Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
kaopoon Talk
•
ติดตาม
25 ม.ค. 2022 เวลา 13:03 • ธุรกิจ
กรณีศึกษา : ย้อนอ่านคำถามที่เคยถูกตั้งขึ้นมาเพื่อถาม CEO ของ NETFLIX ว่าหากเขาเจอกับสถานการณ์เหล่านี้เขาจะแก้ปัญหายังไง ??
1
แล้วถ้าเป็นคุณล่ะ คุณจะตอบเหมือนกับที่ คุณรีด เฮสติงส์ ตอบไหม ไปลองอ่านกันครับ
คำถามที่ 1. ข้อมูลซึ่งหากรั่วไหลจะผิดกฎหมาย
หากคุณเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทสตาร์ทอัพที่มีพนักงาน 100คน และคุณเป็นคนที่เชื่อเรื่องความโปร่งใสขององค์กรเสนอ คุณสอนให้พนักงานทุกคนเข้าใจงบกำไรขาดทุนและเปิดเผยข้อมูลด้านการเงินและกลยุทธ์ทั้งหมด
แต่สัปดาห์หน้าบริษัทของคุณจะต้องเข้าตลาดหลักทรัพย์และอะไรๆก็ต้องเปลี่ยนไปหลังกลายเป็นบริษัทมหาชน ถ้าหากคุณบอกตัวเลขรายไตรมาสให้คนทำงานรู้ก่อนที่จะแจ้งต่อวอลล์สตรีท แล้วพนักงานสักคนในบริษัทแอบนำตัวเลขไปเปิดเผยก่อน หุ้นบริษัทของคุณอาจจะมีสิทธิ์พัง คุณจะเลือกแบบไหน ??
A : ยังคงจะบอกตัวเลขทั้งหมดแก่พนักงานทุกคนตามเดิม แต่จะบอกหลังจากที่แจ้งข้อมูลต่อวอลล์สตรีทแล้ว
B : ยังคงจะบอกตัวเลขทั้งหมดแก่พนักงานทุกคนตามเดิม และบอกก่อนที่จะบอกวอลล์สตรีทอีกด้วย แต่จะย้ำว่าถ้าใครปล่อยข้อมูลนี้รั่วไหลมีหวังติดคุกแน่ๆ
คุณรีด เฮสติงส์ ตอบข้อ B
เพราะว่า : ความโปร่งใสคือสัญลักษณ์ของ Netflix คุณรีด บอกว่าเมื่อใดก็ตามที่เราปิดบังเรื่องการเงินของบริษัทต่อพนักงาน เราก็จะมีเรื่องอื่นมาปิดบังพวกเขาต่อไปเรื่อยๆ และผลที่ตามมาคือ พนักงานทุกคนจะรู้สึกว่าเป็นคนนอกและความทุ่มเทให้กับงานก็จะลดน้อยลง
1
เราจะไม่เก็บความลับมากขึ้นเมื่อบริษัทของเราโตขึ้น
ในทางตรงกันข้ามเราจะทำให้บริษัทโปร่งใสมากกว่าเดิมในทุกๆปี
-รีด เฮสติงส์-
1
คุณรีด ทิ้งท้ายว่า แน่นอนว่าความโปร่งใสจนเกินไปบางทีมันก็เป็นภัย แต่เราจะใช้กฎหมายในการจัดการกับคนที่ทำผิดเป็นรายๆไป เราจะไม่ลงโทษคนส่วนใหญ่เพราะคนนิสัยแย่ๆเพียงไม่กี่คน
1
คำถามที่ 2. หากบริษัทต้องปรับโครงสร้างองค์กร
หากบริษัทต้องปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ ซึ่งทำให้หัวหน้างานหลายโครงการในทีมคุณต้องตกงาน แต่โอกาสที่จะเป็นอย่างนั้นคือ 50 : 50 คุณจะบอกเรื่องนี้แก่พวกเขาเลยหรือรอจนกว่าจะแน่ใจแล้วค่อยบอก
A : ปล่อยไปก่อนยังไม่บอก หากรีบบอกไปพวกเขาอาจจะเตรียมหางานใหม่ ทำให้คุณจะเสี่ยงเสียพนักงานชั้นเยี่ยมไป
B : เกริ่นๆไปก่อน แต่ไม่บอกว่าเรื่องอะไร
C : บอกตามความจริงและอธิบายอย่างละเอียดว่ามีโอกาสครึ่งๆ ที่พวกเขาอาจจะตกงาน
คุณรีด เฮสติงส์ ตอบข้อ C
เพราะว่า : ถ้าคุณอยากสร้างวัฒนธรรมที่โปร่งใสแต่ไม่กล้าบอกลูกน้องตรงๆว่าอาจเกิดการเปลี่ยนแปลง แค่นี้มันก็ไม่โอเคแล้ว แต่คุณรีดไม่ได้ตอบเพียงเพราะอยากทำตามอุดมการณ์เท่านั้นนะครับ
1
2
เขายังให้เหตุผลเพิ่มว่า หลายๆคนอาจจะตอบข้อ A หรือ B เพื่อลดแรงกดดันในที่ทำงาน แต่หากมันเกิดกรณีที่แย่กว่านั้นล่ะ หากพนักงานคนหนึ่งของคุณไม่รู้อะไรเลย และเขาไปทำเรื่องซื้อบ้านนั่นแปลว่าเขาจะมีรายจ่ายเพิ่มเป็นเท่าตัว
แต่อยู่ๆผลออกมาว่า พนักงานคนนั้นจะต้องถูกตัดทิ้ง แล้วชีวิตของเขาจะทำยังไงต่อไป เขาต้องตกงานแถมยังมีรายจ่ายเพิ่มอีก แทนที่ถ้าเขารู้เรื่องตั้งแต่แรกเขาอาจจะวางแผนการในอนาคตได้ดีกว่านี้ก็ได้
เป็นไงบ้างครับกับสองคำถามที่อ่านมา
ส่วนตัวผมตอบไม่ตรงกับคุณรีดสักข้อเลย 😂 แต่พออ่านเหตุผลของคุณรีดประกอบก็เข้าใจอะไรหลายๆอย่างมากขึ้น และรู้สึกว่ามุมมองของผมมันแคบซะเหลือเกิน
และทุกๆคนลองตอบคำถามเล่นๆในใจไหมครับ แล้วตอบข้อไหนเพราะอะไรลองมาแชร์กันในคอมเมนท์นะครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก
หนังสือ : NETFLIX กฎที่นี่คือไม่มีกฎ
5 บันทึก
24
18
10
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
การบริหารงานแบบ NETFLIX
5
24
18
10
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย