26 ธ.ค. 2021 เวลา 08:37 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
รวมหนังรอม-คอม ที่มีอะไรมากกว่าความดูเพลิน
15. The Big Sick
Michael Showalter (2017)
เรื่องนี้เป็นรอม-คอมปนดราม่าที่ได้คำชมจากนักวิจารณ์ รวมถึงกระแสตอบรับในเชิงบวกเป็นอย่างดี พล็อตเรื่องของคู่รักต่างเชื้อชาติชาวปากีสถานกับอเมริกัน ที่ความแตกต่างดังกล่าวนี้ก่อให้เกิดปัญหาภายในครอบครัวทั้งเรื่องวัฒนธรรม และมุมมองที่มีต่อกันของครอบครัวทั้งสองฝ่าย จนเกิดการปรับตัวเข้าหากันระหว่างทั้งคู่รวมถึงฝั่งของครอบครัวพวกเขาด้วย
ชอบที่หนังปกคลุมไปด้วยบรรยากาศอบอุ่น น่ารักๆ ตลอดทาง ดูเป็นหนังรอมคอมที่ใช้บทไดอะล็อกได้ฉลาดดี โดยเฉพาะฉากที่ตั้งใจจะเล่นดราม่า หรือแม้กระทั่งฉากเรียกเสียงหัวเราะก็ดูดีไม่แพ้กัน หนังพยายามจะใช้ความธรรมดาเรียบง่ายตรงนี้เข้าถึงคนดูให้มากที่สุด ซึ่งก็ได้ผลจริงๆ เพราะรู้สึกว่าหนังรอมคอมมันต้องให้อารมณ์ตรงไปตรงมาแบบนี้แหละถึงจะเข้าทาง
14. Isn't It Romantic
Todd Strauss-Schulson (2019)
รับชมได้ทาง Netflix
หนังดีกว่าที่คิดไว้มาก เป็นการเล่าเรื่องสไตล์รอม-คอมที่เข้ากับสมัยใหม่ได้เวิร์คมาก ถึงแม้จะไม่ได้เป็นอะไรที่ใหม่นัก เล่าตามสูตรสำเร็จเดิมทั่วไป แต่ก็เป็นการล้อเลียนขนบเดิมๆ ที่เคยมีของความเป็นหนังรอมคอมออกมาได้สนุกและตลกแบบบ้าบอมาก
ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้เป็นการเหยียดหรือดูถูกสิ่งใดก็ตามแต่ที่หนังใส่เข้ามา ตรงกันข้ามคือเรามองว่าเป็นการเคารพผลงานอื่นๆ ของหนังประเภทนี้ทั้งในยุคก่อนจนถึงปัจจุบันได้อย่างมีรสนิยมซะมากกว่า จะบอกว่าไอเดียของผู้กำกับสามารถยกระดับหนังขึ้นมาได้ก็คงไม่ผิดนัก ไม่อยากให้พลาดกันสำหรับใครที่ยังไม่เคยดู (บทจะตลกก็ทำได้ขยี้มากๆ เลย)
13. How to be Single
Christian Ditter (2016)
คอนเซ็ปต์ของ How to be Single นอกจากจะเล่าสนุกแล้ว ยังโอบกอดเราด้วยความเข้าอกเข้าใจได้ในเวลาเดียวกัน บรรยากาศเหมือนจะดูธรรมดาๆ แต่ภายใต้ความเรียบง่ายก็แอบแฝงเมจิกโมเมนต์ที่ซึ่งคอยปลอบประโลมคนดูอย่างเราอยู่ไม่ห่าง, หนังวางตัวเองเป็นเพื่อนที่อยู่เคียงข้างคนโสดได้อย่างน่าสนใจ ซึ่งไฮไลท์เด็ดคือมุมมองสำหรับการใช้ชีวิตอยู่คนเดียว โดยที่การหันกลับมามองตัวเองเมื่อไหร่ก็ตาม เราก็ยังคงไม่สูญเสียความเป็นตัวเอง ยังทำในสิ่งที่รักและเอนจอยกับคนรอบข้างได้อยู่ อันนี้คือดีงามมากจริงๆ
(ชอบ ดาโกต้า จอห์นสัน กับ อลิสัน บลีย์ มากเรื่องนี้)
12. Love, Rosie
Christian Ditter (2014)
เรื่องราวความสัมพันธ์ของ ‘โรซี่’ กับ ‘อเล็กซ์’ หนุ่มสาวเพื่อนสนิทที่รู้จักกันมาตั้งแต่ยังเด็ก เติบโตมาด้วยกันในแบบที่ว่าต่างฝ่ายต่างก็รู้ใจกันเป็นอย่างดี ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนของทั้งสองที่คลุมเครือมาตั้งแต่ต้นก็เกิดการพัฒนาความรู้สึกกันไปเรื่อยๆ จนมารู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นคนสำคัญในชีวิตในแบบที่ขาดกันไม่ได้ไปซะแล้ว
เอาจริงๆ คิดว่าเรื่องนี้มีบทรักค่อนข้างน้ำเน่าอยู่เหมือนกันนะ คือบางฉาก บางสถานการณ์มันก็หวานจนเกินจริงไปหน่อย แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสิ่งเหล่านั้นก็เรียกน้ำตาจากเราได้อยู่ทุกครั้งไป กับเรื่องนี้ก็เหมือนกัน ที่ไม่คิดว่าจะอินได้ขนาดนี้ เป็นอีกหนึ่งหนังรอมคอมที่ลุ้นเอาใจช่วยสุดๆ ว่านางเอก(โรซี่) จะสมหวังในตอนจบมั้ย ฮ่าๆๆ
11. When We First Met
Ari Sandel (2018)
ดูได้ทาง Netflix
เรื่องราวปาร์ตี้วันฮาโลวีนของ ‘โนอาห์’ ชายผู้ที่ต้องการจะย้อนเวลาเพื่อกลับไปทำให้ ‘เอเวอร์รี’ หญิงสาวที่เขาชอบมาปิ๊งรักเขาให้ได้ ชอบตรงความพยายามของโนอาห์ที่ทำทุกอย่างเพื่อจะให้สมหวังในความรักครั้งนี้ สนุกไปอีกขั้นคือเหล่าเพื่อนๆ ที่คอยช่วยกันไปให้สำเร็จไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ซึ่งทั้งหมดเล่าออกมาได้สนุกดี และแอบเจ็บแสบๆ อยู่หน่อยคือตรงที่ message ของหนังพยายามบอกว่า ต่อให้ย้อนเวลากลับไปได้กี่ครั้ง ถ้าคนมันไม่ใช่ก็คือไม่ใช่อยู่ดี
10. Happiest Season
Clea DuVall (2020)
รับชมได้ทาง Netflix
ชอบมากกๆ หนังแอบซ่อนความเซอร์ไพรส์ที่ชวนเราตกหลุมรักเข้าอย่างจัง ประเด็นที่พูดถึงการยอมรับตัวตนดูกี่รอบก็อิน กับเรื่องนี้ก็เช่นกัน ที่ช่วงท้ายของหนังคือรู้สึกว่า 'ดีจังเลย' อบอวลไปด้วยบรรยากาศความอบอุ่นจนคิดว่าถ้าใส่มาเยอะกว่านี้ต้องมีน้ำตาร่วงอยู่เหมือนกัน หนังเล่าเรื่องราวของคู่รักเลสเบี้ยน ‘แอ๊บบี้’ กับ ‘ฮาร์เปอร์’ ที่กำลังจะถูกอีกฝ่ายพาไปเจอครอบครัวของตัวเองในคืนวันคริสต์มาส โดยที่ยังไม่มีใครรู้ว่าพวกเขากำลังคบกันอยู่ ก่อนที่ความลับของทั้งคู่นั้นจะถูกเปิดเผยในที่สุด
หนังพยายามจะส่งเสริมประเด็นความหลากหลายทางเพศ ซึ่งก็ทำได้ชัดเจนดี รวมถึงการพูดถึงการยอมรับตัวตนในยุคสมัยใหม่ที่ลงลึกไปยังมุมมองของคนภายในครอบครัวด้วยกันเองก็เล่าออกมาได้อย่างแสนอบอุ่น ซึ่งภายนอกเห็นเหมือนจะเป็นหนังคอมเมดี้แบบนี้ แต่ประเด็นที่แทรกเข้ามามันถูกเล่าอย่างจริงจัง และมีดีเทลอีกเยอะเลยที่อยากให้ได้ไปสัมผัสกัน
09. The Map of Tiny Perfect Things
Ian Samuels (2021)
รับชมได้ทาง Prime Video
หนังวนลูปของเวลาที่ให้อารมณ์คล้ายๆ กับ About Time (2013) ต่างกันตรงที่ไม่ใช่ย้อนเวลากลับไปแก้ไขเหตุการณ์ในอดีต หากแต่เป็นการตามหารอบตัวอันสิ่งเล็กน้อยที่ขาดหายไปผ่านวันเวลาเดิมซ้ำๆ ในหนึ่งวัน เหมือนเป็นการต่อจิ๊กซอว์ของช่วงเวลา สิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเราที่สุด ที่ในบางทีเรากลับหาไม่เจอหรืออาจมองข้ามมันไป
การติดอยู่ในลูปเวลาของ ‘มาร์ค’ และ ‘มาร์กาเร็ต’ ชายหนุ่มหญิงสาวที่เพิ่งเจอกันได้ไม่นานจึงเป็นการสำรวจมุมมองของกันและกัน รวมถึงการตั้งคำถามที่ว่าถ้าหากการต้องมาติดอยู่ในลูปเวลานี้มันเป็นเรื่องดีล่ะ? ถ้าเรารู้ว่าพรุ่งนี้เราจะต้องสูญเสียใครไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราคงเลือกที่จะอยู่กับวันนี้ตลอดไปดีกว่าไหม หรือต้องกลั้นใจแล้วก้าวผ่านวันนั้นมาให้ได้ ซึ่งประเด็นก้าวพ้นผ่านตรงนี้ดีมากๆ เลย
ถึงแม้ไอเดียหรือพล็อตจะดูซ้ำกับหนังอีกหลายเรื่อง แต่วิธีการเล่าของเรื่องนี้ค่อนข้างแปลกใหม่เลยทีเดียว บรรยากาศที่ปกคลุมไปด้วยความโรแมนซ์แฟนตาซีของหนังดูเรียบง่ายดี ชอบอะ
08. Ruby Sparks
Jonathan Dayton, Valerie Faris (2012)
หนังรอมคอมปนแฟนตาซีอีกเรื่องที่ต้องพูดถึง ที่สำคัญคือตัวหนังได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ไปมากมายอีกด้วย
เรื่องราวความมหัศจรรย์ของหนุ่มนักเขียนที่สามารถสร้างตัวตนผู้หญิงในอุดมคติตัวเองให้ออกมาปรากฎตัวอยู่บนโลกความจริงได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นดั่งจินตนาการนั้นทำให้เห็นผลลัพธ์หลายๆ อย่างในความต้องการของพระเอก และกลับเป็นคำถามที่ทบทวนคนดูอย่างเราว่า บางทีถึงแม้เราจะพบคนที่ใช่สำหรับเราในทุกๆ ด้านขนาดไหน ยังไงชีวิตคู่ก็ต้องมีพื้นที่สำหรับ ‘ที่ว่าง’ ต่อกันอยู่ดี
07. กวน มึน โฮ
บรรจง ปิสัญธนะกูล (2553)
รับชมได้ทั้งทาง Netflix และ Disney+ Hotstar
เรียกว่าเป็นรักแรกของเราเลยก็ว่าได้ ที่มีให้กับหนังรอมคอม (ช้าไปมั้ยนะ) ภายใต้พล็อตเรื่องคนแปลกหน้าที่ต้องมาเจอกัน แต่สามารถลงเอยโดยใช้คำว่ารักกันได้ในที่สุด ชอบมากๆ ทั้ง เต๋อ, หนูนา, บรรยากาศเมืองเกาหลี ตลอดจนถึงเพลงประกอบที่ใส่มา (ทุกเพลง) และเชื่อว่าหลายคนน่าจะตกหลุมรักเรื่องนี้เหมือนกัน ที่สำคัญคือหนังมันเรียกเสียงหัวเราะจากเราไปได้เยอะแบบจริงๆ จังๆ เลยแหละ พูดแล้วก็อยากกลับไปดูอีก
06. Leap Year
Anand Tucker (2010)
รับชมได้ทาง Prime Video
‘แอนนา’ (Amy Adams) นักจัดฉากตกแต่งอพาร์ทเมนต์ที่รอคอยวันที่แฟนหนุ่มของเธอจะขอแต่งงาน แต่ฝ่ายชายไม่เอ่ยปากมาสักทีหลังจากคบกันมา 4 ปี เธอจึงตัดสินใจฉวยโอกาสที่เนื่องในวัน 29 กุมภา ซึ่งเป็นปีอธิกสุรทินตามธรรมเนียนเก่าแก่ของชาวดับลิน ไอร์แลนด์ หรือที่เรียกกันว่า ‘Leap Year’ (ที่ฝ่ายหญิงจะสามารถขอฝ่ายชายแต่งงานได้) เพื่อขอแต่งงานกับเขาเลยทันที
แต่ระหว่างการเดินทางกลับต้องมาปิ๊งรักกับ ‘เด็คแลน’ (Matthew Goode) ชายหนุ่มที่เธอจำเป็นต้องร่วมเดินทางด้วยอย่างไม่ได้ตั้งใจ ระหว่างเดินทางจึงก่อเกิดความสัมพันธ์อันโรแมนติกอย่างที่ทั้งคู่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นเช่นกัน
เรื่องนี้บรรยากาศ และสถานที่ถ่ายทำในประเทศไอร์แลนด์สวยงามมาก ความเป็นชนบทชวนให้เรื่องราวของทั้งคู่มันอบอุ่นหัวใจขึ้นมาได้เป็นกอง ซึ่งเราจะได้รับบรรยากาศแบบนี้แทบจะทั้งเรื่องของหนังเลย เป็นเสน่ห์อีกอย่างที่ไม่อยากให้พลาดกัน
05. Crazy, Stupid, Love.
Glenn Ficarra (2011) - iTunes
Crazy, Stupid, Love ชื่อของหนังค่อนข้างบ่งบอกความหมายได้ชัดเจนทีเดียว คือมันครบรสในทุกเรื่องราวของบทรัก ความสัมพันธ์อันยุ่งเหยิงครั้งนี้สอดแทรกบทเรียนในรักที่ต้องเติบโตและก้าวผ่านไปให้ได้
ประเด็นก้าวผ่านพ้นตรงนี้เลยให้อารมณ์หนัง coming of age ที่ทุกฝ่ายต่างต้องรับมือไม่ว่าจะวัยเด็กหรือว่าผู้ใหญ่ก็ตาม จะว่าไปนักแสดงทั้งสี่คนจากเรื่องนี้ ปัจจุบันเติบโตในสายอาชีพของตัวเองในระดับฮอลลีวูดกันทุกคนเลย ย้อนกลับไปดูทำให้รักนักแสดงมากขึ้นไปอีก
ใครสนใจสามารถหาซื้อเก็บไว้ในราคาเป็นมิตรได้ทาง iTunes
04. Set It Up
Clair Scanlon (2018)
รับชมได้ทาง Netflix
เรื่องราวของ ฮาเปอร์ (Zoey Deutch) และ ชาลีย์ (Glen Powell) หนุ่มสาวออฟฟิศที่ต่างก็ทำงานเป็นผู้ช่วยส่วนตัวให้กับเจ้านายสุดร้ายของตัวเอง วันหนึ่งทั้งสองได้มาพบกัน พร้อมกับมารู้ว่ากำลังเจอปัญหาเดียวกันนั่นคือหน้าที่การงานอันหนักหนา ชวนปวดหัว ที่ส่งผลต่อความสุขและอะไรหลายๆ อย่างที่สำคัญในชีวิตเป็นอย่างมาก จึงได้วางแผนจัดฉากให้เจ้านายของตนมาคบกันเองเพื่อที่ตนจะได้มีเวลาออกไปใช้ชีวิตอย่างที่อยากจะทำซะบ้าง แต่กลายเป็นว่าแผนการครั้งนี้ทำให้พวกเขาทั้งคู่ได้มาปิ๊งรักกันเองซะอย่างงั้น
เราว่าภายนอกของหนังมันดูธรรมดามากๆ เลย ตั้งแต่ปกหนังไปจนถึงพล็อตเรื่องในตัวอย่าง เข้าขั้นจืดชืดเลยด้วยซ้ำ แต่พอเอาเข้าจริงกลับกลายเป็นว่าหนังมันมีเสน่ห์ในตัวมันมากๆ หนังพูดถึงความสุขในการมีคนรักของคนหนุ่มสาว ที่ไม่ต้องเพอร์เฟกต์หรือดีพร้อม ความพอดีที่อยู่ตรงกลางของความรัก รวมไปถึงการที่ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่า 'อยู่ด้วยกันแล้วสบายใจ' แค่นี้ก็พอแล้ว ซึ่งประเด็นนี้ตรงนี้แหละที่เราอินและก็โคตรแฮปปี้กับหนังเลย
03. The Proposal
Anne Fletcher(2009)
รับชมได้ทาง Disney+ Hotstar
เป็นอีกเรื่องที่พาร์ทของคอมเมดี้นั้นสร้างสรรค์และตลกมาก เรื่องราวของ ‘มาร์กาเร็ต’ หญิงสาวบรรณาธิการที่กำลังจะถูกส่งตัวกลับประเทศ จำเป็นต้องมาแต่งงานกับ ‘แอนดรูว’ ผู้ช่วยส่วนตัวของเธอแบบภาคบังคับเพื่อเธอจะได้อยู่ในประเทศต่อไป กลายเป็นการแต่งงานแบบจำลองและปลอมๆ มันขึ้นมา ซึ่งนำพามาด้วยเรื่องราวปั่นป่วนสุดอลเวงที่ทำให้ก่อเกิดความรัก ความโรแมนติกขึ้นในแบบที่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ทันตั้งตัว
พล็อตเรื่องการจับคู่ระหว่าง ‘แซนดร้า บูลล็อก’ กับ ‘ไรอัน เรย์โนลด์ส’ มันเหมือนเป็นสูตรสำเร็จที่ลงตัวของหนังรอมคอมอย่างแทบจะสมบูรณ์แบบ เพราะนอกเหนือจากความสนุกปนฮาของหนังแล้ว เคมีของนักแสดงสร้างความอบอุ่นหัวใจชวนน้ำตาคลอได้ดีเหลือเกิน
02. About Time
Richard Curtis (2013)
นี่น่าจะเป็นหนังฟีลกู๊ดในดวงใจของใครหลายคนรวมถึงเราด้วย คอนเซ็ปต์ของพลังการย้อนเวลาเรียกได้ว่าเล่นกี่รอบเราก็อินทุกครั้ง กับการย้อนกลับไปแก้ไขปัญหาต่างๆ ในชีวิตรวมถึงเรื่องความรักในอดีต ที่ภาพรวมของหนังเป็นบรรยากาศที่เรารักในแทบจะทุกองค์ประกอบเลย
(เรเชล แม็คอดัมส์ เรื่องนี้จะน่ารักไปไหน)
01. Silver Linings Playbook
David O. Russell (2012)
รับชมได้ทาง Netflix
มองว่าเป็นหนังรอมคอมที่ดูโตที่สุดแล้วมั้ง เท่าที่หยิบยกมา ท่ามกลางความสัมพันธ์ของคนที่กำลังพบเจอกับเรื่องราวพังๆ และต้องการเพียงแค่ใครสักคนที่เข้าใจไม่ว่าเราจะมีตัวตนหรืออดีตแบบไหนก็ตาม ชอบคอนฟลิกต์ของหนังที่พูดถึงปมปัญหาของ ‘แพท’ กับ ‘ทิฟฟานี่’ ที่ต่างมีแผลลึกๆ ในใจ ทำให้ทั้งคู่ดูเหมือนจะไม่มีทางเข้ากันได้ แต่สุดท้ายก็เดินทางมาถึงบทสรุปที่สร้างความโรแมนติกให้กับคนดูเอามากๆ เลยทีเดียว

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา