Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ChristianThai
•
ติดตาม
24 ม.ค. 2022 เวลา 14:22 • การศึกษา
ความบาปมาจากไหน?
WHERE DOES SIN COME FROM?
เมื่อพูดถึง “ความบาป” นับว่าเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับโลกของเรามาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และเป็นปัญหาที่ไม่เคยหายไปจากโลกเลย ซึ่งเราจะสังเกตเห็นว่า สังคมของมนุษย์ทุกยุคทุกสมัยจะมีสิ่งที่ชั่วร้ายหรือความผิดบาปเกิดขึ้นอย่างมากมาย และยิ่งมากก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
ซึ่งเราทราบดีว่า สิ่งเลวร้ายต่าง ๆ เหล่านี้เป็นมาจากมนุษย์ทั้งสิ้น!...ท่านเคยคิดไหมว่า...ทำไมมนุษย์เราจึงสามารถทำในสิ่งที่ชั่วร้ายเช่นนี้ได้?...พระเจ้าเป็นผู้สร้างให้มนุษย์เราเป็นเช่นนี้หรือ!... ถ้าเราบอกว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้สร้างทุกสิ่งทุกอย่าง นั่นแสดงว่าพระเจ้าก็ทรงสร้างสิ่งที่ไม่ดีและสร้างมนุษย์ให้ทำความชั่วด้วยใช่ไหม...ลูกไก่พันธุ์เลวต้องมาจากพ่อพันธุ์เลว
ดังนั้นเมื่อมนุษย์ไม่ดี นั่นแสดงว่าพระเจ้าไม่ดีด้วยใช่ไหม.... นี่เป็นคำถามที่ค้างคาใจของคนทั่วโลก แต่พระคริสตธรรมคัมภีร์ได้บอกมนุษย์เราอย่างชัดเจนว่า ความชั่วไม่ได้มาจากพระเจ้า... สมมุติเราบอกว่า “สิ่งนี้ไม่ดี สิ่งนี้ชั่ว” ซึ่งถ้าหากมีคนถามเราว่า “คุณรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งนี้ไม่ดีหรือสิ่งนี้ชั่ว?” เราก็ต้องตอบว่า “ฉันรู้ว่าสิ่งนี้ไม่ดี ก็เพราะฉันรู้ว่าสิ่งที่ดีเป็นอย่างไร”....
ดังนั้นการที่คนเราสามารถรู้ได้ว่าสิ่งไหนดี สิ่งไหนไม่ดีหรือสิ่งไหนชั่ว ก็เพราะเรามีตัวเปรียบเทียบ ถ้าทุกอย่างชั่วหมด เราก็คงไม่รู้ว่าชั่วเป็นเช่นไรอย่างแน่นอน?... เช่น ถ้าผมเอากระดาษแผ่นหนึ่งมาขยำแล้วถามคุณว่า
“กระดาษนี้เสียหรือยัง?”... “
เสียแล้ว” คุณตอบ....
ทำไมคุณจึงรู้ว่ามันเสียแล้ว?... ไม่มีคำตอบอื่น นั่นก็เพราะคุณรู้ว่ากระดาษที่ดีเป็นอย่างไร?... คุณมีตัวเปรียบเทียบ...ถ้าโรงงานผลิตกระดาษได้ผลิตกระดาษออกมายับ ๆ เช่นนี้ตั้งแต่แรก คุณก็คงไม่รู้ว่ากระดาษที่ดีเป็นอย่างไร?...
หลายคนถกเถียงกันว่า “ดี มาก่อน เลว” หรือ “เลว มาก่อน ดี” และ “ดีกับเลว” มาพร้อมกัน... แน่นอน ตัวอย่างเรื่องกระดาษนี้กำลังบอกเราว่าดีมาก่อนเลว ถ้าเราบอกว่าสิ่งนี้เลว นั่นแสดงว่ามันต้องเคยดีมาก่อน…
ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ได้บันทึกไว้ว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้สร้างสรรพสิ่ง ซึ่งทุกอย่างที่พระองค์ทรงสร้างนั้นล้วนแต่ดีทั้งสิ้น โดยเฉพาะ “มนุษย์” ในเมื่อพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมาอย่างดีที่สุด แต่ทำไมภายหลังมนุษย์เราจึงทำความผิดบาปได้ล่ะ?...ให้เรามาดูรายละเอียดในเรื่องนี้ด้วยกัน
กฎ 4 กฎ
เมื่อพระเจ้าทรงสร้างสรรพสิ่งนั้น พระองค์ได้ทรงกำหนดกฎเกณฑ์ให้กับทุกสิ่ง ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามกฎที่พระเจ้าวางไว้ (นอกจากมนุษย์) มันจะแหกกฎไม่ได้ เพราะมันไม่มีอิสระในการเลือกซึ่งกฎพระเจ้าทรงกำหนดไว้ในโลกมี 4 ประเภทด้วยกันคือ
กฎของวัตถุ
เมื่อเราโยนวัตถุขนึ้ ฟ้า กฎของมันก็คือต้องตกลงมา และเมื่อมันตกลงมาแล้ว มันก็จะอยู่ตรงนั้นเคลื่อน ไหวไปไหนไม่ได้... พระเจ้ากำหนดให้ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก มันจะเลือกไม่ได้ว่า “วันนี้ฉันจะไม่ขึ้น” หรือ “ฉันจะขึ้นเฉียงไป 5 องศา”.... มันจะทำอย่างนั้นไม่ได้อย่างแน่นอนนั่นแสดงให้เห็นชัดว่าวัตถุนั้นจะแหกกฎที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้ไม่ได้เลย
กฎของพืช
มันจะต้องทำตามกฎเกณฑ์ที่ถูกกำหนดไว้เช่นกัน เช่น เมื่อเราไปแตะใบของต้นไมยราบมันก็จะหุบทันที ซึ่งมันจะเลือกไม่หุบไม่ได้เลย หรือดอกของต้นไม้ต่าง ๆ เมื่อถึงเวลามันจะต้องบาน มันก็จะบาน มันจะเลือกไม่บานไม่ได้เลย
กฎของสัตว์
มันจะต้องทำตามกฎและสัญชาตญาณที่มันถูกกำหนดไว้เท่านั้น เช่น พระเจ้าทรงกำหนดให้แมงมุมต้องทำบ้านด้วยใย มันก็ต้องทำด้วยใย มันจะแหกกฎไม่ได้... สัตว์บางชนิดจะหนีขึ้นที่สูง เมื่อมันรู้ว่าฝนจะตก... หรือเมื่อเราทำเสียงดังและถือไม้วิ่งเข้าไปเพื่อจะตีสุนัข มันก็จะวิ่งหนีอย่างแน่นอน คงไม่มีสุนัขตัวไหนที่จะยืนเฉย ๆ ให้คนตีมัน มันจะทำตามสัญชาตญาณเท่านั้น
กฎของมนุษย์
เราจะเห็นว่าสัตว์ต้องทำตามกฎและสัญชาตญาณที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้ ซึ่งมนุษย์เราไม่เพียงแต่มีสัญชาตญาณเท่านั้น แต่พระเจ้ายังสร้างมนุษย์เราให้มีจิตวิญญาณอีกด้วยซึ่งจิตวิญญาณนี่เองที่ทำให้มนุษย์เรามีการกระทำที่ขัดกับสัญชาตญาณที่อยู่ในตัวได้
เช่น ถ้าคุณถือไม้วิ่งเข้ามาจะตีผม ผมก็อาจวิ่งหนีเหมือนกัน แต่ผมสามารถที่จะทำในสิ่งที่ขัดกับสัญชาตญาณได้ นั่นก็คือ ผมอาจจะยืนนิ่ง ๆ โดยไม่ตอบโต้แล้วบอกกับคุณว่า “เชิญตีเลยครับ!”...ซึ่งปรากฏการณ์ที่มนุษย์เราสามารถทำในสิ่งทำในสิ่งที่ขัดกับสัญชาตญาณเช่นนี้
เราจะไม่เห็นในสัตว์เลย เช่นถ้าเราเห็นสุนัขมันแยกเขี้ยว ก็แสดงว่ามันโกรธ ถ้ากระดิกหางแสดงว่ามันดีใจ แต่มนุษย์เราสามารถคิดอย่างหนึ่ง แต่แสดงออกอีกอย่างหนึ่งได้ ดังนั้นถ้าเรามองแต่ภายนอกเราอาจจะมองเห็นว่าคนคนนั้นเป็นคนดี แต่ภายในของเขาอาจจะเต็มไปด้วยความชั่วร้ายก็ได้...
จากข้างต้น เราจะเห็นว่าทุกสิ่งในโลกนี้ล้วนแต่มีกฎ และมันจะต้องเป็นไปตามกฎทุกประการจะแหกกฎไม่ได้ ซึ่งมนุษย์เราก็มีกฎเช่นเดียวกัน...
ตั้งแต่แรกเริ่มพระเจ้าก็ได้ทรงกำหนดกฎเกณฑ์ให้กับมนุษย์เพื่อใช้ในการดำเนินชีวิต ซึ่งพระองค์ปรารถนาที่จะให้มนุษย์เพื่อใช้ในการดำเนินชีวิต ซึ่งพระองค์ปรารถนาที่จะให้มนุษย์เชื่อฟังและทำตามกฎเกณฑ์ของพระองค์
เพื่อเขาจะอยู่ในโลกนี้อย่างมีความสุข แต่พระองค์ก็ทรงให้มนุษย์มีอิสระในการตัดสินใจได้เอง ดังนั้นมนุษย์เราจึงสามารถที่จะฝ่าฝืนกฎที่พระเจ้าวางไว้ได้....แท้จริงแล้วมนุษย์เราต่างก็รู้ดีว่า ภายในจิตใจของเรามีกฎ
และเราก็รู้ว่ากฎนั้นดีแต่เรามีอิสระในการเลือกได้ว่า จะทำตาม หรือ ไม่ทำตาม กฎเหล่านั้น ซึ่งถ้าหากเราทำตาม เราจะไม่รู้สึกผิด แต่ถ้าเราไม่ทำตาม เราก็จะรู้สึกผิดทันทีและลึก ๆ ในใจของเรายังรู้ว่าเราต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของเราอีกด้วย
ซึ่งแตกต่างจากสัตว์เพราะเมื่อสัตว์มันทำอะไรก็ตาม มันไม่ต้องรับผิดชอบในการกระทำของมัน เช่น เมื่อสุนัขตัวผู้ทำสุนัขตัวเมียท้องมันก็ไม่ต้องรับผิดชอบ และก็ไม่มีใครที่เรียกร้องให้มันต้องรับผิดชอบ
แต่ถ้าผู้ชายคนหนึ่งทำผู้หญิงท้อง เขาจะรู้สึกถึงการรับผิดชอบทันที (ถึงแม้เขาไม่รับผิดชอบและบอกว่าไม่รู้สึกผิด แต่เขาก็โกหกตัวเองไม่ได้ เพราะลึก ๆ ในใจของเขาจะรู้สึกขัดแย้งหรือรู้สึกผิดอย่างแน่นอน)....
ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ได้บันทึกไว้ว่าในปฐมกาล พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์คู่แรกให้เป็นชายและหญิง ซึ่งพระองค์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมาอย่างดีที่สุดและให้อยู่ในที่ดีที่สุด
แทนที่พวกเขาจะเชื่อฟังพระเจ้า แต่ทั้งสองกลับใช้อิสระในการตัดสินใจที่พระเจ้าให้แก่พวกเขานั้นในทางที่ผิดโดยการตัดสินใจที่พระเจ้าให้แก่พวกเขานั้นในทางที่ผิดโดยการฝ่าฝืนคำสั่งของพระองค์ นั่นจึงเป็นเหตุให้มนุษย์คู่แรกต้องตกอยู่ในความผิดบาป และความบาปก็ได้สืบทอดมาจนถึงมนุษย์ทุกยุคทุกสมัย
ดังนั้นความบาปจึงมาจากการใช้อิสระในการเลือกในทางที่ผิดของมนุษย์เรานี่เอง.... ในเมื่อมนุษย์เราทำความผิดบาป เราจึงต้องรับผิดชอบต่อความผิดบาปที่เราได้กระทำ... มีบางคนอาจคิดว่าในเมื่อพระเจ้าเป็นผู้สร้างมนุษย์พระองค์จึงต้องรับผิดชอบต่อความบาปของมนุษย์มิใช่หรือ!...
สมมุติว่าคุณเป็นเจ้าของโรงงานสร้างเครื่องพิมพ์ดีดที่ดีที่สุดในโลก และผมได้ไปซื้อเครื่องพิมพ์ดีดจากโรงงานของคุณมาเครื่องหนึ่ง แล้วนำมาพิมพ์... ต่อมาผมเกิดพิมพ์ผิด ผมจึงยกเครื่องพิมพ์ดีดไปหาคุณแล้วบอกว่า.... “คุณต้องรับผิดชอบในคำผิดที่เกิดขึ้นนะ ทำไมคุณถึงสร้างให้เครื่องมันพิมพ์ผิดได้!”....
คุณลองคิดดูซิว่า... ใครต้องรับผิดชอบกันแน่ คนที่สร้างหรือคนที่ใช้? คำตอบก็คือคนที่นำไปใช้อย่างแน่นอน ทำไมน่ะหรือ... ก็เพราะว่าเจ้าของโรงงานได้ผลิตเครื่องนี้ขึ้นมาอย่างดีแล้ว แต่คนที่นำไปใช้ไม่ได้ควบคุมหรือไม่ระมัดระวังในการพิมพ์เองคำผิดจึงเกิดขึ้น
ดังนั้น คนที่ใช้เครื่องพิมพ์ดีดนั้นต่างหากที่จะต้องรับผิดชอบไม่ใช่คนที่ผลิตมันขึ้นมา..... เช่นเดียวกัน พระเจ้าได้ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมาอย่างดี แต่เพราะมนุษย์ไม่ระมัดระวังในการดำเนินชีวิตและหลงไปทำความผิดบาปมนุษย์จึงต้องรับผิดชอบต่อความบาปที่ตนเองได้กระทำ
ค่าจ้างของความบาปคือความตาย
โรม 6:23
ดังนั้นเมื่อมนุษย์ทำบาป จึงต้องพบกับความตาย หลังจากนั้นจิตวิญญาณของเขายังจะต้องไปรับการพิพากษาโทษจากพระเจ้าตามการกระทำของแต่ละคนอีกด้วย และบั้นปลายของมนุษย์ก็คือต้องพินาศในบึงไฟนรกเป็นนิตย์....
แต่เพราะความรักที่พระเจ้าทรงมีต่อมนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้างพระองค์ไม่ปรารถนาให้มนุษย์คนหนึ่งคนใดพินาศเลย พระองค์ทรงทราบดีว่าวิธีเดียวที่จะสามารถช่วยมนุษย์ใหรอดพ้นจากการพิพากษาโทษบาป นั่นก็คือต้องให้ผู้หนึ่งมาเป็นผู้รับการลงโทษบาปแทนมนุษย์ มนุษย์จึงจะสามารถพ้นโทษบาปได้
ดังนั้นพระเจ้าจึงได้ทรงประทานพระเยซูคริสต์ซึ่งเป็นพระบุตรองค์เดียวของพระองค์มารับสภาพเป็นมนุษย์ในโลกเมื่อประมาณ 2,000 ปีที่แล้วเพื่อให้พระเยซูคริสต์เป็นผู้รับโทษความผิดบาปแทนมวลมนุษย์ชาติและหลังจากที่พระเยซูคริสต์ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน เพื่อรับโทษความผิดบาปแทนมนุษย์แล้ว ในวันที่ 3 พระองค์ก็ทรงฟื้นจากความตาย
ซึ่งเป็นการพิสูจน์ว่า พระองค์ทรงมีชัยชนะเหนืออำนาจแห่งความบาปและความตาย พระองค์จึงทรงสามารถช่วยมนุษย์เราให้รอดจากอำนาจเหล่านั้นได้เช่นเดียวกัน
ผู้อ่านที่รัก... บัดนี้ท่านมีโอกาสที่จะรอดพ้นจากโทษบาปแล้ว อยากให้ท่านทราบว่า พระเจ้าทรงรักและห่วงใยท่าน พระองค์ทรงทราบถึงความผิดบาปที่ซ่อนอยู่ในชีวิตของท่าน พระองค์ปรารถนาที่จะช่วยท่านจนยอมให้พระเยซูคริสต์มาตายบนไม้กางเขนเพื่อมารับการลงโทษบาปแทนท่าน
เพื่อท่านจะไม่ต้องรับการพิพากษาโทษในชีวิตหลัง ความตาย แต่พระองค์จะให้ท่านได้อยู่ในสวรรค์กับพระองค์ตลอดไป...ถ้าท่านต้องการรับการอภัยโทษจากพระเจ้า ก็ขอให้ท่านอธิษฐานทูลต่อพระองค์ดังนี้
..“ข้าแต่พระเจ้า... ข้าพระองค์ขอยอมรับว่าข้าพระองค์ได้ทำความผิดบาปมากมาย ข้าพระองค์จึงสมควรรับการลงโทษ แต่ขอพระองค์ทรงโปรดเมตตายกโทษความผิดบาปให้แก่ข้าพระองค์ด้วยเถิดขอบพระคุณพระองค์ที่ได้ทรงประทานพระเยซูคริสต์ เพื่อมารับโทษความผิดบาปแทนข้าพระองค์บนไม้กางเขน... ข้าพระองค์ขอเชื่อพึ่งในพระองค์ตลอดไป อธิษฐานทูลขอในพระนามของพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน”...
ถ้าท่านได้ทูลต่อพระองค์ด้วยใจจริงแล้ว ขอให้ท่านมั่นใจเถิดว่า พระเจ้าได้ทรงยกโทษความผิดบาปให้แก่ท่านแล้วอย่างสิ้นเชิง และพระองค์จะทรงประทานชีวิตใหม่ให้แก่ท่าน ซึ่งเป็นชีวิตที่สามารถเอาชนะความผิดบาปได้อย่างแท้จริง...
ผู้เขียน : อาจารย์นิกร สิทธิจริยากรณ์
สารบัญ Blockdit christianthai
https://www.blockdit.com/posts/62bc6a5483c9c7afe1978688
ซีรีส์ หนังสือเสียงคริสเตียน
https://www.blockdit.com/series/6494669e4e915381ad23f92e
ซีรีส์ แบ่งปันข้อพระคัมภีร์โดย ChatGPT
https://www.blockdit.com/series/6442a9778df4b54742d64a3f
ซีรีส์ ใบปลิวคริสเตียน
https://www.blockdit.com/series/6443f153175a891238f59001
บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ใบปลิวคริสเตียน
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย