Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
BENJI Review
•
ติดตาม
11 ก.พ. 2022 เวลา 11:00 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
[Disney+] THE LAST DUEL (2021) - การดวลกันเพื่อพิสูจน์ความจริงผ่านสายตาของพระผู้เป็นเจ้า
" แม้จะไม่ใช่งานที่มีความใหม่ แต่ก็เป็นงานที่น่าประทับใจ ด้วยโครงสร้างของงาน (บท) ที่แน่นและแข็งแรงอย่างมาก..."
สวัสดีชาว Blockdit ทุกๆ ท่านครับ เนื่องจากผมอยากจะเขียนรีวิวสั้นๆ ให้กับหนังหลายๆ เรื่องที่น่าประทับใจ (และบางท่านอาจจะพลาดหรือหลงลืมไป) สำหรับโพสต์นี้ก็อยากจะรีวิว The Last Duel ของผู้กำกับ Ridley Scott ผู้กำกับที่มีผลงานโดดเด่นมากมาย เช่น Gladiator (2000) และ The Martian (2015)
[ เรื่องย่อ ]
เนื้อเรื่องของ The Last Duel ถูกดัดแปลงมาจากคดีที่เกิดขึ้นจริงในฝรั่งเศสช่วงยุคกลาง เมื่อ ฌอง เดอ คารูจส์ (Matt Damon) อัศวินผู้มีชื่อเสียงได้กล่าวหาเพื่อนอัศวิน ฌาร์ค เลอ กรีส์ (Adam Driver) ว่าได้ทำการข่มขืนภรรยาของเขา มาเกอร์ริต เดอ คารูจส์ (Jodie Comer) จนทำให้ศาลที่มีพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 6 เป็นผู้พิพากษาได้ตัดสินให้อัศวินทั้งสองทำการดวลกันเพื่อพิสูจน์ความจริงว่าใครเป็นผู้บริสุทธิ์ในคดีนี้
youtube.com
The Last Duel ดวลชีวิต ลิขิตชะตา | ตัวอย่างแรก (Official ซับไทย)
เตรียมพบการประชันบทระหว่างแมต เดม่อน และ อดัม ไดรเวอร์ กับเรื่องราวการไต่สวนคดีอาชญากรรมที่ต้องตัดสินการทรยศด้วยความเที่ยงตรง ใน The Last Duel ดวลชีวิต ลิขิต...
[ ความรู้สึกหลังได้ชม ]
The Last Duel เป็นเรื่องที่ผมได้ไปดูแบบบังเอิญ ซึ่งในตอนแรกก็ยอมรับว่าไม่ได้อยากจะดูมากเท่าไหร่ เพราะเนื้อเรื่องแนวๆ นี้ก็เห็นมามากมายแล้ว และคิดว่าไม่น่าประทับใจอะไรมาก แต่ปรากฏว่าหลังจากที่ดูจบ ก็ต้องบอกว่า "ประทับใจมากกว่าที่คิด" และยกให้เป็นหนังที่น่าสนใจเรื่องหนึ่งในปีนี้เลย ด้วยความรู้สึกที่ว่าเป็นหนังที่ลงตัวมากๆ
วิธีการเล่าเรื่องใน The Last Duel ใช้วิธีการเล่าหลายมุมมองสไตล์ Rashomon (1950) ตัวละครต่างๆ จะเล่าเรื่องเดียวกันในมุมมองของตัวเอง และคนดูจะค่อยๆ รับรู้ถึงความจริงของผ่านการบอกเล่าที่ค่อยๆ ถูกเปิดเผยออกมา
Rashomon (1950) ของอากิระ คุโรซาวะ: ต้นตำรับการเล่าหนังแบบหลายมุมมอง
แน่นอนว่าวิธีการนี้ไม่ใช่วิธีที่ใหม่แล้วในปัจจุบัน เพราะหลายๆ เรื่องก็ใช้วิธีนี้ (ถ้าเป็นหนังไทยที่ใกล้เคียงคงเป็น อุโมงค์ผาเมือง ของหม่อมน้อย) ในขณะที่ประเด็นหลักในเรื่องที่ถูกหยิบมาก็ไม่ใช่ของใหม่ เช่น ประเด็น Feminism ซึ่งก็มีหนังหลายๆ เรื่องพยายามเชิดชูเรื่องนี้
อย่างไรก็ตามต้องชื่นชมว่าผู้กำกับหยิบทั้งสองอย่างนี้มาเล่าเรื่องได้อย่างแข็งแรง จนทำให้รู้สึกว่า แม้จะไม่ใช่งานที่มีความใหม่ แต่ก็เป็นงานที่น่าสนใจ และด้วยความที่หนังมีโครงสร้างของงาน (บท) ที่แน่นและแข็งแรงอย่างมาก ก็ทำให้เราสัมผัสได้ถึงความเนี้ยบของหนัง โดยเฉพาะความหนักและความดุดันของเรื่อง จนอยากเชียร์ให้เข้าชิงออสการ์เลย
ฌอง เดอ คารูจส์ (Matt Damon) และเพื่อนอัศวิน ฌาร์ค เลอ กรีส์ (Adam Driver)
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้โครงสร้างเรื่องออกมาแข็งแรงมาก ผมมองว่า หนังรู้ว่าตัวเองควรจะเดินไปทางไหนแบบไม่ฝืน (และไม่ทะเยอทะยานแบบเวอร์วังเกินตัว) รวมถึงการใส่ตรรกะของหนังอย่างสมเหตุสมผล จนกลายเป็นงานที่แกร่งและเนี้ยบ
ในส่วนของประวัติศาสตร์ตามข้อเท็จจริง ในจุดนี้ผมไม่มั่นใจว่าทางผู้สร้างใส่มาได้จริงตามประวัติศาสตร์ขนาดไหน อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าสนใจคือ ประเด็นเรื่องสิทธิสตรีในยุคสมัยนั้นที่แทบจะไม่เหลือพื้นที่ให้ผู้หญิงได้หายใจเลย เมื่อเทียบกับศักดิ์ศรีเกียรติยศของผู้ชายในฐานะนักรบ และการเป็นเหยื่อจากความรุนแรงที่เกิดขึ้น
อีกจุดที่ผมว่าน่าสนใจคือ กรอบความคิดด้านศาสนาที่ครอบวิธีคิดของคนยุคนั้นไว้แทบทั้งหมด จนบางทีก็รู้สึกว่าหลายๆ เรื่องแทบจะหาเหตุผลไม่ได้ (หากมองจากยุคนี้)
มาเกอร์ริต เดอ คารูจส์ (Jodie Comer) - ถือเป็นตัวละครเอกของเรื่องเลย
นอกจากนี้ก็จะมีประเด็นทางด้านการเมือง / อำนาจ / สงครามภายในดินแดนที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งภายในเรื่อง ซึ่งก็ดูสมเหตุสมผลเมื่อคนใช้เหตุผลกันน้อยและมุ่งใช้กำลังในการแก้ปัญหากันมากกว่า ประเด็นสุดท้ายคงเป็นประเด็นเรื่องสันดานมนุษย์โดยเฉพาะเรื่องราคะที่ไม่ว่ายุคไหน ก็ก่อให้เกิดปัญหากับมนุษย์ได้ หากไม่มีสติในการดำเนินชีวิต
ในส่วนของนักแสดง โดยรวมถือว่าแสดงได้สมบทบาททุกคน แต่ที่รู้สึกประทับใจเป็นพิเศษคงเป็น Adam Driver ที่มีพัฒนาการทางการแสดงดีมากเหลือเกิน โดยเฉพาะหากย้อนดูเทียบกับการแสดงที่เคยแสดงในไตรภาค Star Wars ก็ถือว่าเดินมาไกลมาก
ฉากดวลกันดุดันและหวาดเสียวมาก
ส่วนในเรื่องโปรดักชั่น โลเคชั่น คอสตูม ขอบอกเลยว่าโคตรสมจริง ซาวน์ดนตรีดุดันระทึก ผสมกับมุมกล้องดีๆ อย่างซีนต่อสู้นี่สโลโมชั่นได้น่าสนใจ
[ สรุป ]
The Last Duel (2021) ถือเป็นงานของ Ridley Scott ที่ท็อปฟอร์มใช้ได้เลย เรียกได้ว่าเป็นหนังคุณภาพเยี่ยม แต่ก็รู้สึกว่าหนังจะเจ๊งยับเหมือนกัน เพราะแทบจะไม่มีการโปรโมทเลย เข้าโรงก็แค่แปปเดียว แถมยังหาโรงดูยากอีก อย่างไรก็ตามหากมีโอกาสได้ชม ก็เป็นอีกเรื่องที่ผมแนะนำนะครับ คุ้มค่าจริงๆ เห็นว่าเข้า Disney+ แล้วด้วย
ป.ล. เนื่องจากมีฉากข่มขืนและช็อตหวาดเสียวในการต่อสู้ หนังเลยถูกจัดให้เป็นเรต 18+
ป.ล. 2 อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากคุยหรือติดต่อกับผมนะครับ
https://www.facebook.com/BENJIREVIEW/
disneyplus
ภาพยนตร์
ประวัติศาสตร์
1 บันทึก
1
2
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
International Film Category
1
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย