23 ม.ค. 2022 เวลา 12:21 • ความคิดเห็น
Success Story เริ่มต้นที่อเมริกาเพราะอะไรจึงไปจบที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้
ขึ้นต้นว่า Success มันก็ต้องแปลว่าสำเร็จสิ จะแปลเป็นอื่นไปได้อย่างไรเนอะ
ภาพจากผู้เขียน
เรื่องเกิดเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้วค่ะ แต่ก็ยังจำทุกความรู้สึกที่เกิดขึ้นไม่เคยลืม
เพราะเรื่องนี้ทำให้เราต้องไปนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวเดียวที่ตั้งอยู่ต่อหน้าท่านผู้พิพากษาทั้ง 3 ท่าน และต้องกล่าวคำปฏิญาณตนสาบานว่าจะพูดแต่ความจริงในศาลแพ่งกรุงเทพใต้
จำได้ดีว่าวันนั้นอ่านคำปฏิญาณตนที่ถูกแปะไว้ด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น ปากสั่น ขาสั่นจนแทบจะคุมตัวเองไม่อยู่ ระหว่างกล่าวคำปฏิญาณก็สบตากับผู้พิพากษาแบบไม่กล้ากระพริบเลยทีเดียว
ฉันแค่มาเป็นพยานฉันไม่ได้ฆ่าใคร นั่นคือคำปลอบใจตัวเองให้คลายความสั่นเทา
1
เมื่อควบคุมตัวเองได้ ก็ตั้งใจฟังคำถามและตอบผู้พิพากษาแบบเสียงดังฟังชัด (คิดว่าดังและชัดนะ….ก็คนมันสั่นอ่ะเนอะ)
เหตุที่ต้องไปขึ้นศาลนั่นเพราะว่าสินค้าที่เราสั่งซื้อด้วย INCOTERMS : FCA USA Port เกิดความเสียหายค่ะ
1
การขนส่งในครั้งนั้นเราตัดสินใจซื้อประกันภัยกับทาง Freight Forward เพราะความเชื่อมั่นที่มีให้กัน ว่าเมื่อเกิดปัญหาเขาจะเป็นผู้ดูแลงานให้เราได้
แต่เมื่อเกิดความเสียหาย และตรวจสอบกันทุกทาง ไล่เรียงกันตั้งแต่รถที่ใช้ขนส่งจากหน้าโรงงานของผู้ขายไปจนถึงสถานที่ส่งสินค้า ไม่มีภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อเอาผิดทางรถขนส่ง
มีแต่เอกสารการเซ็นต์รับสินค้าที่บ่งบอกว่าทุกอย่างอยู่ในสภาพดี จากเจ้าหน้าที่ของ Freight Forwarder ที่อเมริกาซึ่งเป็นเพียงพนักงานรับสินค้า เอกสารตัวนี้ทำให้ผู้ขายพ้นจากภาระที่จะต้องรับผิดชอบ
และนั่นหมายความว่าภาระความรับผิดชอบตกไปอยู่ที่ประกันภัยที่ได้ทำไว้กับทาง Freight Forwarder แต่ด้วยมูลค่าของสินค้าที่สูงทำให้การเคลมประกันภัยเกิดความยุ่งยาก และเมื่อตกลงกันไม่ได้ก็ต้องไปเจอกันที่ศาล
เราในฐานะผู้ติดต่อประสานงานกับทุกส่วน และเป็นผู้วงกลมความเสียหาย บนภาพของสินค้าที่ถูกส่งมาทาง e-mail เองกับมือ
จึงต้องไปเป็นพยานเพื่อให้ข้อมูล เห็นภาพของสินค้าแล้ว ต้องบอกว่า สภาพพพพ!!! พร้อมกับเอามือกุมขมับ
1
บทสรุปของกรณีนี้คือ
เราเคลมประกันได้เพียงบางส่วน และสินค้านั้นก็ไม่ได้ถูกส่งมาเพราะทางเราประเมินแล้วว่าหากส่งมาการทำงานก็อาจจะมีปัญหา ไม่คุ้มค่ากับที่จะต้องตามไปซ่อมบำรุงให้กับลูกค้า…. จบแบบเจ็บ ๆ !!
และเมื่อปลายปีที่ผ่านมานี้ค่ะคุณผู้อ่านขา…….
เราต้องสั่งสินค้านี้เข้ามาอีกแล้วววว
จะปฏิเสธไม่ทำก็ไม่ได้เพราะเจ้านายขายงานได้แล้ว
ครั้งนี้เราสั่งตีลังไม้แบบโคตรหนาแน่นค่ะ เอาแบบว่าตกน้ำไม่ให้ไหลตกไฟห้ามไหม้เลยทีเดียว
การซื้อขายยังคงเป็น FCA USA port มาทางเรือเหมือนเช่นเคย แต่ครั้งนี้เราเลือกใช้ประกันภัยที่เรามีและค่อนข้างมั่นใจในศักยภาพให้ดูแลงานนี้
เรียกได้ว่าทำประกันซ้อนประกันไปถึงหน้าโรงงานของผู้ขายเลย รวมไปถึงเปลี่ยน Freight Forwarder เป็นอีกทีมและย้ำกับทุกฝ่ายทั้งผู้ขายและผู้รับที่อเมริกาให้ถ่ายรูปทุก step ของการทำงานเพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานหากมีอะไรเกิดขึ้น
และในที่สุดสินค้าแสนรักแสนห่วงของเราก็มาถึงโกดังของเราแบบสวย ๆ ค่ะทุกคน เราดีใจจนน้ำตาจะไหลอยากกอดดดดด และผู้ขายเขาตีลังไม้แบบแน่นหนามาก มากจนคนเปิดจะถอดใจ
(ถ้าตีแบบนี้ตั้งแต่เมื่อ 3 ปีที่แล้วเราก็ไม่ต้องทำเงินแสนหายแล้วเนอะ )
เรื่องนี้เรียนรู้ว่า …..
-เมื่อเส้นทางของการทำงานไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเราต้องเพิ่มความระมัดระวัง ปิดให้ครบทุกประตูของความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น
-แม้จะเจ็บปวดจากบาดแผลเก่าและหวาดกลัวแค่ไหน แต่เราก็ต้องเดินหน้าต่อไป
-การขึ้นศาลแพ่งไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แต่ชีวิตนี้ขอครั้งนั้นครั้งเดียว
- หากเกิดข้อผิดพลาดหรือปัญหาในการทำงาน เราต้องพร้อมที่จะให้อภัยตัวเอง และก้าวต่อไปด้วยหัวใจที่แข็งแกร่งกว่าเดิม
ขอบคุณประสบการณ์ในครั้งนั้นที่ทำให้ได้ไปกินข้าวแกงอร่อย ๆ ที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้นะ แต่ทีหลังไม่ต้องข้าวแกงแถวออฟฟิศเราก็อร่อยไม่แพ้กันเด้อ
พักเรื่องงานไปอ่านเรื่องเที่ยวได้ที่นี่ค่ะ
แล้วพบกันใหม่ในบทความถัดไป
เจ้ากระต่ายขี้เซา :
ฝันจะนั่งรถไฟไปทรานส์ – ไซบีเรีย
รักการเขียนและการเล่าเรื่อง
และกำลังฝึกการเขียนนิยาย

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา