1 ม.ค. 2022 เวลา 02:00 • สุขภาพ
เรื่อง : ทำไมบางคนจึงรู้สึกเหนื่อยหรือง่วงอยู่เกือบตลอดเวลา แม้ว่าจะมีการนอนหลับที่เพียงพอ?
10
ระยะเวลาที่ใช้ในการอ่านโดยประมาณ : 10นาที
2
จากการสำรวจ ราวๆ 30%หรือ1/3 ของวัยรุ่นและผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดี มักบอกว่าพวกเขารู้สึกง่วง และไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงในตอนกลางวัน ทั้งๆที่พวกเขาก็มีการนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอ…แล้วอะไรกันล่ะที่เป็นสาเหตุของเรื่อวนี้? วันนี้นายจอมโม้จะเล่าให้ฟังครับ
1. รับประทานอาหารน้อยเกินไปหรือได้รับพลังงานไม่เพียงพอ
อาหารมีผลอย่างมากต่อระดับพลังงานในร่างกายของคุณ พลังงานของร่างกายจะถูกนับในหน่วยแคลอรี่ เพราะหากคุณได้รับพลังงานจากอาหารที่ไม่เพียงพอ ระดับการเผาผลาญของคุณก็จะช้าลง เพื่อที่จะได้ประหยัดพลังที่มีอยู่น้อยนิดนั้นไว้ นั่นทำให้คุณรู้สึกไร้เรี่ยวแรง
1
วัยรุ่นผู้ชายต้องการพลังงาน 2800 แคลอรี่ต่อวัน ในขณะที่วัยรุ่นผู้หญิงต้องการ 2200แคลอรี่ แต่ตัวเลขเหล่านี้จะลดลงเมื่อคุณเข้าสู่วัยผู้ใหญ่แล้ว กล่าวคือ 2500แคลอรี่สำหรับผู้ชาย 2000แคลอรี่สำหรับผู้หญิง โดยพลังงานเหล่านี้ควรได้จากอาหารที่มีคุณภาพ เช่น โปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ
3
2. การบริโภคคาร์โบไฮเดรตหรือน้ำตาลที่มากเกินไป
ไม่ว่าคุณจะอยู่ในวัยใด คุณควรหลีกเลี่ยงการรับประทานคาร์โบไฮเดรตหรือน้ำตาลที่มากเกินไป เพราะสิ่งเหล่านี้จะให้พลังงานเข้าสู่ร่างกายของคุณอย่างรวดเร็ว ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดของคุณนั้นพุ่งสูงขึ้นจนคุณรู้สึว่าร่างกายของคุณนั้นกระปรี้กระเปร่าเป็นอย่างมาก แต่พลังงานที่คุณได้รับมาในลักษณะนี้นั้นจะลดลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน โดยปรากฏการณ์นี้เรียกว่า Sugar Crash
4
ความที่เราอยากได้พลังงานอย่างรวดเร็ว และรับประทานอาหารดังกล่าวในปริมาณมาก นำไปสู่วงจรที่ไม่ดีในการรับพลังงาน และนำไปสู่การลดลงของพลังงานอย่างกระทันหัน นั้นเป็นสาเหตุที่เมื่อคุณรับประทานแป้งหรือของหวานปริมาณมาก คุณอาจจะเกิดอาการง่วงและอ่อนเพลียตามมาได้
หากคุณต้องการที่จะให้ร่างกายมีพลังงานที่คงที่ขึ้น คุณควรลดการบริโภคคาร์โบไฮเดรตหรือน้ำตาลที่เกินความจำเป็นลง และเปลี่ยนไปบริโภคอาหารที่มีประโยชน์อย่างอื่นเช่นเนื้อสัตว์หรือผักสด สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณมีพลังงานที่คงที่กว่าในตลอดทั้งวัน
3. การบริโภคชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน
หลายๆคนมักชอบที่จะบริโภคเครื่องดื่มเหล่านี้เมื่อคุณรู้สึกง่วงหรืออ่อนเพลีย โดยเฉพาะในยามบ่าย ซึ่งมันก็สามารถช่วยคุณได้จริงๆ แต่ข้อเท็จจริงอีกอย่างที่คุณควรรู้คือการบริโภคกาเฟอีนในยามบ่ายนั้นส่งผลโดยตรงต่อการพักผ่อนของคุณในเวลากลางคืน
1
คนส่วนมากมักคิดว่ากาเฟอีนจะอยู่ในร่างกายของเรานาน 5-7ชั่วโมง นั้นเป็นเหตุผลที่หลายคนคิดว่าเราไม่ควรดื่มกาแฟก่อนนอน แต่ในความเป็นจริงกาเฟอีนอยู่ในร่างกายของเรานานกว่านั้นมาก โดยมันสามารอยู่ในร่างกายของเราได้นานถึง 10-14ชั่วโมง โดยสมมติว่าคุณดื่มกาแฟในเวลาบ่าย3โมง และเมื่อถึงเวลาที่คุณเข้านอนประมาณ4ทุ่ม กาเฟอีนปริมาณกว่าครึ่งหนึ่งที่คุณได้รับไปจะยังคงตกค้างในร่างกายอยู่ ทำให้ร่างกายของคุณยังคงได้รับพลังงานในเวลาที่คุณไม่ได้ต้องการมันเลย และกาเฟอีนเหล่านี้จะอยู่ในร่างกายของคุณจนถึงเช้าซึ่งมันจะรบกวนการพักผ่อนของคุณเป็นอย่างมาก
8
วิธีหลีกเลี่ยงปัญหานี้อย่างง่ายๆ ก็คืองดเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกาเฟอีนหลังมื้อกลางวันนั้นเอง
4. ออกกำลังกาย
1
การออกกำลังกายเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ทำให้เรารู้สึกกระปี้กระเป่าได้ทั้งวัน และยังช่วยให้เรานอนหลับได้ง่ายด้วย หลายคนอาจรู้สึกง่วงหลักจากกลับจากที่ทำงาน หรือโรงเรียน และงีบหลับทันทีเมื่อคุณกลับถึงบ้านซึ่งมันอาจจะช่วยให้คุณสดชื่นขึ้นได้บ้างก็จริง แต่ยังมีอีก1วิธีที่อยากแนะนำ คือการออกกำลังกาย แม้เพียงเล็กน้อยเพียง 10-15นาที ซึ่งวิธีนี้นอกจากจะทำให้คุณแข็งแรงขึ้นแล้ว มันยังจะทำให้คุณหลับได้ง่ายขึ้นในตอนกลางคืนอีกด้วย หรือหากคุณรู้สึกง่วงในตอนกลางวันคุณก็สามารถใช้การออกกำลังเบาๆเช่นเดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟท์ หรือการใช้โต๊ะยืนในการทำงานแทนที่จะนั่ง สิ่งเหล่านี้ก็จะช่วยให้ร่างกายของคุณนั้นตื่นตัวมากขึ้นได้
3
5. การนอนหลับ
คนหลายคนคงมีความเชื่อว่าคนเรานั้นต้องการการนอนหลับที่ 8ชั่วโมงต่อวันเพื่อให้รู้สึกสดชื่นในวันถัดไป แต่ในความเป็นจริงแล้วปริมาณการนอนนั้นขึ้นอยู่กับอายุของคุณด้วย โดยในช่วงวัยรุ่นนั้นอาจต้องการการพักผ่อนถึง 10ชั่วโมง แล้วอีก1ปัจจัยก็คือพฤติกรรมก่อนการเข้านอน หลายคนในปัจจุบันชอบที่จะดูทีวี เล่นมือถือก่อนเข้านอน ซึ่งจริงๆแล้วเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะแสงที่สว่างจ้าจากหน้าจอแสดงผลนั้นจะทำให้คุณนอนหลับได้ยากขึ้น โดยคุณควรหลีกเลี่ยงการใช้งานอุปกรณ์ทุกชนิดที่มีการแสดงแสงสีฟ้าหรือสีขาวก่อนเข้านอนอย่างน้อยประมาณ 1ชั่วโมง
2
แสงส่วางจากหน้าจอของอุปกรณ์เหล่านั้นจะขัดขวางสมองของคุณไม่ให้หลั่งฮอร์โมนการนอนหลับที่มีชื่อว่าMelatonin มันทำให้ร่างกายของคุณสูญเสียความสามารถในการรับรู้ว่าตอนนี้ถึงเวลาที่ควรพักผ่อนแล้ว ร่างกายของคุณจะสับสน มันจะคิดว่าแสงจากหน้าจอนั้นเป็นแสงแดด และคิดว่านี่เป็นเวลากลางวัน ทำให้ร่างกายนั้นตื่นตัวและให้พลังงานแก่สมองอยู่ตลอดเวลา
เพื่อการพักผ่อนที่ดีขึ้นคุณควรเปลี่ยนจากการดูทีวี หรือเล่นมือถือ เป็นการอ่านหนังสือดีๆสักเล่ม รวมถึงจัดแจงห้องนอนของคุณให้ควบคุมปริมาณแสงได้ดีพอ เพราะการนอนหลับในที่มืดสนิทจะทำให้ร่างกายของคุณพักผ่อนได้เต็มที่กว่านั่นเอง
6. ดื่มน้ำให้มากพอ
เช่นเดียวกับพืชที่เหี่ยวเฉาเมื่อพวกมันได้รับน้ำที่ไม่เพียงพอ ร่างกายของคนเราจะสามารถทำงานได้อย่างเหมาะสมมากยิ่งขึ้น เมื่อเราดื่มน้ำให้เพียงพอ โดยปริมาณน้ำที่มากพอจะช่วยให้ร่างกายรักษาระดับพลังงานให้สูงขึ้นได้ รวมถึงทำให้คุณรู้สึกสดชื่นขึ้นด้วย
2
7. กิจวัตรประจำวันที่สม่ำเสมอ
รูปแบบระเวลาที่เข้านอนก็เป็นเรื่องที่สำคัญ โดยมีงานวิจัยที่บอกว่าคนที่เข้านอนและตื่นนอนเป็นเวลาเดียวกันทุกวันเมื่อเทียบกับกลุ่มคนที่เข้านอนและตื่นนอนไม่เป็นเวลา คนกลุ่มแรกมีแนวโน้มที่ร่างกายจะเหนื่อยน้อยกว่า และรู้สึกสดชื่นมากกว่าตลอดทั้งวัน รวมถึงยังนอนหลับได้ง่ายกว่าในเวลากลางคืน
2
8. อย่าเครียดมากจนเกินไป
ความเครียดนั้นส่งผลต่อทั้งสภาพร่างกายและจิตของคุณอย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นคุณควรกำจัดมันทิ้งไปก่อนที่มันจะทำร้ายคุณมากไปกว่านี้ มีวิธีมากมายที่ช่วยบรรเทาความเครียดลงได้ ไม่ว่าจะเป็นการฟังเพลงโปรดของคุณ อ่านหนังสือดีๆ ออกไปเที่ยวกับเพื่อนของคุณ หรือหากคุณไม่อยากวุ่นวายขนาดนั้น การทำสมาธิสั้นๆเพียง 5-10นาที ก็สามารถช่วยคุณได้แล้ว
3
เรียบเรียงโดย
นายจอมโม้
31 ธันวาคม 2021

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา