Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ChristianThai
•
ติดตาม
19 ม.ค. 2022 เวลา 14:30 • การศึกษา
อะไรคือสิ่งที่มนุษย์เราทุกคนต้องการมากที่สุดในเวลานี้?
What do you want ?
ก่อนที่จะตอบคำถามข้างต้นนี้ ขอให้เรามาดูนิทานเรื่องหนึ่งกันก่อน... นานมาแล้วมีชายคนหนึ่ง เขาได้ทำผิดกฎหมายอย่างร้ายแรง จึงถูกจับขังไว้ในคุก ในที่สุดก็ถูกพิพากษาตัดสินใจให้ประหารชีวิต และในคืนวันสุดท้ายก่อนที่เขาจะถูกประหารชีวิต ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความทุกข์ เขาจึงนั่งอย่างหมดอาลัยตายอยาก...
ขณะนั้นเองได้มีเพื่อน 4 คนเดินทางมาเยี่ยมเขา ซึ่งนายคุกได้อนุญาตให้เข้าไปเยี่ยมได้ครั้งละ 1 คน... และ
เพื่อนคนที่ 1 ก็ได้เข้ามาเยี่ยมพร้อมกับปิ่นโตใส่อาหารมาด้วย แล้วพูดกับเขาว่า
“เพื่อนเอ๋ย...เราสงสารนายมาก นี่แน่ะ... เราได้นำเอาอาหารอร่อย ๆ ที่นายชอบที่สุดมาให้นาย”...
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเขาจึงพูดว่า “นายเอาอาหารอร่อย ๆ มาให้ฉัน มันจะมีประโยชน์อะไรกัน เพราะพรุ่งนี้ฉันก็จะต้องตายแล้ว ฉันกินไม่ลงหรอก!”... เมื่อเพื่อนคนที่ 1 ออกไป
เพื่อนคนที่ 2 ก็เข้ามาพร้อมกับเงินถุงหนึ่ง แล้วพูดกับเขาว่า
“เพื่อนเอ๋ย!... ฉันรักนายมากนะ ฉันก็เลยเอาเงินมาให้นายใช้” ... เขาจึงพูดว่า“โธ่เพื่อนเอ๋ย!... ถ้าเงินนี้มันซื้อชีวิตให้ฉันได้ก็คงดี แต่มันซื้อชีวิตให้ฉันไม่ได้เลย
ตอนนี้ฉันได้มัน จะมีประโยชน์อะไร เพราะพรุ่งนี้ฉันก็จะตายแล้ว”... เพื่อนคนที่ 2 ก็ออกไป และ
เพื่อนคนที่ 3 ก็เข้ามาเยี่ยมพร้อมกับนำหนังสือมาหนึ่งเล่มแล้วบอกกับเขาว่า...
“เพื่อนเอ๋ยเราเห็นใจนายมากจริง ๆ... ทำใจดี ๆ นะ... ฉันได้เอาคู่มือในการใช้ชีวิตอยู่ในโลกอย่างมีความสุขมาให้นาย”... เขาจึงพูดขึ้นว่า “โธ่เอ๋ย! จะมีประโยชน์อะไรกันเล่า? ในเมื่อวันพรุ่งนี้ฉันก็จะตายแล้ว”...
และแล้วเพื่อนคนสุดท้ายก็เข้ามาพร้อมกับกระดาษแผ่นหนึ่ง เมื่อชายคนที่ติดคุกเห็นดังนั้นจึงรีบพูดว่า
“เพื่อนเอ๋ย! ขอบใจที่นายมาเยี่ยม แต่นายไม่ต้องเอาอะไรมาให้ฉันหรอก มันไม่มีประโยชน์อะไรทั้งนั้น เพราะพรุ่งนี้ฉันก็ต้องตายแล้ว” แต่เพื่อนคนสุดท้ายรีบบอกว่า
“เพื่อนรักเอ๋ย!... แน่นอนที่ใครจะเอาอะไรมาให้นายเวลานี้ก็ไม่มีประโยชน์ทั้งสิ้นแต่สิ่งที่ฉันเอามาให้นายนั้นมีประโยชน์ และเป็นสิ่งที่นายต้องการมากที่สุดในตอนนี้ ...
เขาจึงถามเพื่อนว่า“สิ่งที่นายหมายถึงนั้นมันคืออะไรล่ะ?”.... ใบอภัยโทษจากพระราชาไงล่ะ!...
ฉันได้ไปทูลขอพระองค์อภัยโทษให้แก่นาย เพียงแต่นายมาเซ็นชื่อในใบนี้เท่านั้น นายก็จะไม่ต้องถูกประหารชีวิต และไม่ต้องติดคุกอีกต่อไป”....
ทันใดนั้นใบหน้าของชายคนนั้นที่เคยเต็มไปด้วยความเศร้าโศก ก็กลับเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความชื่นชมยินดี แล้วเขาก็รีบเซ็นชื่อในใบอภัยโทษนั้นทันที
ผู้อ่านที่รัก... ถ้ามนุษย์เรามีชีวิตอยู่เพียงแค่ในโลกนี้และเป็นชีวิตที่ยืนยาวตลอดไปเป็นนิจนิรันดร์
สิ่งที่มนุษย์ต้องการมากที่สุดก็ต้องเป็น อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย หรืออาจจะเป็นคู่มือในการใช้ชีวิตอยู่ในโลกให้มีความสุข แต่เพราะเหตุที่คนเราอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวและหลังจากที่เราจบชีวิตในโลกนี้แล้ว ชีวิตหลังความตายมันยาวนานเป็นนิรันดร์
ดังนั้นมนุษย์เราจึงจำเป็นต้องมีการเตรียมพร้อมที่จะไปเผชิญกับชีวิตหลังความตาย ซึ่งเราก็ทราบกันดีอยู่ว่ามนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาที่จะได้ไปอยู่สวรรค์กันทั้งสิ้น
แต่ผู้ใดเล่าที่จะเป็นผู้ตัดสินว่าใครจะได้ไปสวรรค์หรือใครจะต้องไปนรก ซึ่งพระคริสตธรรมคัมภีร์ได้บอกว่าบุคคลผู้นั้นก็คือ
“พระเจ้า” ผู้เป็นเจ้าของสวรรค์และเป็นผู้สร้างมนุษย์นั่นเอง...
แท้จริงแล้วพระเจ้าไม่ได้ประสงค์ให้มนุษย์ต้องไปอยู่ในนรกเลย แต่เพราะว่ามนุษย์ทำผิดทำบาป จึงต้องรับโทษเช่นนั้น.... ที่จริงเมื่อพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมานั้น พระองค์ปรารถนาให้มนุษย์ทำแต่สิ่งที่ถูกต้องและดีงาม
แต่เพราะพระองค์ไม่ได้สร้างมนุษย์เราให้เป็นเหมือนหุ่นยนต์ที่ไม่มีอิสระในการเลือก พระองค์ได้ให้มนุษย์เรามีอิสระในการตัดสินใจได้เอง โดยพระองค์ได้บอกอย่างชัดเจนว่ามนุษย์จะต้องใช้อิสระในการเลือกอย่างถูกต้อง คือต้องเลือกที่จะดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขและจะได้อยู่กับพระองค์ตลอดไปเป็นนิตย์
แต่ถ้าเขาไม่เชื่อฟังพระองค์ ความบาปก็จะเกิดขึ้น และความบาปจะทำให้เขาพบกับความตาย ซึ่งไม่ใช่ความตายฝ่ายร่างกายอย่างเดียวเท่านั้น แต่จิตวิญญาณของเขายังต้องพบกับการพิพากษาอันยุติธรรมจากพระเจ้าอีกด้วย และปลายทางของเขาก็คือบึงไฟนรก ซึ่งเขาจะต้องทุกข์ทรมานอยู่ที่นั่นเป็นนิรันดร์....
แต่ที่น่าเศร้าใจก็คือหลังจากที่พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมาแล้ว มนุษย์เรากลับใช้อิสระในการตัดสินใจของตนในทางที่ผิด เพราะเขาได้ตัดสินใจทำตามที่ตนเองเห็นชอบและไม่เชื่อฟังพระเจ้าจึงทำให้หลงไปทำผิดทำบาปมากมาย ซึ่งความบาปนี่เองที่ทำให้มนุษย์ถูกแยกออกจากพระเจ้าผู้บริสุทธิ์
และเมื่อมนุษย์ถูกแยกออกจากพระเจ้าแล้ว อำนาจแห่งความบาปและเงามัจจุราชแห่งความตายจึงได้ครอบงำชีวิตของมนุษย์ทุกคน ซึ่งถ้าเราอยากรู้ว่าเรากำลังถูกอำนาจแห่งความบาปครอบงำจริงหรือ? ก็ดูได้จากปรากฏการณ์เช่นนี้ที่เกิดขึ้นในชีวิตของมนุษย์ทุกคน นั่นก็คือ....
“อยากทำดีแต่ทำไม่ค่อยได้ ..
ไม่อยากทำชั่ว แต่ก็ยังทำอยู่”
ถ้าเราลองไปถามเด็กผู้หญิงผู้ชายที่มีอายุราว ๆ 7-8ขวบว่า “โตขึ้นหนูจะดื่มเหล้า เล่นการพนัน ดูหนังโป๊ ทำผิดเรื่องเพศ เสพยาเสพติด หรือทำให้คุณพ่อคุณแม่เสียใจไหม?”...
ส่วนมากเด็กก็จะตอบว่า “ไม่ครับ!..... ไม่ค่ะ!”.... แต่พอพวกเขาโตขึ้นล่ะ เราก็พอจะคาดคะเนได้เลยว่า พวกเขาก็จะเริ่มทำในสิ่งที่พวกเขาเคยยืนยันในตอนเป็นเด็กว่าจะไม่ทำสิ่งเหล่านั้นอย่างเด็ดขาด
ที่จริงไม่ต้องถามเด็ก ๆ หรอกครับเพราะตัวเราเองก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกันนอกจากนั้นแล้วยังมีนิสัยบาปอีกหลายอย่างที่เรามักจะทำอยู่เสมอ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการโกหกหลอกลวงอิจฉาริษยา นินทาว่าร้าย เห็นแก่ตัว ใส่ร้ายป้ายสี เอารัดเอาเปรียบ หรือมีใจโลภ ฯลฯ
จนบางครั้งนำไปสู่ความบาปที่รุนแรงหลายอย่าง เช่น การปล้นจี้ ข่มขืน จนถึงขั้นทำร้ายชีวิตผู้อื่นไปเลย ซึ่งนี่เป็นปรากฏการณ์ที่ชี้ให้เห็นว่า มนุษย์เราทุกคนนั้นถูกความบาปครอบงำอยู่ในชีวิตจริง ๆ...
และนอกจากความบาปจะทำให้มนุษย์เราไม่รู้ความหมายที่แท้จริงของการมีชีวิตอยู่ในโลก ซึ่งจริง ๆ แล้วมนุษย์เราไม่รู้เลยว่าเขาต้องการอะไรในชีวิต หรืออะไรเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ชีวิตของเขาต้องการ
โดยเขาจะใช้ทั้งชีวิตของเขาเพื่อแสวงหาสิ่งที่ยึดเหนี่ยวและความสุขจากโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง ความสนุกสนาน หรือแนวทางในการดำเนินชีวิตในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้ตนเองนั้นมีความสุข
แต่จริง ๆ แล้วสิ่งเหล่านี้ที่เขาแสวงหามาล้วนเป็นสิ่งที่ชั่วคราวเท่านั้น เพราะวันหนึ่งช้าหรือเร็วเขาก็ต้องตายและต้องพรากจากสิ่งที่เขาใช้ชีวิตทุ่มลงไปกับมัน หลังจากนั้นก็ต้องไปพบกับการพิพากษาจากพระเจ้าอีกด้วย
ซึ่งเราจะเห็นว่าหากมนุษย์เราอยู่ ในโลกนี้เพียงไม่กี่สิบปี แล้วต้องไปรับโทษอยู่ในนรกเป็นนิจนิรันดร์ ก็เป็นเรื่องน่าเศร้าจริง ๆ แต่พระเจ้าไม่อยากให้เราต้องพบจุดจบที่น่ากลัวเช่นนั้นเลย
เพราะพระองค์ทรงรักมนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นมา พระองค์จึงอยากจะให้อภัยความบาปแก่มนุษย์เรา แต่เพราะว่าพระองค์ทรงมีความยุติธรรม พระองค์จะให้อภัยฟรี ๆ ไม่ได้หรือพระองค์จะทรงถือว่าความบาปที่เราทำนั้นไม่มีโทษก็ไม่ได้ ด้วย
เหตุนี้พระองค์จึงทรงกำหนดว่า ถ้ามนุษย์เราจะพ้นจากบาปได้นั้นก็จะต้องมีผู้หนึ่งมารับโทษบาปแทนมนุษย์ ซึ่งบุคคลผู้นั้นจะต้องเป็นผู้ที่ไม่มีบาปเลย แต่พระองค์ทรงทราบว่าในท่ามกลางมนุษย์ทั้งหลายนั้น ไม่มีใครเลยที่เป็นคนดีพร้อม เพราะมนุษย์ทุกคนล้วนแต่เป็นคนบาปทั้งสิ้น
ดังนั้นพระเจ้าจึงได้ทรงจัดเตรียมพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ซึ่งก็คือพระเยซูคริสต์มารับสภาพเป็นมนุษย์ในโลกเมื่อประมาณ 2,000 ปีที่แล้ว ในขณะที่พระเยซูคริสต์ทรงดำเนินชีวิตอยู่ในโลกนี้ พระองค์ไม่เคยทำบาปเลยแม้แต่น้อย
ดังนั้นพระองค์จึงเป็นผู้เดียวในโลกที่สามารถใช้ร่างกายของพระองค์รับการลงโทษบาปแห่งความตายแทนมวลมนุษย์ได้ ซึ่งพระองค์ได้ทรงยอมถูกตรึงจนสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนก็เพื่อเป็นการไถ่ความผิดบาปให้แก่มนุษย์เรา....
ผู้อ่านที่รักทุกท่าน... เวลานี้ผมอยากให้ท่านลองถามตัวท่านเองดูว่า.... ฉันต้องการอะไรมากที่สุดในชีวิต?”....
ท่านต้องการเงินทองหรือ?... แน่นอนสิ่งเหล่านี้อาจเป็นสิ่งสำคัญ แต่มันก็เป็นประโยชน์ต่อชีวิตฝ่ายร่างกายของท่านเท่านั้น ซึ่งพระเยซูคริสต์ได้ทรงตรัสว่า....
ถ้าผู้ใดจะได้ทรัพย์สมบัติสิ้นทั้งโลก แต่ต้องเสียชีวิตเพราะบาปของตนแล้วจะได้ประโยชน์อะไร?...
ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ชีวิตของเราจะได้รับการอภัยโทษจากพระเจ้า เพื่อที่จะได้หลุดพ้นจากอำนาจแห่งความบาป และจะได้มีความหวังในชีวิตว่า
วันหนึ่งเมื่อจากโลกนี้ไปก็จะได้อยู่ในสวรรค์.... เวลานี้ผมอยากจะบอกท่านว่ามนุษย์เราทุกคนนั้นมีความผิดบาปมากมายที่อยู่ในชีวิต เราเปรียบเสมือนชายคนนั้นที่มีข้อหา จึงต้องติดคุกอยู่ ซึ่งมีความหวาดกลัวที่จะต้องเผชิญกับโทษประหารนั้น
แต่วันนี้ข่าวดีก็คือพระเจ้าทรงพร้อมที่จะอภัยโทษบาปให้แก่ท่านโดยผ่านทางพระเยซูคริสต์แล้วเวลานี้ท่านจะตอบสนองต่อโอกาสรอดจากบาปที่มาถึงท่านอย่างไร?... มาถึง ณ จุดนี้ ท่านจะต้องใช้อิสระในการเลือกของท่านอีกครั้งเพื่อตัดสินใจว่าท่านต้องการที่รับการอภัยโทษจากพระเจ้าและรับความช่วยเหลือจากองค์พระเยซูคริสต์หรือไม่?...
อย่าลืมว่าชีวิตของมนุษย์ที่ถูกแยกจากพระเจ้าก็เหมือนกับกิ่งไม้ที่ถูกตัดออกจากต้น ซึ่งมีแต่จะเหี่ยวแห้งและรอวันตาย แล้วถูกนำไปเผาไฟเท่านั้น มันก็จะมีโอกาสที่จะมีชีวิตอีกครั้งนั่นก็คือการนำมันไป “ทาบกิ่ง”กับต้นซึ่งเป็นแหล่งชีวิตของมัน แต่ถ้าเซลล์ในกิ่งนั้นตายสนิทแล้ว ต่อให้คนทาบกิ่งเก่งขนาดไหนก็ตามก็ไม่มีทางที่กิ่งนั้นจะติดและกลับมามีชีวิตได้อีกเลย...
เช่นเดียวกัน วันนี้โอกาสที่ท่านจะรอดจากการพิพากษาของพระเจ้า ก็ตราบที่ท่านยังมีลมหายใจอยู่ในโลกนี้เท่านั้น อย่ารีรออีกต่อไปเลยครับ เพราะเราไม่รู้ว่าวันไหน เวลาไหน เราจะหมดลมหายใจ หรือเราจะเหลืออายุอีกเท่าไหร่...
รีบมารับเอาพระคุณความรอดจากพระเยซูคริสต์เดี๋ยวนี้เถิด แล้วพระองค์จะทรงช่วยให้ท่านเป็นไทจากอำนาจบาปอย่างแท้จริง....
ดังนั้นถ้าท่านต้องการรับการอภัยโทษจากพระเจ้า ท่านสามารถทำได้ง่าย ๆ ก็คือเปิดใจของท่านออกเหมือนกับชายคนนั้นที่เมื่อเขารู้ว่าพระราชาให้อภัยโทษเขา เขาจึงรีบเซ็นชื่อรับทันที เช่น เดียวกัน... บัดนี้พระองค์ทรงพร้อมแล้วที่จะอภัย โทษบาปให้แก่ท่าน ท่านพร้อมที่จะเซ็นรับหรือไม่?
ถ้าท่านต้องการ ขอให้ท่านอธิษฐานทูลต่อพระองค์ดังนี้...
“ข้าแต่พระเจ้า... ข้าพระองค์ขอยอมรับว่าพระองค์เป็นคนผิดบาป และสมควรแก่การลงโทษแต่ขอพระองค์ทรงโปรดอภัยโทษความผิดบาปให้แก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด ข้าพระองค์ขอเปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์ให้เป็นพระผู้ช่วยให้รอดจากบาปตั้งแต่บัดนี้ ขอขอบคุณพระองค์ด้วยใจจริง ข้าพระองค์ขออธิษฐานในพระนามของพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน”....
ถ้าท่านได้อธิษฐานตามข้างต้นนี้ด้วยความจริงใจแล้ว ขอให้ท่านมั่นใจเถิดว่า พระเจ้าได้ทรงอภัย โทษความบาปให้ท่านมั่นใจเถิดว่า พระเจ้าได้ทรงอภัยโทษความบาปให้ท่านแล้วอย่างแน่นอน
ดังนั้นถ้าวันหนึ่งท่านต้องจากโลกนี้ไป ท่านก็จะไม่ต้องพบกับการพิพากษาจากพระเจ้าอีกต่อไป แต่พระองค์จะให้ท่านได้อยู่ในแผ่นดินสวรรค์ ซึ่งเป็นที่อยู่อันดีเลิศและถาวร...
ผู้เขียน : อาจารย์นิกร สิทธิจริยาภรณ์
สารบัญ Blockdit christianthai
https://www.blockdit.com/posts/62bc6a5483c9c7afe1978688
ซีรีส์ หนังสือเสียงคริสเตียน
https://www.blockdit.com/series/6494669e4e915381ad23f92e
ซีรีส์ แบ่งปันข้อพระคัมภีร์โดย ChatGPT
https://www.blockdit.com/series/6442a9778df4b54742d64a3f
ซีรีส์ ใบปลิวคริสเตียน
https://www.blockdit.com/series/6443f153175a891238f59001
ปรัชญา
บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ใบปลิวคริสเตียน
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย