มนุษย์ตกอยู่ใต้อำนาจของมารจริงหรือ?
ใครจะช่วยมนุษย์ได้
ในโลกของเรานี้ นับว่าเป็นสิ่งที่น่ารู้และน่าค้นหาอยู่อย่างมากมาย อย่างเช่นเรื่องของ “มาร”หรือ “ซาตาน” ก็เป็นเรื่องที่เราอยากจะทราบกันว่ามีอยู่จริงหรือไม่ ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ได้บอกชัดเจนว่ามารนั้นมีอยู่จริง
ซึ่งแรกเริ่มนั้นมันเป็นทูตสวรรค์ที่พระเจ้าสร้างขึ้นเพื่อรับใช้พระองค์ แต่ต่อมามันได้กบฏต่อพระเจ้า จึงถูกขับไล่ลงมาจากสวรรค์และกลายเป็นมารซาตาน (ดังนั้นเราจะเห็นว่าพระเจ้าไม่ได้ทรงสร้างมาร แต่เพราะมันกบฏต่อพระเจ้ามันจึงกลายเป็นมาร... เช่นเดียวกับคนที่เป็นโจร ตอนที่พ่อแม่ให้กำเนิดเขานั้นเขาก็เป็นคนธรรมดา ไม่ใช่ให้กำเนิดเป็นโจร แต่เพราะต่อมาคนคนนั้นได้ไปปล้นจี้หรือขโมย เขาจึงกลายเป็นโจรผู้ร้าย)...
ซึ่งเมื่อมารมันถูกพระเจ้าขับไล่ มันก็เลยเคียดแค้นพระเจ้าจึงได้ทำการล่อลวงมนุษย์ให้ทำบาป เพื่อให้มนุษย์ที่พระเจ้าสร้างตกอยู่ใต้อำนาจของมัน ซึ่งมารนั้นรู้ดีว่ามันไม่สามารถที่จะบังคับให้มนุษย์ทำบาปได้
มันจึงได้หาวิธีโดยการใช้เสียงของมันทำงานในความคิดของมนุษย์เพื่อชักจูงให้มนุษย์ใช้อิสระในการเลือกที่มีอยู่ภายในตัวของเขาทำตามใจปรารถนาของตัวเอง แต่ไม่ทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า ซึ่งมันก็ทำได้สำเร็จเสียด้วย...
ดังนั้นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มนุษย์ทั่วโลกจึงตกอยู่ใต้อำนาจของมารซาตานทั้งสิ้น
ชาวโลกทั้งสิ้นอยู่ใต้อานุภาพของมารร้าย
(1 ยอห์น 5:19)
พระคริสตธรรมคัมภีร์ได้บันทึกไว้
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่พระคัมภีร์บันทึกนั้นเป็นความจริง?...รู้ได้แน่นอนครับ! โดยดูจากปรากฏการณ์ 6 ประการดังต่อไปนี้
1.) ปิดตามนุษย์ไม่ให้เห็นส่วนที่ดี
ปรากฏการณ์นี้ก็คือ... มันทำให้คนเรามองเห็นแต่ส่วนไม่ดีของคนอื่น แต่ส่วนดีของเขาเรามักจะไม่จำหรือมองไม่เห็น ซึ่งวัตถุประสงค์ของมันก็เพื่อที่จะทำลายความสัมพันธ์ของมนุษย์ เช่น เวลาคุณพ่อคุณแม่หรือคนอื่น ๆ ทำดีต่อเราอย่างมากมายเรากลับมองไม่เห็น
แต่เมื่อคุณพ่อคุณแม่หรือคนอื่นๆ ทำไม่ดีหรือทำไม่ถูกเราเพียงครั้งเดียว เรากลับโกรธและจดจำไว้ไม่ลืม... พิเคราะห์ดูชีวิตของเราซิครับว่า เราเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า? ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับคนอื่นเป็นอย่างไรบ้าง?
2.) ชักชวนมนุษย์ให้ลองเล่นกับความผิดบาป“
ลองดูซิไม่เป็นไรหรอก”
“นิดหน่อยเองไม่ติดหรอก!”
“มองดูนิดเดียวคงไม่เป็นไรหรอก!”
“ไม่เป็นไรหรอก คำ ๆ นี้ได้ทำลายคนมาแล้วไม่รู้กี่คน
คนที่ติดเหล้า ติดบุหรี่ ติดการพนัน ก็มาจากคำพูดที่ว่า “ไม่เป็นไร!”
คนที่ติดการเที่ยวกลางคืน ก็มีที่มาจากคำพูดที่ว่า “ไม่เป็นไร!”
คนที่ติดนิสัยโกหก เห็นแก่ตัว ก็มีที่มาจากคำพูดที่ว่า “ไม่เป็นไร!”
เด็กวันรุ่นที่ติดยาเสพติด มั่วสุมตามเธคหรือหมกมุ่นอยู่กับสื่อลามกต่าง ๆ ก็มาจากคำพูดที่ว่า “ไม่เป็นไร!” ทั้งสิ้น
ซึ่งมารซาตานมันชอบที่จะชักชวนมนุษย์ให้ลองเล่นกับความบาปเสมอ ๆ โดยใช้คำพูดที่ว่า “ไม่เป็นไร!”
3.) มันทำให้มนุษย์ชอบฝ่าฝืนคำสั่งและกฎเกณฑ์“
อย่าขายเสียงขายสิทธิ์เพราะเป็นการขายชีวิตขายชาติ”เตือนแล้วเตือนอีกก็ยังขาย... ข้างซองบุหรี่ก็มีเขียนไว้ว่า “สูบบุหรี่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง” คนก็ยังสูบ “สวมหมวกกันน๊อคทุกครั้งที่ขับมอเตอร์ไซด์” คนก็ชอบฝ่าฝืน คำสอนหรือบัญญัติทางศาสนาสอนว่า “อย่าโกหก” “อย่าล่วงประเวณี” “อย่าลักทรัพย์” “อย่าเล่นการพนัน” “อย่านินทา” ฯลฯ คนก็ยังฝ่าฝืนทำไมถึงเป็นเช่นนี้? นั่นก็เพราะมารมันกุมชีวิตมนุษย์อยู่นั่นเอง
4.) มันแนะนำให้มนุษย์ซ่อนความผิดบาป
เวลาที่เราทำผิดบาปนั้น เรามักจะพูดกับตัวเองว่า “จะทำยังไงดี?” หรือ “เราจะตอบอย่างไรดี?”และมารก็จะมาเสนอความคิดภายใต้จิตสำนึกของเราเสมอ ๆ ว่า “ปิดไว้.. ปิดไว้.. เดี๋ยวคนอื่นรู้ อายเขาตาย” “ปิดไว้...เดี๋ยวก็ถูกด่าหรอก!” และพวกเราก็มักจะฟังข้อเสนอของมันทุกครั้งบางครั้งมันไม่เพียงแต่ให้เราปกปิดเท่านั้น แถมยังให้เราโกหกอีกด้วย ซึ่งนับว่าเป็นบาปซ้ำสอง
ดังนั้นเราจึงได้เก็บซ่อนความผิดบาปไว้ในชีวิตอย่างมากมาย... ถ้าไม่เชื่อก็ลองย้อนดูอดีตซิครับ! เราจะเห็นว่าสิ่งที่เราทำดีนั้นเราจะจำไม่ค่อยได้ แต่สิ่งที่เราทำไม่ดีนั้น เราจำได้อย่างแม่นยำ มารมันทำให้มนุษย์ยิ่งมายิ่งจมอยู่ในความผิดบาป
แต่หลายครั้งมนุษย์เราก็ดิ้นรนต่อสู้กับความผิดบาปและพยายามที่จะหาทางหรือวิธีการที่จะทำให้ตนเองหลุดพ้นจากพันธนาการแห่งความบาปที่ผูกมัดชีวิตของเราอยู่ แต่ไม่ว่าเราจะพยายามสักเท่าใด ก็ไม่สามารถที่จะหลุดพ้นจากพันธนาการเหล่านั้นได้เลย มารมันทำให้มนุษย์ต้องตกอยู่ในสภาพของการเป็นทาสของบาปชั่วชีวิต
5.) ทำให้มนุษย์ไม่สนใจชีวิตหลังความตาย
ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา มารซาตานมันชอบมอมเมาให้มนุษย์รักโลกนี้ ลุ่มหลงในโลกนี้จนไม่มีเวลาที่จะไปคิดถึงและเตรียมตัวไปพบกับโลกแห่งความตาย สมมุติว่าถ้าผมจะย้ายไปอาศัยอยู่ที่อเมริกา ผมก็จะต้องเตรียมตัวอย่างแน่นอนซึ่งถ้าผมไม่เตรียมตัวอะไรเลย ก็คงลำบากแน่ ๆ เช่นเดียวกันทั้ง ๆ ที่มนุษย์ทุกคนก็รู้ว่า
วันหนึ่งเขาจะต้องจากโลกนี้ไปสู่โลกแห่งความตาย แต่เขากลับไม่เตรียมตัวแม้แต่น้อยแท้จริงแล้วมนุษย์เราไม่อยากเผชิญกับความตายเลย แต่เราก็หนีมันไม่พ้น ท่านทราบไหมว่าเพราะเหตุใดมนุษย์จึงต้องพบกับความตาย นั่นก็เพราะชีวิตของมนุษย์เรามีความบาปนั่นเอง
แท้จริงแล้วในตอนแรกที่พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมานั้น พระองค์ปรารถนาให้มนุษย์เราดำเนินชีวิตตามพระประสงค์ของพระองค์ และกระทำแต่สิ่งที่ถูกต้องและดีงาม เพื่อมนุษย์จะได้อยู่ในโลกนี้อย่างมีความสุข แต่พระองค์ก็ทรงให้มนุษย์มีอิสระในการเลือกหรือตัดสินใจได้เอง
ดังนั้นเราจึงเห็นว่ามนุษย์เรานั้นสามารถเลือกที่จะทำดีหรือเลือกที่จะทำชั่วก็ได้ ซึ่งลึก ๆ ในใจของเราก็ปรารถนาที่จะทำแต่สิ่งที่ดี แต่หลายครั้งมนุษย์เราก็เลือกที่จะฟังคำล่อลวงของมารซาตาน
จึงทำให้เราหลงทำผิดทำบาปอยู่เสมอ ๆ ซึ่งความบาปไม่เพียงแต่ทำให้มนุษย์ต้องพบกับความตายเท่านั้น แต่หลังจากนั้นจิตวิญญาณของมนุษย์ยังต้องไปรับการพิพากษาโทษบาปจากพระเจ้าตามการกระทำของแต่ละคนด้วย และในที่สุดก็จะต้องรับโทษในนรกเป็นนิรันดร์
แต่พระเจ้าไม่อยากให้มนุษย์ต้องพบจุดจบเช่นนั้นเลย พระองค์ปรารถนาที่จะช่วยมนุษย์ให้รอดพ้นจากบาป เพราะพระองค์ทรงทราบว่าถึงแม้มนุษย์จะพยายามสักเพียงใดก็ไม่สามารถที่จะทำให้ตนเองหลุดพ้นจากบาปได้เลย
ดังนั้นมนุษย์ต้องรับโทษสถานเดียว โดยเหตุนี้พระองค์จึงได้ทรงกำหนดวิธีที่จะช่วยมนุษย์โดยการให้พระเยซูคริสต์ซึ่งเป็นพระบุตรองค์เดียวของพระองค์มารับสภาพเป็นมนุษย์ในโลกนี้เมื่อประมาณ 2000 ปีที่แล้ว
เพื่อเป็นผู้รับโทษบาปแทนมนุษย์พระคริสตธรรมคัมภีร์ได้บันทึกไว้ว่า พระเยซูคริสต์ทรงยอมถูกตรึงจนกระทั่งสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนก็เพื่อไถ่ความผิดบาปให้แก่มวลมนุษย์ แต่ในวันที่ 3 พระองค์ก็ทรงฟื้นจากความตาย ซึ่งเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าพระองค์ทรงมีชัยชนะเหนืออำนาจแห่งความบาปและความตาย และในที่สุดพระองค์จะทรงทำลายกิจการอันร้ายกาจของมารในวันสุดท้าย
ผู้อ่านที่รัก ถึงแม้ว่ามารจะมีอำนาจในโลกนี้แต่พระเยซูคริสต์ทรงมีอำนาจที่เหนือกว่ามันดังนั้นหากผู้ใดที่เชื่อวางใจในพระองค์ พระองค์ก็จะทรงปกป้องเขาให้พ้นจากอำนาจของมารร้าย และยังจะช่วยให้เขาหลุดพ้นจากพันธนาการของบาปอีกด้วย
6.) มารมันมักจะเสนอให้มนุษย์ปฏิเสธการช่วยเหลือจากพระเจ้า หรือให้ผัดวันประกันพรุ่ง...
เมื่อคนคนหนึ่งมีโอกาสได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับพระเจ้ามารมันก็จะใส่ความคิดให้แก่เขาว่า“โอ๊ย! เรื่องพระเจ้าเป็นเรื่องเหลวไหล ไม่ต้องเชื่อหรอก!” นั่นเป็นเพราะมันไม่อยากให้มนุษย์ได้พบกับทางรอดบาปที่มาจากพระเจ้า หรือบางครั้งมันก็ทำให้เขาคิดว่า “เรื่องพระเยซูคริสต์ก็ดีอยู่หรอก แต่เอาไว้วันหลังก็แล้วกัน!”
ขอให้ท่านทราบว่า มารมันอยากจะให้มนุษย์เราผัดวันประกันพรุ่ง แต่จริง ๆแล้วเราไม่ทราบเลยว่าเราจะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้นานแค่ไหน และจะจากโลกนี้ไปเมื่อไหร่ ท่านทราบไหมว่า ตราบใดที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านก็ยังมีโอกาสที่จะได้รับความรอดจากพระเจ้า แต่ถ้าหมดลมหายใจเมื่อไหร่ ก็หมดโอกาสเมื่อนั้น
ดังนั้นอย่าชักช้าอยู่เลยครับรีบเปิดใจของท่านรับเอาการช่วยเหลือจากองค์พระเยซูคริสต์ในวันนี้เถิด เพื่อท่านจะได้รอดจากบาปและจะได้หลุดพ้นจากอำนาจของมารตลอดไป
ผู้อ่านที่รัก.. บัดนี้พระเยซูคริสต์ทรงพร้อมแล้วที่จะช่วยเหลือท่าน เพียงแต่ท่านยอมสารภาพบาปของท่านและทูลขอความช่วยเหลือจากพระองค์ พระองค์ก็จะทรงรับโทษบาปแทนท่านอย่างแน่นอน
เมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านก็จะไม่ต้องรับการพิพากษาโทษบาปจากพระเจ้าอีกต่อไปและท่านก็ไม่ต้องกลัวที่จะต้องพบกับโลกแห่งความตายอีกแล้ว เพราะว่าพระเจ้าจะให้ท่านจะได้อยู่บนสวรรค์กับพระองค์ตลอดไปเป็นนิตย์
ถ้าท่านปรารถนาที่จะได้รับการอภัยโทษบาปจากพระเจ้า ก็ขอให้ท่านอธิษฐานทูลต่อพระองค์ดังนี้
“ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ขอยอมรับว่า ในชีวิตของข้าพระองค์มีความบาปมากมายที่ซ่อนอยู่บัดนี้ขอพระองค์ทรงโปรดอภัยโทษความผิดบาปให้แก่ข้าพระองค์และทรงช่วยเหลือข้าพระองค์จากอำนาจมารด้วยเถิด ขอขอบคุณพระองค์ที่ทรงให้พระเยซูคริสต์รับโทษบาปแทนข้าพระองค์บนไม้กางเขนแล้ว ข้าพระองค์ขออธิษฐานในนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน”
ถ้าท่านได้อธิษฐานต่อพระองค์ด้วยความจริงใจแล้ว ขอให้ท่านมั่นใจเถิดว่า บัดนี้ท่านมีชีวิตที่เป็นไทจากมารแล้ว และพระเจ้าได้ทรงอภัยโทษบาปให้แก่ท่าน และพระองค์จะทรงช่วยท่านให้มีกำลังใจที่จะต่อสู้กับความบาปต่อไป..
ผู้เขียน : อาจารย์นิกร สิทธิจริยาภรณ์
สารบัญ Blockdit christianthai
ซีรีส์ หนังสือเสียงคริสเตียน
ซีรีส์ แบ่งปันข้อพระคัมภีร์โดย ChatGPT
ซีรีส์ ใบปลิวคริสเตียน
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
