Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เที่ยวอังกฤษ-สก๊อตแลนด์ มีสาระ ศิลปะ พิพิธภัณฑ์
•
ติดตาม
19 ธ.ค. 2021 เวลา 19:43 • ประวัติศาสตร์
ลอนดอนวันที่ 9 (ตอน 1) ไปวังเคนซิงตัน (Kensington Palace) รำลึกถึงเจ้าหญิงไดอาน่า
การเดินไปที่เคนชิงตันต้องผ่านสนามหญ้ากว้างใหญ่ อากาศฤดูใบไม้ร่วงหนาวมากสำหรับคนไทยอย่างเรา ลมก็ยิ่งพัดแรง รู้สึกว่านานแสนนานก็ไปไม่ถึงสักที แต่แล้วขาเราก็พามาจนได้
พระราชวังเคนซิงตันนั้นเดิมเป็นคฤหาสน์แห่งหนึ่งซี่งพระเจ้าวิลเลี่ยมทรงซื้อจากผู้สืบตระกูลของเอิร์ลแห่งนอตติงแฮมในปี ค.ศ. 1689 เนื่องจากพระองค์เป็นโรคหอบหืดและพบว่าที่นี่มีอากาศดีจึงเหมาะกับการเป็นที่พำนัก และได้รับการปรับโฉมครั้งใหญ่โดยคริสโตเฟอร์ เรน สถาปนิกเอกของกรุงลอนดอนนั่นเอง หลังจากนั้นก็มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหลายครั้งเช่นเดียวกับวังเก่าอื่นๆของอังกฤษ
เคนซิงตันถูกใช้เป็นที่ประทับมาหลายยุคสมัยจนกระทั่งในยุคของพระราชินีวิคตอเรียก็ได้รับเกียรติอันสูงยิ่งในการเป็นที่ประสูติของพระองค์ และเมื่อได้ขึ้นครองบัลลังก์แห่งสหราชอาณาจักรก็ได้ประกาศว่าตราบใดที่ยังทรงมีชีวิตอยู่พระราชวังแห่งนี้จะไม่มีวันถูกทำลายเป็นอันขาด ในรัชสมัยนี่เองที่เคนซิงตันได้เปิดให้ประชาชนได้เข้าชมเพื่อให้รัฐสภาอนุมัติเงินในการบูรณะ อย่างไรก็ตามเมื่อพ้นยุคของพระองค์ไปแล้วก็ได้รับภัยคุกคามจากการทิ้งระเบิดทำลายกรุงลอนดอนในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จนต้องถูกบูรณะอีก หลังจากนั้นก็ได้เป็นที่ประทับของเจ้าหญิงไดอาน่าในปี 1981 - 1997 ตั้งแต่อยู่กับฟ้าชายชาร์ลจนถึงทรงหย่า
อนุสาวรีย์เจ้าหญิงไดอาน่าที่เคนซิงตัน
จะเห็นได้ว่าพระราชวังแห่งนี้มีเรื่องราวเกี่ยวข้องกับกษัตริย์ในราชวงศ์ต่างๆ หลายพระองค์ แต่ที่โดดเด่นที่สุดคือควีนวิคตอเรียซึ่งประทับเป็นอนุสาวรีย์โดดเด่นอยู่หน้าพระราชวังและทรงพระสิริโฉมมากเพราะเป็นรูปควีนขณะยังเป็นสาวสวยหุ่นดีอยู่ พอมายืนอยู่ด้านหน้าก็จะได้ยินพระสุรเสียง (ซี่งเปิดจากลำโพงตัวใดตัวหนึ่งที่ซ่อนอยู่) บอกเล่าแนะนำพระองค์ ให้เราได้พอรู้จัก “เราคือควีนวิคตอเรีย...และก็....” เล่าอะไรไปเรื่อย ซึ่งเราก็ฟังไม่ค่อยชัด
ที่วังนี้มีการจัดแสดงแบบนิทรรศการ โดยมีหุ่นกระดาษขนาดเท่าคนจริงเพื่อให้จินตนาการถึงชีวิตในราชสำนักยุคนั้น การบรรยายเรื่องราวแต่ละห้องใช้การเขียนลงบนป้ายผ้าใบซึ่งแขวนตั้งไว้ แต่บางครั้งข้อความก็ปรากฏอยู่บนตัวหุ่น (เป็นเรื่องราวของคุณผู้หญิงหรือคุณผู้ชายที่หุ่นนั้นเป็นตัวแทนอยู่) และบางทีก็ปรากฏอยู่บนชามกระเบื้องในห้อง บอกเล่าของดีที่ควรได้ชม
หุ่นกระดาษบางตัวก็มีข้อความบรรยายไว้ อย่างเช่นตัวนี้ เล่าเรื่องสตรีสูงศักดิ์ และวีรกรรมที่ได้ทำไว้
บางทีก็เล่าเรื่องบนจานเซรามิค อย่างเช่นใบนี้เล่าเรื่องกิจกรรมประจำวันของควีนแมรี่
ส่วนห้องรับแขกของกษัตริย์ (King’s Drawing Room) มีจิตรกรรมล้ำค่าอยู่บนผนัง เขียนโดย Giorgio Vasariโดยมีต้นแบบจากภาพร่างของไมเคิลแองเจโล เป็นภาพเทพวีนัสร่างท้วมเอนกายนอนเปลือยมีกามเทพน้อยกำลังหยอกล้อโอบกอดจากทางด้านหลังเพื่อจุมพิตมารดาของเธอ ด้านซ้ายมีโต๊ะที่มีผ้าคลุมวางแจกันกุหลาบอยู่ แขวนคันธนูกับหน้ากากไว้สองอัน กล่าวกันว่าเป็นสัญลักษณ์ของพลังแห่งความงามที่จะสามารถปลดปล่อยอาวุธแห่งรักได้
จิตรกรรมวีนัสและกามเทพ โดย Giorgio Vasari https://www.rct.uk/collection/405486/venus-and-cupid
King’s Drawing Room
ห้อง Privy Chamber เป็นอีกห้องที่น่าสนใจเนื่องจากมุ่งเน้นการตกแต่งในสไตล์อังกฤษโดยเฉพาะ เหตุผลนั้นมิได้ขึ้นกับความชอบหรือรสนิยมส่วนพระองค์เลย แต่เกิดจากความต้องการเสริมภาพลักษณ์ของพระเจ้าจอร์จที่ 2 เนื่องจากในรัชกาลก่อน พระเจ้าจอร์จที่ 1 ทรงมีปัญหารุนแรงในด้านความเป็นอังกฤษ เนื่องจากเป็นกษัตริย์อังกฤษที่ไม่สามารถตรัสภาษาอังกฤษได้ !!! เพราะพระองค์เติบโตที่เยอรมัน ดังนั้นเมื่อถึงยุคของพระราชโอรสจึงต้องพยายามสร้างพระองค์ให้มีความเป็นอังกฤษอย่างแรงโดยโปรดให้มีการพูดเป็นภาษาอังกฤษในราชสำนักแทน และยังได้อุปถัมภ์ค้ำชูศิลปินอังกฤษจำนวนมากอีกด้วย
หนึ่งที่ขอนำชมคือห้องเข้าเฝ้า (Presence Chamber) จากบันทึกที่มีอยู่ทำให้ทราบว่าจุดประสงค์ของการมาเฝ้านั้นมีต่างๆนานา เช่น มีการขอยกโทษประหาร การขอให้มอบสิทธิบัตรเครื่องปั่นฝ้ายแบบใหม่ กลุ่มแม่หม้ายทหารเรือมาขอรับบำนาญต่อจากสามีซึ่งเสียชีวิตไป ซึ่งกษัตริย์ได้ทรงมาดูแลด้วยตัวพระองค์เอง
https://www.rct.uk/collection/922150/the-presence-chamber-kensington-palace
ส่วนห้อง King Callery นั้นเป็นที่สะสมงานศิลปะจำนวนมาก ความน่าสนใจคือ ตั้งแต่พระนาง Caroline ซึ่งเป็นราชินีสมัยพระเจ้าจอร์จที่ 2 สวรรคต สิ่งของในห้องก็ถูกทิ้งไว้ให้อยู่ในสภาพเดิม แม้แต่ฟืนในเตาผิงก็ไม่มีการขยับเขยื้อน
นอกจากห้องหับสวยหรูมากมายแล้ว สิ่งต่อไปที่จะขอแนะนำคือบันไดพระราชา (King , & Staircase) ซึ่งมีภาพจิตรกรรมฝาผนังอยู่ที่ผนังเป็นรูปบุคคลจำนวนมากยืนอยู่ที่ราวระเบียงหันหน้ามาต้อนรับพวกเราซึ่งกำลังก้าวเดินขึ้นไป บุคคลเหล่านี้ล้วนมีตัวตนอยู่จริงอีกทั้งยังเป็นคนดังหรือเป็นข้าราชบริพารคนสำคัญทั้งนั้น
ตัวอย่างของบุคคลสำคัญเช่น คริสโตเฟอร์ เรน สถาปนิกที่เราแสนจะเบื่อ (เพราะเจอเขาบ่อยมากเกิน) วิลเลียม เคนท์ (William Kent) ศิลปินผู้วาดภาพ ก็ได้ใส่ตัวเขาลงไปในภาพพร้อมกับชู้รักที่อยู่ข้างๆด้วย Mohammed & Mustapha (with beard) ชายรับใช้ของตุรกีของพระราชาที่เคยเป็นเชลยสงครามและได้มาเป็นข้าราชบริพารของพระเจ้าจอร์จที่ 1 โดยโมฮัมหมัดนั้นทำหน้าที่ดูแลเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายและคอยช่วยพยาบาลดูแลพระองค์ในยามที่ป่วยเป็นริดสีดวง ด้วยเหตุนี้จึงมีคนแอบเมาท์ว่าสงสัยจะเป็นคู่เกย์กัน (ซึ่งก็ไม่จริงหรอกนะ)
ดาวเด่นอีกคนที่เราจะได้เจอคือเด็กผมฟูใส่ชุดสูท ซึ่งมีชื่อว่า Peter เป็นเขาเป็นเด็กชายที่ถูกพบขณะเดินเปลือยกายในป่าที่เยอรมันและได้ถูกนำมาที่ลอนดอนและได้เป็นที่สนใจของคนอังกฤษในฐานะเด็กแปลกที่มีลักษณะยังเป็นเหมือนคนป่า ไม่สามารถพูดคุยได้ แต่ยังมีความโชคดีที่เจ้าหญิงแคโรไลน์แห่งเวลส์ได้ให้การอุปถัมภ์ค่าเลี้ยงดูและมอบหมายให้หมอคนหนึ่งทำการสอนหนังสือ ซึ่งก็ประสบความล้มเหลว อย่างไรก็ตามในที่สุดเขาสามารถพูดได้สองคำ คือคำว่า "Peter" และ "King George " สามารถฮัมเพลงได้สองสามเพลง อีกทั้งมีคนให้ความเห็นว่าสามารถเข้าใจในสิ่งที่คนอื่นต้องการสื่อสารด้วย
Peter คือเด็กที่ยืนอยู่คนที่สองจากซ้าย
สิ่งของจัดแสดงชิ้นสำคัญอีกชุดหนึ่งที่เคนซิงตันภูมิใจนำเสนอก็คือเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายของราชสำนัก เราจะไดเห็นสไตล์ของแฟชั่นในยุคต่างๆจากหุ่นกระดาษที่ตั้งเอาไว้ ซึ่งช่วงยุครุ่นเรื่องทางการค้าของอังกฤษนั้น มีสินค้าและวัตถุดิบต่างๆมาป้อนให้กับการผลิตมาก เครื่องใช้และสิ่งตกแต่งหรูหราจึงได้เฟื่องฟูขึ้น โดยเฉพาะกระโปรงแบบที่บานออกด้านข้างราวกับเอาแผงกระดานขนาดใหญ่มาใส่ไว้ในกระโปรง จนเวลาเดินสวนกันต้องคอยหลบหลีกไม่ให้กระโปรงชนกัน อย่างไรก็ตามการกางออกของกระดานก็ทำให้เปิดโอกาสในการมีพื้นที่สำหรับอวดลวดลาย การตกแต่งผืนผ้า ได้อย่างเต็มที่ ยิ่งเวลาเต้นรำคงกินที่มากเลย ต้องมีระยะห่างจากกันเป็นเมตร น่าจะนำมาใช้ในเรื่อง Social distance ในช่วงโควิดนะ
นอกเหนือจากชุดหรูเหล่านี้แล้วยังมีคอลเลคชั่นฉลองพระองค์ของพระราชวงศ์วินเซอร์มาจัดแสดงอยู่ ทั้งของควีนอลิซาเบธที่ 2 เจ้าหญิงมากาเร็ต และเจ้าหญิงไดอาน่า ซึ่งทั้ง 3 พระองค์เป็นตัวแทนของยุคสมัยต่างๆ โดยชุดของควีนแสดงฉลองพระองค์ในยุคทศวรรษ 50 ส่วนเจ้าหญิงมากาเร็ตเป็นตัวแทนของทศวรรษ 60 และเจ้าหญิงไดอาน่าเป็นตัวแทนของทศวรรษ 80 การจัดแสดงเหล่านี้จึงสะท้อนแฟชั่นอังกฤษที่เกิดจากอิทธิพลทั้งภายในและภายนอก ตัวอย่างเช่น ทศวรรษที่ 50 โลกทั้งใบได้อิทธิพลจากสไตล์นิวลุคของดิออร์ ฉลองพระองค์ของควีนก็สะท้อนปรากฎการณ์นี้ ส่วนดีไซเนอร์หลวงของชาวอังกฤษก็ได้สร้างแนวคิดที่สำคัญเช่นกัน ตัวอย่างเช่น Norman Hartnell ได้ให้คำแนะนำว่าราชวงศ์อังกฤษควรใส่ชุดสีอ่อนเพราะจะได้ไม่เป็นที่โดดเด่นในฝูงชน เป็นต้น
ส่วนเจ้าหญิงมากาเร็ตนั้น ทรงมีอิสรภาพในการเลือกมากกว่า ไม่ต้องถูกบังคับตามกรอบให้ใช้ดีไซน์เนอร์อังกฤษอย่างควีนอลิซาเบธ เราจึงได้เห็นภาพของพระองค์ในฐานะผู้นำแฟชั่นด้วยชุดต่างๆซึ่งเป็นที่สนใจของสื่ออยู่เสมอ
และอีกผู้หนึ่งซึ่งเป็นที่สนใจของวงการแฟชั่นก็คือเจ้าหญิงไดอาน่านั่นเอง ตั้งแต่ทรงผมเลดี้ได (ใครบางคนอาจจะเคยตัดผมทรงนี้มาแล้วในช่วงนั้น) และชุดอื่นๆอีกมาก ดังนั้นเวลาพระองค์เสด็จไปที่ใด ประเทศไหน จะมีผู้คนและสื่อต่างๆคอยสังเกตชุด (บางทีหนึ่งในนั้นอาจเป็นดีไซเนอร์สิ้นคิดที่คอยหาไอเดียจากชุดของเธอ) แต่สิ่งที่ผู้ชมวังเคนซิงตันต้องการจะดูมากที่สุดก็คือชุดเจ้าสาวที่พระองค์สวมใส่ในการอภิเษกสมรส ซึ่งต้องขอบอกว่าเสียใจ เพราะมันไม่ได้อยู่ที่นี่
ชุดเจ้าสาวซึ่งไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่ยังมีคนถามหาอยู่ (สงสัยจะเอาไปตัดเลียนแบบเปล่า)
นอกจากนี้ นิทรรศการยังแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของแฟชั่นระดับโลกที่ส่งผลมาถึงราชสำนัก เช่น ในยุค 60 อิทธิพลของวัฒนธรรมแบบป๊อบมาแรง ทศวรรษ 70 วัฒนธรรมฮิปปี้ก็มีอิทธิพลต่อแฟชั่นอังกฤษ รวมทั้งอิทธิพลของฮอลลีวู้ด เช่น ภาพยนตร์ซีรี่ย์เรื่อง Dynasty ที่มีตัวแสดงเป็นชันชั้นสูง แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าวาววับ ซึ่งส่งผลมาสู่เจ้าหญิงไดอาน่า ที่ได้นิคเนมจากสื่อว่า Dynasty Di เมื่อทรงฉลองพระองค์สไตล์นั้นด้วย
แม้ว่าเคนซิงตันจะเป็นที่ประทับของกษัตริย์หลายพระองค์ แต่ผู้ที่คนมาชมวังคิดถึงที่สุดคงไม่เป็นใครอื่น นอกเสียจากเจ้าหญิงไดอาน่าซึ่งมาประทับอยู่ที่นี่ตั้งแต่ 1983 และเมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ลง ฝูงชนผู้เศร้าสร้อยก็ได้มาที่นี่เพื่อวางช่อดอกไม้เพื่อแสดงการไว้อาลัยอย่างสุดซึ้ง ภาพกองดอกไม้พะเนินเทินทึกหน้าประตูพระราชวังบ่งชี้ความอาลัยของชาวอังกฤษได้ดี เป็นช่วงเวลาประวัติศาสตร์ความสูญเสียแห่งชาติที่สำคัญช่วงหนึ่ง
PHOTO: MIKE HOLLIST/DAILY MAIL/SHUTTERSTOCK https://www.readersdigest.ca/culture/princess-diana-kensington-palace-memorial/
ต่อไป ขอแถมภาพนิทรรศการ ที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับราชวงศ์วินเซอร์เอาไว้ให้ดูกันนะ
ทางเข้าห้องน้ำ เขียนลวดลายดอกไม้กระจุ๋มกระจิ๋ม น่ารักดี
แต่ที่น่ารักยิ่งขึ้นคือป้ายหน้าห้องน้ำ (ซ้ายมือของภาพ) เตือนให้เรารู้ว่า นี่คือห้องน้ำในวังนะจ๊ะ ต้องไม่ธรรมดา พอเราเข้าไปใช้ ก็รู้ตัวเลยว่าเราเป็นชาววัง
และที่แน่นอนก็คือ พระองค์ประทับอยู่ในวังแห่งนี้ตลอดกาล อย่างน้อยก็ในความทรงจำ
ในนิทรรศการแฟชั่นมี VDO นางแบบ ฉายอยู่ สวยดี (ไม่รู้ว่านางแบบแต่ละนางแทนสมาชิกในราชวงศ์รึเปล่า)
ใครอยากดู VOD คลิกตรงนี้ได้ฮะ
https://www.youtube.com/watch?v=Ru00o3FnWcI
youtube.com
Catwalk in Kensington Palace
VDO ภาพแฟชั่น ในนิทรรศการ แฟชั่นของราชวงศ์อังกฤษ ที่พระราชวังเคนซิงตัน
ยังไม่หมด ของแถมอีก คือสวนสวยในพระราชวัง อากาศหนาวๆแบบนี้ ออกไปผึ่งแดดข้างนอก สบายใจ
เลี้ยงเป็ดเลี้ยงนกริมสระ สบายใจ ได้บุญ
เที่ยวยุโรป
ยุโรป
สหราชอาณาจักร
1 บันทึก
1
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
เที่ยว อังกฤษ-สก๊อตแลนด์ แบบมีอารยะ (แต่ไม่ขัดขืน)
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย