28 ม.ค. 2022 เวลา 15:26 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
รีวิวหนัง Munich – The Edge of War มิวนิค ปากเหวสงคราม ภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์ เล่าถึงเหตุการณ์ช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2
รีวิว Munich – The Edge of War มิวนิค ปากเหวสงคราม
Munich – The Edge of War เล่าถึงเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในปี 1938
ละเลงหนัง
รีวิว Munich – The Edge of War มิวนิค ปากเหวสงคราม
เรื่องย่อ Munich – The Edge of War มิวนิค ปากเหวสงคราม
  • หนังเล่าถึงเหตุการณ์สำคัญที่เคยเกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์ เป็นเหตุการณ์การประชุมข้อตกลงในปี ค.ศ. 1938 ที่เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมันนี เนื่องจากฮิตเลอร์ต้องการดินแดนบางส่วนของเชโกสโลวาเกีย ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ในการรบของเชโกสโลวาเกีย โดยฮิตเลอร์ประกาศสงคราม จะยกพลบุกเข้าไปยึดดินแดนดังกล่าว แต่นายกของสหราชอาณาจักรในขณะนั้น คือ เนวิล เชมเบอร์ลิน ไม่อยากให้เกิดสงครามอีก เพราะเขาเคยผ่านสงครามโลกครั้งที่ 1 มาก่อน เขารู้ว่าสงครามมีแต่ผลร้ายมากกว่าผลดี
  • เขาจึงคิดที่จะเจรจาตกลงกับฮิตเลอร์ จนเกิดเป็นความตกลงมิวนิก ซึ่งเป็นการตกลงในการยกดินแดนบางส่วนของเชโกสโลวาเกียให้กับนาซีเยอรมัน เพื่อไม่ให้ฮิตเลอร์ก่อสงคราม โดยในเรื่องจะเล่าผ่านมุมมองตัวละคร 2 ตัวละครหลักๆ ได้แก่ ฮิวจ์ เลแกท (รับบทโดย จอร์จ มักคาย) เลขาของนายก เนวิล เชมเบอร์ลิน แห่งอังกฤษ และ พอล ฟอน ฮาร์ทมันน์ (รับบทโดย ยันนิส นีเวอเนอร์) นักการทูตเยอรมัน ทั้ง 2 เป็นเพื่อนกันสมัยเรียนมหาวิทยาลัยที่ออกซ์ฟอร์ด
รีวิว Munich – The Edge of War มิวนิค ปากเหวสงคราม
ข้อมูลเบื้องต้น Munich – The Edge of War มิวนิค ปากเหวสงคราม
  • ภาพยนตร์เรื่องนี้ดัดแปลงมาจากนวนิยายเรื่อง Munich ที่เขียนโดย โรเบิร์ต แฮร์ริส โดยตัวละครหลักทั้งสองตัวอย่าง Hugh Legat และ Paul von Hartmann เป็นตัวละครที่ผู้เขียนฉบับนิยายอย่าง โรเบิร์ต แฮร์ริส สร้างขึ้นมาไม่ได้มีตัวตนอยู่จริงในประวัติศาสตร์แต่อย่างใด แต่เหตุการณ์ต่างๆ รวมถึงตัวละครผู้นำของแต่ละประเทศ ล้วนเป็นบุคคลที่มีอยู่จริงในยุคสมัยนั้นทั้งสิ้น
  • จากนวนิยายสู่ภาพยนตร์ โดยได้ตัว คริสเตียน ชโวโชว์ มานั่งแท่นกำกับ และเขียนบทโดย เบน พาวเวอร์ นอกจากนี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังยกทัพนักแสดงมากฝีมือมารวมไว้ด้วยกัน ทั้ง เจเรมี ไอเอินส์ เจ้าของรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม จากเรื่อง Reversal of Fortune (1990) และพึ่งมีผลงานล่าสุดใน House of Gucci ที่กำลังฉายอยู่ในโรงภาพยนตร์บ้านเรา ตามมาด้วย จอร์จ มักคาย ที่พึ่งมีผลงานเป็นทหารหนุ่มในสงครามโลกครั้งที่ 1 อย่าง 1917 (2019) และ ยันนิส นีเวอเนอร์ ที่พึ่งมีผลงานกับผู้กำกับ คริสเตียน ชโวโชว์ ในเรื่อง เราคือคาร์ล (Je Suis Karl)
รีวิว Munich – The Edge of War มิวนิค ปากเหวสงคราม
ละเลงหนัง
รีวิว Munich – The Edge of War มิวนิค ปากเหวสงคราม
การแสดง
  • สำหรับในเรื่องการแสดงของนักแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมชอบอยู่ 3 คน คือ จอร์จ มักคาย ที่รับบทเป็น ฮิวจ์ เลแกท และ เจเรมี ไอเอินส์ รับบทเป็น นายก เนวิล เชมเบอร์ลิน และ ยันนิส นีเวอเนอร์ รับบทเป็น ฟอน ฮาร์ทมันน์ โดยตัวละคร ฮิวจ์ เลแกท เป็นเลขาของนายกอังกฤษ ตัวละครนี้มีบุคลิกนิ่งๆ เงียบๆ แต่เป็นคนฉลาด และต้องรับแรงกดดันจากหลายๆซีนในเรื่อง ซึ่ง จอร์จ มักคาย ทำออกมาได้ดี เขาถ่ายทอดความรู้สึกของตัวละครออกมาจากสีหน้าท่าทาง ทำเอาเราคนดูรู้สึกกดดันไปด้วย แต่ยังมีเหนือกว่านั้นคือตัวละคร ฟอน ฮาร์ทมันน์ นักการทูตเยอรมัน ตัวละครนี้มีนิสัยหัวแข็ง ตรงไปตรงมา ไม่ประนีประนอม ซึ่งเขาดันบังเอิญไปได้บันทึกการประชุมลับของฮิตเลอร์ ในบันทึกมีข้อมูลเกี่ยวกับแผนการที่ฮิตเลอร์คิดจะก่อสงครามและล่าอาณานิคม เขาจึงอยากจะไปเตือนฝั่งอังกฤษ ให้ช่วยกันกำจัดฮิตเลอร์ เพราะเขาคิดว่าฮิตเลอร์เป็นคนบ้า และอันตราย (ซึ่งเขาก็คิดถูก)
  • เพราะเหตุนี้ ตัวละครนี้จึงต้องหาทางเพื่อเข้าใกล้ และตีสนิทกับฮิตเลอร์ เพื่อล้วงความลับ ซึ่งมันอันตรายและเสี่ยงกว่าสิ่ง ฮิวจ์ เลแกท เจอเยอะ ฉากเวลาลุ้นทีนี่แทบหยุดหายใจ กลัวตัวเอกจะโดนจับได้ละโดนฮิตเลอร์เชือดเหลือเกิน และคนสุดท้าย ตัวละคร นายก เนวิล เชมเบอร์ลิน ที่รับบทโดย เจเรมี ไอเอินส์ รายนี้คงไม่ต้องอธิบายสรรพคุณเยอะหรอกนะ แสดงได้ดีเหมือนเดิม เล่นดีทุกเรื่องจริงๆ เรื่องนี้เป็นนายกผู้รักความสันติ เพราะเขาเคยไปรบในสงครามโลกครั้งที่ 1 และสูญเสียเพื่อนๆไปกับสงครามหลายคน เขาจึงสัญญากับตัวเองว่าถ้าได้เป็นนายก จะพยายามทุกวิถีทางเพื่อหยุดการก่อสงคราม ตัวละครนี้เป็นคนฉลาด แถมเป็นคนจิตใจดี กล้าตัดสินใจเด็ดขาด ซึ่งเจเรมีทำออกมาได้ดี สมบทบาทมากๆ คิดว่าแกเป็นนายกตัวจริงเลย
รีวิว Munich – The Edge of War มิวนิค ปากเหวสงคราม
การดำเนินเรื่องและบทภาพยนตร์
  • การดำเนินเรื่องทำออกมาได้ดี ไม่ยืดเยื้อ เล่าไปเรื่อยๆ กระชับได้ใจความ ไม่มีฉากไหนที่แบบดูแล้วจะหลับเลย แต่ขอเตือนว่าหนังมันจะการเมืองจ๋าๆหน่อย แต่ถ้าใครชอบหรือรู้ประวัติศาสตร์จะดูและสนุกเพลินไปเลย การดำเนินเรื่องมีการกระตุ้นอารมณ์ตามสถานการณ์ต่างๆ ให้เราคนดูได้มีความรู้สึกอินไปกับเนื้อเรื่อง และเอาใจช่วยตัวละครให้รอดพ้นจากสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นไปได้ ยิ่งฉากกดดันๆ แต่ละฉาก ทำเอาผมลุ้นแทบหยุดหายใจ แบบจะรอดไหมวะๆ มีความสมเหตุสมผล ไม่เกินจริง ส่วนในเรื่องของบทก็ทำได้ดี มีประโยคดีๆเยอะอยู่ มีฉากหลายฉากที่แสดงให้เห็นถึงยุคสมัย ความคิดผู้คนในยุคสมัยนั้น ยิ่งเฉพาะฉากในเยอรมันยิ่งดีมาก
  • อย่างซีนที่คนเยอรมัน มาล้อมคนยิว และบังคับให้ถูพื้น พูดจาดูถูก ซึ่งในหนังมันเป็นช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่กี่ปี ตอนนั้นคนเยอรมันก็เริ่มเกลียดคนยิวกันแล้ว แต่ยังไม่ถึงขั้นฆ่าทิ้ง เหมือนมันแสดงให้เห็นถึงจุดเริ่มต้นก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิด และก็ซีนย้อนอดีตไปในตอนช่วงที่ฮิตเลอร์กำลังเริ่มมีชื่อเสียง และเริ่มมีคนเยอรมันจำนวนมากเชื่อในอุดมการณ์ของฮิตเลอร์ เป็นฉากที่ฮิวจ์ เลแกท ทะเลาะกับ ฟอน ฮาร์ทมันน์ ในบาร์ที่เยอรมัน และตัวละคร ฟอน ฮาร์ทมันน์ หันไปถามคนเยอรมันคนอื่นๆในบาร์ ว่าเชียร์ใคร และทุกคนบอกว่าเชียร์ฮิตเลอร์ แสดงให้เห็นเลยว่า ฮิตเลอร์ เก่งแค่ไหน โน้มน้าวคนได้จนเชื่อเขาหมดหัวใจ สรุปโดยรวมแล้ว ส่วนนี้ทำออกมาได้ดีเลย
รีวิว Munich – The Edge of War มิวนิค ปากเหวสงคราม
งานโปรดักชั่น และการตัดต่อ
  • งานโปรดักชั่นของเรื่องนี้ทำได้ดี สมจริง เหมือนอยู่ในยุคนั้นจริงๆ เสื้อผ้าหน้าผมทุกอย่างทำได้ดีหมด ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้งบการสร้างไปเท่าไหร่ แต่ทำออกมาได้ดี ตามมาตรฐานภาพยนตร์ฮอลลีวูด การตัดต่อก็ทำได้ดี เข้าใจง่าย เรียบเรียงไทม์ไลน์ดี ไม่สับสน โดยรวมแล้วทำได้ดีเลยทีเดียว อาจจะด้วยเรื่องนี้ไม่ได้เป็นหนังแอ็คชั่น เป็นแนววางแผน ลุ้นระทึกซะมากกว่า
  • ถ้าพูดถึงงานโปรดักชั่นก็ต้องพูดถึงดนตรีประกอบภาพยนตร์ด้วย เกือบลืมเลย เสียงเพลงต่างๆ ที่ใช้ประกอบฉาก ก็ทำได้ดีเหมือนกัน แต่ไม่ได้ถึงกับดีมาก ฉากที่ลุ้นหรือบรรยากาศกดดัน เพลงที่ใช้ก็เลือกได้ดี เป็นส่วนช่วยในการกระตุ้นอารมณ์คนดู ให้อินไปกับตัวละครและสถานการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ไปอย่างลื่นไหล โดยรวมแล้วถือว่าดีครับในเรื่องงานโปรดักชั่น เสื้อผ้าหน้าผม เพลง และการตัดต่อ ส่วนภาพยนตร์เรื่องอื่นๆที่ใช้เพลงประกอบฉากดีมากและพึ่งฉายไปไม่นาน สำหรับผมก็ Dune และ No Time to Die สองเรื่องนี้เพลงที่ใช้โคตรดีจริงๆ
รีวิว Munich – The Edge of War มิวนิค ปากเหวสงคราม
สรุปภาพรวม Munich – The Edge of War มิวนิค ปากเหวสงคราม
  • โดยสรุปแล้วภาพรวมของภาพยนตร์เรื่องนี้ นับว่าทำออกมาได้ดีเลย ผมเอ็นจอย สนุก และอินไปกับหนังเรื่องนี้พอสมควร โดยส่วนตัวผมชอบหนังแนวเล่าเรื่อง ประวัติศาสตร์ และสร้างจากเรื่องจริงมาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ถ้าคนที่ชอบดูหนังแนวบันเทิง แอ็คชั่น หรือหนังบล็อกบัสเตอร์ อาจจะไม่ชอบเรื่องนี้ แต่ถ้าคนสายเดียวกับผม ก็จะเอ็นจอยไปกับมันได้ แต่ไม่รับประกันว่าทุกคนจะชอบ มันไม่ใช่หนังแย่ แต่ก็ไม่ใช่หนังดีขนาดต้องดูก่อนตาย แต่ก็ดูเพื่อศึกษาประวัติศาสตร์ก็ยังได้อยู่ครับ แม้ตัวละครหลักสองตัวอย่าง ฮิวจ์ เลแกท และ พอล ฟอน ฮาร์ทมันน์ จะเป็นตัวละครที่สร้างขึ้นมา และการดำเนินเรื่องส่วนใหญ่ที่ผูกกับสองตัวละครนี้ก็เป็นเรื่องแต่ง
  • เพราะหนังสร้างมาจากนวนิยาย แต่เหตุการณ์ที่ฮิตเลอร์บอกว่าจะยึดเชโกสโลวาเกีย จนอังกฤษยื่นข้อเสนอในการประชุมกันเพื่อตกลงกันที่มิวนิก จนสุดท้ายการประชุมลงนามก็ประสบความสำเร็จ และรักษาความสงบไว้ได้เพียง 1 ปี ก่อนเกิดเหตุการณ์สงครามโลก เหตุการณ์เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์ ดังนั้นไม่เสียเวลาแน่นอน และการแสดงของนักแสดงในเรื่อง แค่นี้ก็คุ้มค่าต่อการเสียเวลาแล้ว ส่วนตัวผมให้ 8 เต็ม 10 หักเรื่องบท 1 คะแนน เพราะมันไปได้สุดกว่านี้ และหักเรื่องดำเนินเรื่อง ที่ไม่ดึงดูดมากพอ มันทำให้ดีกว่านี้ได้ ส่วนใครที่ยังลังเลว่าจะดูเรื่องนี้ดีไหม ผมแนะนำให้ลองดูครับ มีพากย์ไทยด้วย ไม่ต้องอ่านซับดูได้ทาง Netflix รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน
รีวิว Munich – The Edge of War มิวนิค ปากเหวสงคราม
สุดท้ายนี้ หากผิดพลาดประการใด ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ ผมรีวิวตามความรู้สึกส่วนตัว แต่ถ้าหากอ่านแล้วชอบ ฝากกดติดตาม และกดแชร์ให้ด้วยนะครับ
ละเลงหนัง
★ Facebook Fanpage ละเลงหนัง : https://www.facebook.com/Lalengnung
★ True ID In Trend ละเลงหนัง (สำหรับเขียนบทความ) : https://creators.trueid.net/@155949

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา