือกลุ่มประติมากรรมที่เคยประดับอยู่บนวิหารพาเธนอน (Parthenon) ของกรีกโบราณเรื่องราวของเทพเจ้ากรีกซึ่งเกี่ยวข้องกับวิหารพาเธนอน และมีหลายชิ้นที่เสียหายชำรุดไปมากแล้ว
ตัวอย่างเช่นประติมากรรมรูปชายเปลือยหัวหักเอนกายตะแคงร่าง คาดว่าเป็นเทพบุตรแห่งแม่น้ำ Ilissos รูปชายเปลือยกึ่งนั่งกึ่งนอนมือหัก ซึ่งคาดว่าอาจเป็นเทพไดโอนิซัส (Dionysus) แต่ก็อาจเป็นเทพหรือบุคคลอื่นก็เป็นได้ นอกจากนี้ก็มีกลุ่มประติมากรรมเทพีในชุดเดรปยาวที่แสดงรอยยับของผ้าอย่างละเอียดอ่อนหัวหายที่แลดูพิศวง
ภาพสลักบางส่วนแสดงเหตุการณ์ต่างๆในเทพปกรณัม เช่นกำเนิดเทพีอาธีนา และเทศกาล Panathenaic ซึ่งเป็นงานฉลองวันเกิดของเธอ ภาพเซนทอร์ (อมนุษย์ร่างเป็นม้าแต่ท่อนบนเป็นคน) สู้รบกับมนุษย์
เครื่องถ้วยและแจกันที่ทำจากวัสดุทุกประเภท ทุกแห่ง ทุกยุคสมัย และที่น่าสนใจมากคือ แจกันกรีกซึ่งมีรูปร่างเป็นเอกลักษณ์มีภาพวาดบนแจกัน ซึ่งแต่ละภาพเรื่องราวชีวิตของชาวกรีก และตำนานเทพเจ้าต่างๆเป็นหลักฐานชั้นดีมากในการเรียนรู้ว่าคนกรีกในยุคนั้นเป็นอยู่อย่างไร
ห้องจัดแสดงของยุโรปมีการเล่าเรื่องชนชาติต่างๆที่อพยพย้ายถิ่นฐานไปตั้งรกรากตรงส่วนต่างๆของยุโรป และแปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลาจนกระทั่งรวมตัวเป็นกลุ่มชนชาติที่สร้างเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของตน
สิ่งของและเรื่องราวของพวกไวกิ้ง (Viking) ซึ่งเป็นพวกยุโรปเหนือผู้ซึ่งเดินเรือเก่งอย่างฉกาจฉกรรจ์ นอกจากนี้มีชาวเคลติก (Celtic) ที่อยู่เกาะอังกฤษและไอร์แลนด์ วัตถุทางศาสนาคริสต์ที่ได้รับอิทธิพลจากโรมันและพวกแองโกล แซกซอน (Anglo – Saxon)
เครื่องประดับโบราณที่หลายชิ้นทำด้วยทองคำที่มีลายประดับสวยมากชวนให้อยากเป็นเจ้าของ สุภาพสตรีท่านใดที่ชอบลองหาดูที่ museum shop อาจมีขาย
ต่อมาหลังจากนั้น ยุโรปก็เข้าสู่ยุคกลาง สงครามครูเสด (Crusades) และการเข้ามาของศาสนาอิสลามที่แผ่อิทธิพลเข้ามา
สิ่งหนึ่งที่จะขาดเสียมิได้เพราะมีอิทธิพลสูงต่อยุโรปมาก คือจักรวรรดิโรมันตะวันออก (Byzantine Empire) ที่มีศูนย์กลางที่เมืองคอนสแตนติโนเปิลซึ่งแผ่วัฒนธรรมไปในยุโรป มีประจักษ์พยานคือโบราณวัตถุที่มีสไตล์ของที่แสดงอิทธิพลนี้มากมายหลายอย่าง โดยเฉพาะสถาปัตยกรรมแบบไบเซนทีน อย่างเช่น เวสต์มินสเตอร์แคทธีดรัล ที่เราไปชมมาแล้ว นอกจากนี้มีงานช่างที่ได้อิทธิพลจากศาสนจักรทั้งภาพแกะสลักและงานจิตรกรรมให้ชาวโลกได้เห็น เช่นงานที่ทำจากงาช้าง เซรามิค โลหะ หิน
ความรุ่งเรืองสุดขีดของยุโรปที่เราน่าจะคุ้นเคยคือศิลปะสมัยบาโรคและรอคโคโค โดยเฉพาะงานจากฝรั่งเศส ที่มีให้ดูตั้งแต่สมัยพระเจ้าหลุยส์หลายพระองค์ไปจนถึงสมัยปฏิวัติซึ่งส่งอิทธิพลไห้เห็นได้ในเครื่องใช้ ตัวอย่างเช่น เซรามิคที่มีรูปการประหารด้วยกิโยตินประดับอยู่ เอาไปใช้คงจะเจริญอาหารดี
เสื้อคลุมไม่มีแขนที่ทำมาจากทองคำ (gold cape) เป็นฝีมือช่างชั้นสูงเก่าแก่โบราณประมาณ 1600 -1900 ปี ก่อน คศ. ลองคิดดูละกันว่าเก่าแก่แค่ไหน เป็นเสื้อคลุมโลหะที่คลุมจากไหล่ลงมาถึงต้นแขน ดังนั้นผู้ส่วมใส่คงจะรำคาญมากเพราะไม่สามารถยกแขนขึ้นได้เลยขณะที่ใช้งาน เหตุผลคือเสื้อคลุมทองนี้ไม่ได้เอาไปใส่ในชีวิตประจำวันแต่ใช้ในพิธีกรรมแต่ยังมีสภาพสมบูรณ์แบบมาก
ส่วนที่ไม่ควรพลาดอีกชิ้นคือหมวกโลหะ (Helmet) ของพวกแองโกล แซกซอน (Anglo-Saxon) ที่พบในอังกฤษ เป็นหมวกโลหะที่ใช้ในสงครามมีแผ่นปิดด้านข้างลงมาถึงต้นคอ ส่วนด้านหน้าเป็นหน้ากากที่มีรายละเอียดของใบหน้า จมูก ริมฝีปากและหนวดที่ชัดเจน และพบว่าในช่วงที่ยังมีความสมบูรณ์อยู่นั้นมีภาพนูนต่ำรูปเรื่องราวต่างๆทั่วทั้งใบ แลดูงดงามและศักดิ์สิทธิ์
อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญและเลื่องลือก็คือ ตัวหมากรุก ซึ่งแกะสลักเป็นรูปราชา ราชินี บาทหลวง อัศวิน ทหารราบ และอื่นๆอีกสวยงาม ดูแล้วทุกคนต้องคิดว่าเป็นงาช้าง แต่อันที่จริงเป็นเขี้ยวของวอลรัส (สิงโตทะเลที่มีเขี้ยวยาวงอกออกมาจากปาก) ที่อยู่แถวภูเขาน้ำแข็งในขั้วโลกเหนือแถวเกาะกรีนแลนด์
บางตัวดูไปแล้วน่ารักมาก อย่างเช่น ตัวคิงนั่งบนบัลลังก์วางพาดดาบไว้บนตัก ตัวควีนนั่งและเอามือเท้าคางไว้ข้างหนึ่ง (บางคนบอกว่าเป็นลักษณะของพระแม่มารี) อัศวินขี่ม้า ถือโล่ บิชอบที่ถือไม้เท้าและพระคัมภีร์ ดูเป็นตัวการ์ตูนน่ารักน่าชังมาก อยากได้จัง ใครมีเงินไปซื้อหาที่ร้านขายของในพิพิธภัณฑ์ได้นะ
ขอเล่าแค่ตรงนี้ก่อนนะฮะ เดี๋ยวจะไปเล่าต่อในกระทู้ถัดไป
https://www.blockdit.com/posts/61c5e5b4febdab0dca190232/preview
ท่องเที่ยว
2 บันทึก
2
2
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
เที่ยว อังกฤษ-สก๊อตแลนด์ แบบมีอารยะ (แต่ไม่ขัดขืน)
2
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย