4 ม.ค. 2022 เวลา 03:55 • หนังสือ
✴️ บทที่ 1️⃣3️⃣ สารอัศจรรย์ ✴️ (ตอนที่ 2)
ผมเดินทางไปบราซิล ประเทศที่มีความก้าวหน้าทางจิตวิญญาณประเทศหนึ่งเลยทีเดียว หลายครั้งที่ผมไปก็ได้เจอกับผู้คนที่รู้แจ้งและเปี่ยมล้นความ สามารถมากราย ผมประทับใจคนทรงคนหนึ่งมาก เธอชื่อซีเลีย เพื่อนผมคนหนึ่งพาผมไปเข้ากลุ่มที่ซีเลียจัดขึ้นในแหล่งชุมชนผู้ใช้แรงงานแห่งหนึ่งในกรุงริโอ เดอ จานิโร ซีเลียไม่รู้จักผม ไม่เคยอ่านงานเขียนของผมเลย เธอพูดเป็นแต่ภาษาโปรตุเกส เพื่อนผมเลยต้องรับหน้าที่แปลให้ผมฟังอีกทอดหนึ่ง
ผมนั่งใกล้หน้าหอประชุม คนในกลุ่มเขียนชื่อตัวเองบนกระดาษแล้วหย่อนใส่ตะกร้า ซีเลียหยิบเศษกระดาษพวกนี้ขึ้นมาคลำขยำรวมกันโดยไม่ต้องมองกระดาษเลย เธอก็เรียกชื่อออกมา คนที่จำชื่อญาติที่ตายไปแล้วได้ก็จะออกไปรวมตัวกันที่โพเดียมเล็กๆที่ซีเลียนั่งอยู่ บางครั้งมีแค่คนเดียวหรือไปเป็นคู่ บางทีก็ยกกันไปทั้งครอบครัวเลย
อารมณ์ที่ผุดขึ้นบนสีหน้า แสดงออกมากับท่าทางของพวกเขาเหล่านั้นมันช่างจริงใจไม่ปรุงแต่งเลยครับ คนจากทุกระดับชั้นถึง 𝟴𝟬𝟬 คนอยู่ในกลุ่มผู้ฟังทั้งหมด ไม่มีใครรู้ว่าใครจะเป็นผู้ถูกเรียกขึ้นไป
ผมยังไม่เคยเห็นใครจัดการเรื่องราวได้แคล่วคล่องว่องไวเท่ากับซีเลีย กระแสรายชื่อชนิดชัดๆตรงๆพรั่งพรูออกมา บรรยายบุคลิกลักษณะหน้าตานิสัยใจคอเป็นฉากๆออกมาเรื่อยๆ เหมือนกับข้อเท็จจริงเป็นดั่งกระแสน้ำตกที่ไหลพรูออกมาไม่หยุดยั้ง เธอไม่ใช่รู้แค่ว่าคนนั้นคนนี้ตายอย่างไรเท่านั้น แต่ยังสามารถบอกรายละเอียดลับเฉพาะส่วนตัวของคนที่ตาย ซึ่งเป็นรายละเอียดที่ครอบครัวญาติมิตรผู้ตายรู้สึกอบอุ่นใจอย่างล้นเหลือได้ด้วยถ้อยคำที่เธอเปล่งออกมาเหมือนมีพลังอำนาจภายใต้ร่างเล็กผอมบางของหญิงชราวัย 𝟲𝟬-𝟳𝟬 ปี เธอสูงไม่ถึง 𝟱 ฟุต ซ้ำยังต้องใช้เครื่องสูดยาสำหรับคนเป็นหอบหืดประจำตัวแบบเธอด้วยอีกต่างหาก
มี 𝟮 เรื่องที่จับใจเหลือเกิน ซีเลียขานชื่อผู้ชายคนหนึ่งกับคุณแม่คุณพ่อและน้องสาวของเขาให้ออกมาที่โพเดียม ผมเห็นกับตาว่าทั้งครอบครัวตัวสั่นสะท้านยามที่ซีเลียบรรยายอุบัติเหตุรถคว่ำที่คร่าชีวิตชายหนุ่มคนหนึ่งไป เธอบอกกับครอบครัวนี้ว่าชายหนุ่มตอนนี้สบายดีแล้วและขอส่งความรักมาให้ แต่บอกอีกว่าเขาไม่ได้เดียวดาย มีคนหนุ่มสาวอีก 𝟮 คนตายในรถกับเขาด้วย ซีเลียขานเรียกอีก 𝟮 ชื่อ ครอบครัวที่โศกสลดของเหยื่ออุบัติเหตุทั้ง 𝟮 รายก็ลุกขึ้นมาที่โพเดี้ยมแบบงงๆ พ่อของเด็กคนหนึ่งในจำนวนที่ตายยืนหลบอยู่ด้านหลังใครๆ แยกตัวห่างออกมา เห็นชัดว่าพยายามข่มกลั้นอารมณ์ไว้สุดความสามารถ ขณะที่คนอื่นพากันร้องไห้และกอดกันไว้
ซีเลียหันไปดุกับภรรยาของผู้ชายที่แยกตัวห่างว่า “จงอย่ารู้สึกผิดไปเลย พวกเขาสบายดีแล้ว ในภาวะเป็นวิญญาณ” ลูกชายของผู้หญิงท่านนั้นเป็นคนขับรถ เหมือนกับต้องเป็นคนรับผิดชอบเต็มๆ แม่ของคนขับจึงรู้สึกเสียใจอย่างมาก
“พวกเขาส่งความรักมาให้เธอนะ” ซีเลียกล่าวต่อไป พร้อมทั้งเพิ่มเติมรายละเอียดส่วนตัวให้อีก
แล้วเธอก็หันไปมองชายผู้ยืนตัวแข็งอยู่หลังคนอื่น นิ่งนาน เธอก็ยืนขึ้น ขนาดเธอยืนอยู่บนเวทีหลังโต๊ะเล็กๆและคนอื่นๆยืนตัวสั่นอยู่บนพื้นห้องแล้วก็ตาม ศีรษะของเธอยังแทบไม่พ้นคนที่ยืนกันอยู่เลย เธออยากเห็นหน้าเขาให้ชัดกว่านี้
“ลูกชายคุณบอกว่าคุณยอมรับเรื่องพวกนี้ไม่ค่อยจะได้ สำหรับคุณมันยากกว่าคนอื่นก็เพราะว่าคุณเป็นวิศวกร” ชายคนนั้นพยักหน้ารับคำ พูดว่าตรงความจริง
“เขาบอกว่าให้เลิกทะเลาะเรื่องพรมกันได้แล้ว ตอนนี้มันไม่สำคัญอีกแล้ว”
พูดจบคำผู้เป็นพ่อก็ทิฐิทลาย เขาสวมกอดภรรยาร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย คนอื่นไม่มีใครรู้เรื่องเลยว่าเขากับภรรยากำลังทะเลาะกันเรื่องพรมผืนหนึ่งในบ้านมาพักหนึ่งแล้ว พ่อยืนกรานว่าฝุ่นพรมนั่นแหละที่ทำให้ลูกชายเป็นภูมิแพ้และหอบหืด ส่วนภรรยาก็เชื่อมั่นว่าพรมสุดรักของเธอไม่ใช่ตัวการและไม่ยอมทิ้งพรมไป
คำบอกเล่าที่เป็นเรื่องส่วนตัวขนาดนี้ทลายความคิดเหตุและผลทิ้งไป แล้วสัมผัสห้วงหัวใจของคนเป็นวิศวกรอย่างเขาแทน เขาไม่ยอมรับอีกไม่ได้แล้วว่าสิ่งที่เขาเจอนั้นเป็นเรื่องจริง เขาสวมกอดภรรยาแนบแน่นแล้วสะอื้นไห้ด้วยกัน ด้วยรู้แล้วว่าลูกชายของพวกเขายังมีชีวิตอยู่ในรูปของดวงวิญญาณ ได้รู้แล้วว่าคนเรานั้นมิใช่แค่ร่างกาย แล้วเราไม่มีวันตายหายไปจากโลกนี้จริงๆหรอก
หลังจากถ่ายทอดบอกต่อข้อมูลที่เต็มไปด้วยความรู้สึกและถูกต้องแม่นยำได้สักพัก ซีเลียก็ขานชื่อผู้ชายคนหนึ่งที่เพิ่งถูกยิงเสียชีวิต 𝟯 อาทิตย์ก่อนหน้านี้ออกมา ภรรยาของชายที่ถูกฆ่าตายกับลูกชาย 𝟮 คนซึ่งเป็นหมอก็เดินมาที่โพเดียม
สารที่ซีเลียบอกออกมาเต็มไปด้วยรายละเอียดส่วนตัวทั้งสิ้น แล้วเธอก็บรรยายเหตุการณ์การยิงกับขั้นตอนที่แพทย์พยายามช่วยชีวิตหลังจากนั้น หญิงชราพูดศัพท์สูงๆของแพทย์ ซ้ำยังเอ่ยไปถึงเรื่องประณีตลึกซึ้งมากของควอนตัมฟิสิกส์ด้วย ผมสงสัยว่าซีเลียไม่น่าจะเคยฝึกฝนร่ำเรียนมาทางแพทย์หรือฟิสิกส์มาก่อนเลย ล่ามของผมช่วยยืนยันข้อนี้ได้ว่าไม่เคย
ช่วงที่ชายผู้ตายส่งความรักมายังครอบครัวของเขา ทั้งสามสวมกอดกันแน่นแล้วร้องไห้ คนทั้งห้องต่างรับรู้ถึงประสบการณ์การเยียวยาหัวใจที่พวกเขาได้รับกันถ้วนหน้า
ซีเลียยังไม่เสร็จภารกิจ เธอมีสารแห่งจิตวิญญาณที่ต้องบอกต่อให้รู้
✨ “เขาซาบซึ้งในความเห็นใจและความรักของคุณมาก แต่เขาก็อยากให้พวกคุณให้ความเมตตาต่อผู้ชายที่ยิงเขาตายด้วย จงปล่อยความโกรธแค้นของคุณทิ้งไปเสียเถอะ ผู้ชายคนนี้เขายังอยู่ในระดับจิตที่ต่ำกว่าเราอยู่เลย เขายังไม่เข้าใจกฎของจิตวิญญาณหรอก เดี๋ยวเขาจะต้องชดใช้หนี้การกระทำของเขาอย่างหนักเลยทีเดียว เพราะว่าเขาไม่รู้จึงต้องมีใครช่วยเขาที คุณช่วยสวดภาวนาให้คนคนนี้ด้วยเถอะ เขาไม่เข้าใจดีชั่ว เพราะอย่างนั้นเราไม่ควรไปพิพากษาเขา” ✨
หลังจากซีเลียอ่านชีวิตไปได้ราว 𝟲𝟬-𝟳𝟬 คนแล้วเธอก็ขอพัก มีคนพาผมไปที่ห้องเล็กห้องหนึ่งพร้อมกับคนอื่นอีกราวสิบกว่าคน ซีเลียกำลังนั่งพักอยู่บนเก้าอี้ ส่วนผมก็มีคนแนะนำให้เธอรู้จักว่าเป็นหมอมีชื่อ มาจากอเมริกา เขียนหนังสือและบรรยายเกี่ยวกับเรื่องกลับชาติมาเกิดและเรื่องทางจิตวิญญาณแขนงอื่นอีก ดูจากที่ซีเลียสอบถามผมเรื่องการงาน เห็นชัดเลยว่าเธอไม่เคยรู้จักตัวหรือรู้จักงานของผมมาเลย แล้วเธอก็ให้พรผมเรื่องงาน ส่วนผมก็ชมเชยความสามารถของเธอ เราสองคนเห็นตรงกันว่า #รักไม่มีเงื่อนไข★ เท่านั้นที่สำคัญแท้จริง
★ รักไม่มีเงื่อนไข (𝘂𝗻𝗰𝗼𝗻𝗱𝗶𝘁𝗶𝗼𝗻𝗮𝗹 𝗹𝗼𝘃𝗲) เป็นพลังงานที่ทรงพลังมากที่สุดในสากลจักรวาล แต่มนุษย์เข้าใจได้น้อยที่สุด เพราะเป็นเรื่องยากที่สุด รักไม่มีเงื่อนไขไม่ใช่ที่เราเข้าใจผิดว่า “ถึงเธอจะเลวกับฉันอย่างไรก็ยังรัก” แต่เป็นความรักแท้ที่มาจากหัวใจอันบริสุทธิ์ที่สุด โดยพร้อมจะให้ความรักแก่คนที่เรารักโดยไม่ตั้งข้อแม้เงื่อนไขให้แก่เขาเพื่อเติมเต็มอัตตาของตัวเราเอง เช่น ถ้าเธอรักฉันจริง เธอต้อง... เธอต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ก่อนฉันถึงจะรัก ฯลฯ ปราศจากความคาดหวังใดๆ เช่น เธอต้องรักฉันตอบมากกว่าที่ฉันรักเธอ, ถ้าเธอไม่รักฉัน ฉันก็จะไม่รักเธอ ฯลฯ และไม่หวังสิ่งใดเป็นการตอบแทน เพราะแค่การได้รักก็เป็นสุขอย่างยิ่งใหญ่ อิ่มเต็มในหัวใจแล้ว
นี่คือต้นตอที่มาของการ ‘ไม่ตั้งเงื่อนไข’ ‘ไม่คาดหวัง’ ‘ไม่หวังสิ่งใดตอบแทน’ ไม่มี 3️⃣ ข้อนี้ในใจ ความรู้สึกนั้นก็เป็นแค่รักที่มีแต่เงื่อนไข และรักที่มีเงื่อนไขไม่ใช่ความรัก แต่เป็นแค่สิ่งที่พุทธศาสนาสอนว่า คือ “กิเลส ความยึดมั่นถือมั่น” เท่านั้นเอง : ผู้แปล
ทันใดนั้น โดยที่น้ำเสียงหรือจังหวะพูดไม่แปรเปลี่ยนแม้สักนิด ซีเลียก็เริ่มถ่ายทอด ‘สาร’ ให้ผมรับรู้
“อดัม ลูกชายของคุณอยู่ตรงนี้ด้วย เขาอยากให้คุณรู้ว่าตอนนี้หัวใจของเขาอยู่ถูกตำแหน่งแล้ว เขาคอยดูแลปกป้องรักษาจอร์แดนน้องชายเขาอยู่ แล้วก็คุ้มครองน้องสาวที่ชื่อเดียวกับพ่อคุณด้วย เขาส่งความรักมาให้แม่ของเขา แคโรลี (เธอออกเสียงแคโรลว่า แค-โร-ลี) การที่เขาต้องตายเป็นเหตุสำคัญมาก คือ ช่วยนำสันติสุขและใจอันสงบมาให้คุณผ่านทางเรื่องงาน”
ทั้งคุณพ่อและคุณลุงของแคโรลที่สิ้นไปนานหลายปีมาแล้วเป็นแค่สองคนจริงๆที่เรียกชื่อเธอแบบนั้น จนกลายเป็นชื่อเล่นที่พ่อและลุงตั้งให้เธอไปเลย
กระแสเสียงของซีเลียเปลี่ยนโทนนิดหนึ่ง เธอพูดจริงจังขึ้นกว่าเดิมว่า
“งานด้านจิตวิญญาณของหมอมาถูกทางแล้ว ทำได้ถูกต้องดีแล้ว อย่าหมดกำลังใจนะ...ให้ทำต่อไป งานนี้ช่วยคนไข้ทุกหนทุกแห่ง ข้ามไปถึงอีกภพด้วยซ้ำ เดี๋ยวงานจะขยายใหญ่โตขึ้นอีกมากเลย”
ยามที่ถ้อยคำของซีเลียซึมซาบเข้าไปในสมองและหัวใจของผมอยู่นั้น ผมก็จำสารที่แคธรีนเคยบอกไว้เมื่อ 𝟭𝟳 ปีก่อนขึ้นมาได้ เป็นสารจากคุณพ่อและอดัมลูกชายของผม ที่ประทับใจและเปลี่ยนชีวิตผมไปสิ้นเชิง 𝟭𝟳 ปีให้หลังความหนาวเยือกแล่นเข้าจับร่างผมอีกครั้ง
ผมรู้ดีว่าซีเลียไม่เคยรู้เรื่องผมทั้งเรื่องที่บ้านหรือเคยอ่านงานเขียนของผมเลย ความแม่นยำของเธอทำเอาผมขนลุก
ผ่านชีวิตมานานขนาดนี้ ผมไม่เคยมอง “เรื่องปาฏิหาริย์” เป็นเรื่องเล่นๆ
ซีเลียไม่รู้หรอกว่าหลายครั้งหลายคราที่ผมรู้สึกหมดกำลังใจจริงๆ เพราะตัวงานทำให้ผมห่างลูกและภรรยา ห่างเพื่อนฝูง เพราะผมไม่สามารถช่วยคนที่มาขอให้ช่วยมากมายดังใจคิด และก็เพราะกระแสโจมตีทั้งจากนักวิจารณ์และจากกลุ่มคนที่ไม่เชื่อเรื่องนี้โหมเข้ามา คำพูดของซีเลียเหมือนช่วยฟื้นฟูใจ ทำให้ดวงวิญญาณของผมสดชื่นแจ่มใสขึ้นอีกครั้ง
ผมกับคนอีก 𝟴𝟬𝟬 คน กำลังร่วมรู้เห็นประสบการณ์อันยิ่งใหญ่ด้วยกัน ตอนที่ผมเดินกลับไปที่ห้องใหญ่ ผมรู้สึกได้เลยถึงพลังงานอันเปี่ยมรักและแสนสงบสันติแผ่เต็มไปทั่วสถานที่ ผมมีโอกาสได้คุยกับสี่ครอบครัวที่ได้รับสารซึ่งผมเขียนเล่าไว้แล้วตอนต้นเรื่อง พวกเขาไม่เคยเจอและไม่เคยพูดกับซีเลียหรือทีมทำงานของเธอมาก่อนเลยจนนาทีที่ซีเลียเรียกเข้าไปพบนั่นแหละ
เช้าวันรุ่งขึ้นผมก็โทรศัพท์ไปหาเพื่อน ขอบคุณที่เขาพาผมไปพบกับซีเลีย เพื่อนเลยเล่าให้ฟังว่าหลังจากผมไปแล้วเขาได้คุยกับซีเลียอีก เธอบอกเขาว่ามีดวงวิญญาณอีกมากมายหลายดวงคอยดูแลผมตอนที่ผมอยู่ในห้องนั้นกับเธอ หลายดวงที่พยายามส่งสารผ่านมายังผมให้ได้ แต่เธอไม่อยากให้ผมต้องรู้เรื่องหรือรับอะไรมากจนเกินควร เธอก็เลยหยุดแค่สารจากอดัม พอได้ฟัง คลื่นความผิดหวังก็โถมใจ เพราะผมอยากได้ยิน อยากได้ประสบการณ์มากขึ้นกว่านี้อีกมากๆ แต่จะว่าไปแล้วผมก็สุขใจนักกับสิ่งที่ผมได้รับรู้ ได้ยินได้ฟังมาตลอดวันเต็ม ความผิดหวังจึงพอค่อยจางลงบ้าง
(มีต่อ)
โฆษณา