14 ก.พ. 2022 เวลา 05:49 • ความคิดเห็น
Series Roadtrip 3วัน2คืน คนเดียว ณ ปิล็อกหุบเขาแห่งสายลม 🌄🏞️🍃
Ep.2
ผมพักกินข้าวชาดเเบตเเละพร้อมออกเดินทางอีกครั้ง​ รีบขี่เพื่อให้ไปถึงก่อนมืด​ ทางก็ไกลซะเหลือเกิน​ อ.ทองผาภูมิ​ สุดของกาญจนบุรี​ บางทีขี่ไกลๆนานๆ​ก็เเวะพักกินเวลาเข้าไปอีก
ตอนที่ถึงระยะทาง​ 80 โล​ ผมคิดชะล่าใจไปว่ายังไงก้คงถึงก่อนค่ำ​ เเต่ความเป็นจริง​ ตอนขึ้นตีนเขาไปเรื่อยๆ​คือเห็นเส้นทางมันขนาดนี้เลย​ เเอบน่ากลัว​
เป็นเส้นทางขึ้นเขา​ ถนนไม่ใหญ่​ เลนเดียว​ ทางขรุขระ​ ทางชัน​ สลับ​ ลงราบ
ผมใช้เวลาขี่นานมากเพราะ​ทางมันเป็นอย่างงั้น​ อีกอย่างต้องค่อยๆไป​ กว่าจะผ่านไปที่ละโล​ คือ​ นานจริงๆ
ไอที่อยู่ในหัว​เหลือ​80โลชิลด์ๆ​ คือ​หายไปหมดเลยย​555555​ พอขี่ไปเรื่อยๆ​ จากเย็นสว่างเเสงเริ่มหาย พระอาทิตย์ค่อยๆตก​ ในใจคือหวั่นๆเเล้ว​ เเต่ก็ต้องตั้งใจขี่​ ทำเวลาที่สุด
จังหวะนั้นเจ๊โฮม​ สเต เด้งข้อความมาบอกให้รีบมาถึงไหนแล้ว​ ข้างบนมืดไว เราก็กังวลสุดๆ​รีบสุดๆ​ แต่มันขี่ได้เ่านี้จริงๆ​
เพลงบูรธูธที่ฟังชิลด์ระหว่างทางๆ​ ที่ในใจกลัวๆ​ กลับแบตหมด​ อยู่ในสถานการณ์ที่สองข้างป่ากำลังขึ้นเขา​ มาตัวคนเดียว​ คันเดียว​
ไอเหี้ยยยยยยย ชิบหายเเล้ว​ ในใจตอนนั้นบรรยากาศแบบน่ากลัวสุดๆ​ น่ากลัวมาก​ให้​100​ เต็มร้อยเลย
เสียงของป่าข้างทางไม่มีใครผ่านไปมา​ มีแต่ความมืดยิ่งขึ้นยิ่งกลัวยิ่งหวั่น
เราพยายามกลั้นใจ​ บอกกับตัวเองอึดใจเดียวๆ​ ใกล้ถึงเเล้ว​ สู้หน่อยๆมาขนาดนี้เเล้ว
เเล้วก้ฮัมเพลงสร้างบรรยากาศให้ตัวเองกลัวน้อยลง
ตลอดระยะเวลาเกือบๆชม.​ ที่นี่ตอนมืด​ บอกอึดใจประมาณ​ 10​ กว่ารอบได้​ ระหว่างขึ้นยังสูงยิ่งขึ้นยิ่งน่ากลัวเเบตมือถือดันมา เหลืออยู่​ 10`%
ที่กลัวคือกลัวรถยางเเตกติดต่อใครไม่ได้ยิ่งคิดก็ยิ่งกลัวไม่อยากให้เกิดสถานการณ์อย่างนั้น
มันพีคจริงๆน่ากลัวสุดๆที่ทำใจหวั่นไหวได้​ ทุกครั้งที่เราออกเดินทางเราจะเจอเรื่องที่​ พีคๆงี้ตลอดเลย​หรอ​ 555555​ ขำกับตัวเอง
สักพักนึงถึงปากทางเข้าความรู้สึกเหมือน​ นักวิ่งกำลังเข้าเส้นชัย​
'' ไอเหี้ยยยยกูรอดแล้วโว้ยยยยยย​''
มือสั่นเมื่อยล้ามาก
ผมโทรติดต่อบ้านพักถา มทาง​ เขาบอกตรงเข้าไปอีก​ 3​ โลจะถึง​ แต่ที่ขัดใจคือป้าเจ้าของบอกป้าไม่อยู่นะ​ เข้าไปได้เล​ พอดีติดธุระ​ เสียบกุญเเจห้องไว้เเล้ว
ผมขับไปจอดที่โฮมสเตจอดรถ​ คิดในใจถึงสักที​ เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว​ เพลียมาก
ป้าเเนะนำว่ารีบไปหาไรกินก่อน​ 2​ ทุ่ม​ เพราะเดี๋ยวปิด​ ผมไปถึงเกือบทุ่มครึ่ง​ ขึ้นไปดาดฟ้าห้องที่จองไว้​
เป็นห้องน็อคดาวไม่ใหญ่มาก​ ผมเครียของ​ จัดของ​ เปลี่ยนกางเกง​ ล้างหน้าล้างตา​ พักสักนิดก่อนลงไปหาอะไรกินตามที่เขาเเนะนำ
ผมลงไปเจอพี่ผช​มากับพี่ผญ​ คู่กันกำลังนั่งเล่นเขาอยู่ห้องข้างล่างเราทักทาย
บอกผมพึ่งถึงก็กี้เอง​เขาก้เเนะนำรีบออกไปหาไรกินก่อนจะปิด
เราขี่รถลงไปตามทางตลาดหมู่บ้าน​บ้านพักที่ผมพักชื่อว่าบ้านเหมืองปิล็อก​ จะอยู่ตรงข้ามกับโรงพยาบาลในหมู่บ้าน​เข้ามาจากปากทางเรื่อยๆจะเจอเลย​ เเล้วขับไปหน่อยจะถึงหมู่บ้านเเอ่งน้ำตลาด
ผมไปเจออยู่ร้านนึงที่เปิดร้านแดงๆ​ 2​ ชั้น​ เลยขึ้นไปหาไรกิน​สั่งกระเพราะจาน​ อากาศวิวดาดฟ้าของร้าน ที่เห็นเเอ่งน้ำของหมู่บ้านสวยมาก​ ลมหนาวเย็นชิบเป๋งอากาศที่นู้นคือสั่นตัวสั่น​กินข้าวแบบว่าหิวสุดๆ​
จริงๆอารมณ์ตอนนั้นคืออยากนอนอย่างเดียวเพราะเหนื่อยแต่กลัวตกดึกจะหิว
มีรุ่นน้องที่เเนะนำกลุ่มที่มีที่พักที่ปิล็อก
เจอกลุ่มไปดูโฮมสเตก็ได้ที่พักที่จองไว้นี้มา​ผมพักอยู่​ ชื่อว่าบ้านเด็กเหมือง
หลังจากดูวิวกินข้าวเสดอิ่มๆ​ผมถามป้าร้านข้าวละก็มีลุงขี้เมาคนนึง
ป้าๆตะเกียงที่เขาขายอยู่ส่วนไหนป้าบอกในตลาดเยอะเเยะ (ตะเกียงที่เป็นเอกลักษณ์ของที่ต้องมีที่นี้ เห็นโต๊ะข้างๆหิ้วมา555)
ผมพึ่งมาถึงที่นี่ครั้งแรกคนเดียว​ ทางขึ้นมาสุดมากน่ากลัว
ลุง​ : ลุงขึ้นมาตี​3​ตี4​ ทุกวันไม่เจออะไรหรอก
ป้า​ : ก้ลุงเป็นคนที่นี้นี่หน่า
ผม​ : เออใช่​ กูพึ่งมาไงเเหม่​ (คิดในใจ)
ลุงเมามากๆ​ พูดไม่รู้เรื่องก้พูดนั้นนี้พยายามเจข้าใจเเต่ก้ไม่รู้เรื่องละมันก้ออกแนวลำคาญ​จึงขอตัวไปเดินเซอร์เวย์สักหน่อย
ระหว่างเดินไปดูร้านต่างๆ​ บรรยากาศเงียบมากไร้ผู้คน​ ก็ล่อมาช้ากว่าจะกินข้าวเสด
ผมเดินเซอร์เวยไปเรื่อนดูร้านต่างๆเมืองบรรยากาศยามดึก​ ผู้คนที่อยู่กินกันหน้าริมโฮมสเตบ่อน้ำ​ ริมสระน้ำใหญ่ๆของหมู่บ้าน​ ไปบังเอิญผ่านลุงขี้เมาคนเดิม​ ละเเกก็เข้ามาคุย
เราก็พยายามคุยกะเขา​ แบบสั้นๆไม่อยากเสียเวลามาก​
จับใจความได้ว่า ลุงพยายามบอกเราว่า​ พักอยู่ที่ไหนถ้าไปเนินช้างศึกเดี๋ยวพาขึ้น​ เหมือนเเต่ก่อน​ มันไม่มีรถสองเเถวพาขึ้น​ อันนนั้นพม่ามันเขามาหาเงิน​ เก็บคนละ​ 50​บาทอะไรทำนองนี้​ เราก็ถามความเป็นมานิดๆหน่อยๆ​
จริงๆเเล้วมันเดินขึ้นไปได้อะไรทำนองนั้น
จากนั้นผมก็เดินเซอร์เวย์ทางกลับไปเจอยายคนนึงหน้าคุ้นๆ​ จำได้ว่า​ คือยายคนที่​ พี่เบ้นซ์ไกจินเคยคุยด้วยในคลิปเขาลองไปหาดู​ที่เยามาปิล็อก​ ผมเลยเขาไปทักทายคุยกับยายเเก
บทสนทนาที่คุยกันค่อนข้างนานเหมือนกัน​ เพราะยายก็พูดนู้นนี้เราก้ได้สัมผัสกับคนที่อยู่ในหมู่บ้านนี้มานานแบบยาย​
ที่จำได้คือ​ เขาพูดว่าทำนองเหมือนลุงขี้เมาคนนั้น​ ว่าเหมือนไม่ชอบที่คนพม่ามาทำมาหากินเก็บเงินคนไทยพาขึ้นที่ไปทางเนินช้างศึกแบบนี้​ จริงๆมันเป็นของคนไทย
ซึ่งรู้สึกได้ของการหวงเเหนมุมมองที่เขาอยู่มานานมันเป็นของคนไทยเเต่เอาตังให้พม่าไรทำนองนี้​ยายบอกว่าเอารถเครื่องขึ้นได้หลบหลุมหน่อย​ เพราะทางนั้นมันเป็นหลุม
รถคุณก็ขึ้นได้เเเต่ไม่ไดยัดเยียดให้เอาขึ้นไปนะ​ ต้องชำนาญจริงๆ​อย่างรถเครื่องเล็กๆ​ มันสบายกว่า
ผมคุยกะเเกจนขอเก้าอี้มานั่งมีอยู่คำนึงที่ออกมาจากปากเเกเเล้วผมประทับใจมาก​ คือ
" ทางอยู่ที่ปาก​" เรามาเราไม่รู้ก็ถามนู้นนี้
ผมนึกถึงเเม่ผมเลย ณ​ วินาทีนั้น​ เเม่ผมเคยสอนผมไว้เหมือนกันคำนี้เลย​ว่าไปไหนมาไหน​ ทางอยู่ที่ปาก​มีปากก็ถามเขา ไม่หลงหรอก
มีเรื่องนึงที่รู้มาคือ​ แต่ก่อนไม่ใช่ผู้ใหญ่บ้านคนนี้​ นี้คนใหม่เป็นผู้หญิง​ เขาเป็นลูกครึ่งพม่า
ไม่รู้เหมือนกันว่าอาจจะเป็นอะไรๆหลายๆอย่างของหมู่บ้านนี้เปลี่ยนไป​ ตามกาลเวลา​ การเมือง​การสนับสนุนชาวพม่าได้มาทำมาหากิน​ ได้รับประโยชน์อิทธิพลจากผู้ใหญ่บ้านคนนี้
ซึ่งผมก็พอได้รับรู้​ก็เออทุกวันนี้มันเปลี่ยนไปยังไง​เรื่องราวประวัติต่างๆ​ สเน่หห์ต่างๆแบบหมู่บ้านแต่ก่อนเป็นยังไงก้มาสัมผัสไม่ทัน​ เสียดายเหมือนกัน
เอาจริงๆจำได้ไม่ได้มากเลยมาเขียนได้ไม่เยอะคุณยายเล่าให้ผมฟังหลายๆอย่างมากก่อนจะาเขากลับไปที่พักเพื่อพักผ่อน
เณ​ ตอนดึกขึ้นมาถถึงที่พักเเล้วจะอาบน้ำ​ คือเครื่องทำน้ำอุ่นเปิดไม่ได้​ ที่พีกอีกเเล้ว​ อากาศแบบนี้เเม่เจ้า​ ไฟในห้องเปิดไม่ติด ก่อนออกมารีบเปิดทิ้งไว้
ตอนอาบน้ำมีเรื่องน่าตื่นเต้นอีก
คือมันมีตักเเตนตัวใหญ่มากๆๆๆๆๆ​ แบบไม่เคยเ็นมาก่อนในห้องน้ำ​ เราก้กลัวว่ามันจะเข้ามาต่อยเรามั้ยเลยสาดน้ำให้มันตกพอมันตก​ มันก้ค่อยๆไต่มาเหมือนเดิม
ก็เลยต้องอาบไประเเวงไปเเบบลุ้นๆ​ตัวสั่นหนาวไปด้วย​ 55555
เพออาบเสดเปลี่ยนชุดเเต่งตัว​ ลงไปชงโอวันติ​ที่พักมีไว้ให้​ ขึ้นมาจุดบุหรี่​ มองวิวละนึกถึงตอนที่ไปเดินเซอร์เวย์
เอืมมมม นั่งคิดอยู่ในใจเหมือนความพยายามที่เราตั้งใจมาเดินทางทั้งวัน​ มันโครตจะคุ้มค่าเลยหวะ​ เหมือนได้รับรางวัลอะไรบางอย่าง​ ถ้าเปรียบเทียบกับการเเข่งขัน
มันเป็นความรู้สึกที่โครตภูมิใจเลย​บรรยากาศ​ หนาวๆ​ ลมเย็นๆ​วิวสวยๆ​ ที่อยู่ข้างหน้าในคืนนี้
ลองนึกว่าเราท้อคงไม่ได้มาเห็นอะไรเเบบนี้ในชีวิตหรือไอคำที่พูดกับตัวเองอึดใจเดียว​หลายๆรอบตอนขึ้นมา เพื่อทำให้เราสู้ต่อ
จึงได้รับรู้ว่าการที่ลำบากทำอะไรสักอย่างที่มันยากที่จะได้มาพอมันได้รับแล้ว​ รู้สึกคุ้มค่ากับความพยายามนั้นจริงๆ
หลังจากคืนนั้น​ ลมปะทะเหมือนกับส่งข้อความบอกนัยๆว่า​เป็นรางวัล
เเละเรื่องราวในหมู่บ้านเเห่งนี้กำลังรอเราออกไปค้นพบในวันต่อไป.....
โฆษณา