6 ก.พ. 2022 เวลา 02:00 • ประวัติศาสตร์
เรื่อง : ฆาตกรต่อเนื่อง 63 ศพ ใน 14 ปี นักฆ่าโรคจิตที่น่ากลัวที่สุดแห่งดินแดนหมีขาว
9
ระยะเวลาที่ใช้ในการอ่านโดยประมาณ : 10นาที
Part 1 : เริ่มเรื่อง
สวนสาธารณะ Zaryadye ทางตอนใต้ของกรุงมอสโก มีพื้นที่ป่าที่กว้างขวางขนาด 22 ตารางกิโลเมตร เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่ดีมากของผู้พักอาศัยบริเวณใกล้เคียง แต่ในหลายปีที่ผ่านมา ป่าแห่งนี้กลับมีความลับบางอย่างที่น่าสะพรึงกลัวซ่อนอยู่
ในวันที่ 15 ตุลาคม ปี2005 เป็นวันเสาร์ที่มีอากาศสดใส ผู้คนต่างเดินทางมาเดินเล่นในสวนแห่งนี้ตามปรกติ แต่ในพุ่มไม้แห่งหนึ่งได้พบศพผู้ชายคนหนึ่ง บริเวณศรีษะมีบาดแผลฉกรรจ์ และมีเศษขวดเหล้าเสียบทะลุอยู่ มีสมองไหลออกมาบนพื้นบริเวณใกล้เคียง โดยตำรวจสันนิฐานว่าผู้ตายน่าจะมีอายุประมาณ 31 ปี
หลังจากเกิดเรื่องขึ้นได้เพียง 1 เดือน ก็พบศพใหม่ในสวนสาธารณะเดิมอีกครั้ง
โดยครั้งนี้ผู้ตายเป็นผู้ชาย อายุประมาณ 63 ปี แล้ว 2 สัปดาห์ต่อมาก็พบเพิ่มอีก 1 ศพ แล้วอีก 1 สัปดาห์ต่อมาก็พบเพิ่มอีก 1 ศพ และยังพบอีกเรื่อยๆ จนกระทั้งถึงช่วงคริสมาสหรือเพียง 2 เดือนเศษก็พบศพในสวนแห่งนี้ถึง 7 ศพแล้ว
4
Part 2 : เริ่มการสอบสวน
จากการตรวจสอบพบว่าเหยื่อทุกคนนอนเสียชีวิตบนพื้นสวน ทรัพย์สินและของใช้ส่วนตัวล้วนไม่ได้ถูกนำไป มีลักษณะบาดแผลที่ดูสยดสยองเหมือนกัน กล่าวคือศรีษะถูกตีจนแตก และถูกเสียบด้วยขวดเหล้าวอดก้า และฆาตกรด็ลงมือย่างรอบคอบและชาญฉลาด เขาไม่ทิ้งหลักฐานอะไรไว้ในที่เกิดเหตุเลย มีเพียงรอยบาดแผลของเหยื่อเท่านั้น ที่ตำรวจพอใช้สันนิฐานได้ว่า อาวุธที่ใช้สังหารน่าจะเป็นค้อน
2
ตำรวจกว่า 200 นายได้ทำการตรวจสอบในสวนสาธารณะ Zaryadye ทุกวัน สอบปากคำทุกคนที่มีท่าทีพิรุจ และผ่านไปหลายสัปดาห์ ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆเลย และสื่อก็มีการรายงานข่าวอย่างต่อเนื่อง และมีการตั้งฉายาให้ฆาตกรว่า “คนบ้า Zaryadye ” โดยหลังจากที่ข่าวนี้ถูกแพร่ออกไป ผู้คนในมอสโกต่างตื่นตกใจ และไม่มีใครกล้าเดินทางมายังสวนสาธารณะแห่งนี้อีก
1
เนื่องจากแทบไม่มีหลักฐานอะไรเลย การสืบสวนจึงเป็นไปอย่างยากลำบาก จนกระทั้งในเดือนมิถุนายน ปี 2006 ก็ได้ทีการพบศพอีกครั้งในสวนสวนสาธารณะแห่งเดิม โดยครั้งนี้เป็นศพที่ 14 แล้ว แต่ครั้งนี้ผู้เสียชีวิตกลับเป็นผู้หญิง แต่ลักษณะบาดแผลยังคงเหมือนเหยื่อรายก่อนๆ และในกระเป๋าเสื้อของผู้ตาย ตรวจสอบบัตรรถไฟใต้ดิน 1 ใบ ตำรวจจึงได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของรถไฟใต้ดินกรุงมอสโกทันที
1
ภาพที่พบจากกล้องวงจรปิด
2 วันหลังจากพบศพ ลูกชายของเหยื่อได้มายืนยันศพ ผู้ตายนั้นเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยววัย 36 ปี ชื่อว่า Marina Moskalyova เธอพักอาศัยอยู่กับลูกชายของเธอ โดยลูกชายของเธอบอกว่าโทรศัพท์ของแม่เขาเสียในวันเกิดเหตุพอดี ตอนที่แม่จะออกจากบ้านได้เขียนโน็ตไว้ให้เขา โดยเขียนชื่อสถานที่ที่จะไป และชื่อรวมถึงเบอร์ติดต่อของคนที่จะเดินทางไปด้วยกัน
2
บนกระดาษเขียนชื่อของชายคนหนึ่ง Alexander Pichushkin ซึ่งเขาทำงานเป็นพนักงานร้านค้าแห่งหนึ่ง อายุ 32 ปี ซึ่งตรงกับเบาะแสจากกล้องวงจรปิดในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่ตำรวจพบ โดยพวกเขาพบว่าในวันนั้น Marina ได้อยู่กับผู้ชายคนหนึ่ง ทั้ง 2 คนกำลังคุยกันกระหนุงกระหนิง จากการตรวจสอบพบว่าผู้ชายคนดังกล่าวคือ Alexander Pichushkin ในมือของเขาถือกระเป๋าอยู่ใบหนึ่ง ทางตำรวจจึงสงสัยว่าในกระเป๋าของเขาอาจบรรจุอาวุธที่ใช้ในการก่อคดีอยู่
Alexander ถูกควบคุมตัวในวันที่ 16 มิถุนายน ขณะที่ทำการสอบสวน เขามีท่าทีสงบ ละเพียงไม่กี่ชั่วโมง เขาก็รับสารภาพว่าเขาเป็นคนลงมือฆ่า Marina และยังพูดอีกว่าที่ผู้คนต่างเรียกคนบ้า Zaryadye นั้น ก็คือตัวเขาเองนี้แหละ และในขณะที่ตำรวจยังตกใจไม่หายกับคำสารภาพของเขา Alexander ก็ยังพูดต่อไปอีกว่า “ไม่สิ ผมไม่ได้ฆ่าแค่ 14 คน ผมฆ่าไปแล้วทั้งหมด 63 คนต่างหาก ผมคือพระเจ้า ผมทำให้คนเหล่านั้นได้รับชีวิตใหม่”
4
ตัวอย่างเหยื่อของ Alexander Pichushkin
Alexander Pichushkin เกิดวันที่ 9 เมษายน ปี 1974 พ่อได้ทิ้งเขากับแม่ไปตั้งแต่ก่อนเขาเกิด แม่ของเขาไม่สามารถเลี้ยงดูเขาได้ เขาจึงถูกส่งไปยังสถาสงเคราะห์ แต่หลังจากนั้นแม่ของเขาก็ไปรับเขากลับมา และส่งให้เขาไปอยู่กลับปู่ ตอนเขาอายุได้ 4 ขวบ มีอยู่ครั้งนึงในขณะที่เขากำลังวิ่งเล่นอยู่นั้น เขาได้ประสบอุบัติเหตุวิ่งชนเข้ากับชิงช้า แล้วนับแต่นั้นเป็นต้นมา เขาก็เหมือนมีอาการอารมณ์สวิง ศูนย์โรคระบบประสาทในท้องถื่น จึงได้เฝ้าติดตามพฤติกรรมของเขาตลอด จนกระทั้งเขามีอายุได้ 20 ปี
3
Alexander Pichushkin
Alexander ถือว่าเป็นคนที่มีวัยเด็กน่าสงสารคนหนึ่ง พ่อของเขาทิ้งเขาไปตั้งแต่ยังไม่เกิด ส่วนแม่ก็ใช้เวลาทั้งหมดไปกับการทำงานเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว บุคคลเพียงคนเดียวที่ให้ความอบอุ่นแก่เขาก็คือปู่ โดยปู่ก็ได้ซื้อสุนัขให้เขา 1 ตัวและพาเขาไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะ Zaryadye เป็นประจำ
1
วันเวลาแห่งคาวมสุขนั้นอยู่กับ Alexander ไม่นานนัก เมื่อคุณปู่ของเขาได้มาด่วนจากไปด้วยอุบัติเหตุ เขามักพาสุนัขเพื่อนของเขาไปเดินเล่นในสถานที่เดิมๆ พรางนึกถึงวันเวลาเก่าๆที่ปู่ของเขายังมีชีวิตอยู่ แต่เหมือนโชคชะตากลั่นแกล้ง เพราะต่อมาสุนัขที่เป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของเขาก็มาตายจากไปอีก เรื่องนี้ทำให้ Alexander ได้รับผลกระทบทางจิตใจอย่างหนัก เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกโลกทั้งใบทอดทิ้ง เขาได้ทำการฝังเพื่อนของเขาไว้ที่สวนสาธารณะ Zaryadye และมีบ่อยครั้งที่เขาจะเดินทางมาเยี่ยมหลุมศพ และพูดคุยกับเพื่อนของเขาที่หน้าหลุมศพแห่งนี้ ซึ่งต่อมามันก็คือสถานีที่เขาใช้ฆ่าคนนั้นเอง
1
Alexander Pichushkin ในวัยเด็ก
หลังจากที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาก็ประกอบอาชีพเป็นช่างไม้ และต่อมาก็ได้ย้ายไปทำงานเป็นพนักงานขนสินค้าที่ร้านค้าแห่งหนึ่งใกล้กับสวนสาธารณะ Zaryadye โดยเจ้านายก็เอ็นดูเขามาก บอกว่าเขาขยัน และทำงานเก่งมาก เพื่อนบ้านของAlexander เอง ก็บอกว่าเขานั้นเป็นคนเงียบขรึมแต่มีมารยาทที่ดีมาก อีกทั้งยังดูเป็นคนที่มีจิตใจดี เพราะแค่เขาเห็นลูกแมวตาย เขาก็ร้องไห้อย่างเจ็บปวด เพื่อนบ้านของ Alexander ชื่อว่า William อายุ 57 ปี ได้เล่าถึงAlexander ว่า ในความทรงจำของเขา Alexander คือวัยรุ่นคนหนุ่งที่สุขุมและมีจิตใจดี แต่ภายหลังตัว William เองก็ตกเป็น 1 ในเหยื่อของAlexander ด้วยช่นกัน
3
ในปี 1992 Alexander ที่มีอายุได้ 18 ปีรู้สึกตื่นเต้นมาก เขาได้เตรียมพร้อมแล้วสำหรับการสังหารเหยื่อคนแรก โดยเหยื่อรายแรกของเขาคือเพื่อนร่วมห้องของเขาเอง มีชื่อว่า Mikhail Odichuk โดย Alexander ได้ใช้ค้อนทุบไปยังหลังศรีษะของเขา จากนั้นจึงโยนศพลงไปในบ่อน้ำ โดยภายหลังAlexander ได้กล่าวถึงการลงมือครั้งแรกของเขาว่า “มันเหมือนรักแรกพบ เป็นอะไรที่น่าจดจำมาก”
1
มีเหยื่อคนหนึ่งของ Alexander ที่สามารถรอดชีวิตมาจากการลงมือของเขาได้ เธอคือ Maria Viricheva โดยเธอนั้นเป็นคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ โดนเธอเล่าว่า Alexander ต้องการที่จะขายกล้องให้กับเธอ จึงได้หลอกเธอไปยังบ่อน้ำในสวนสาธารณะ Zaryadye และในขณะที่เธอกำลังเผลอ Alexander ก็ผลักเธอตกลงไปในบ่อน้ำ แต่เธอยังโชคดีที่ถูกน้ำพัดไปยังท่อระบายน้ำ เธอจึงคลานออกมาและได้รับความช่วยเหลือได้ทัน แต่เมื่อเธอได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ ในตอนนั้นตำรวจกลับไม่คิดว่าคนร้ายจะเป็นฆาตกรต่อเนื่อง แต่กลับเห็นเป็นเพียงคดีไร้สาระ จึงไม่ได้ติดตามทำคดีนี้
3
Alexander ยิ่งลงมือก็ยิ่งกล้าท้าทายกฏหมายมากขึ้นเรื่อยๆ ในฤดูร้อน ปี 2001 เขาได้ตัดสินใจที่จะเป็นฆาตกรต่อเนื่อง และเวทีในการฒ่าของเขาก็คือสวนสาธารณะ Zaryadye เขาได้ลิสรายชื่อคนหลายคนที่เป็นคนสนิทของเขาออกมา เพื่อเตรียมจะฆ่าไปทีละคน เขาบอกว่าการได้ฆ่าคนที่เขาสนิทด้วย เป็นเพิ่มความกะตือรือร้นและความอยากลงมือของเขา
3
Alexander ได้เริ่มคบหากับคนขี้เหล้าในท้องถิ่น โดยมากจะคบกับคนแก่ โดยเขาบอกว่าเขาเสียใจมากกับการจากไปของสุนัขเพื่อนของเขา เขามักจะพาเหยื่อของเขาไปยังข้างหลุมศพของสุนัข หลังจากนั้นก็ให้เหยื่อดื่วอดก้าจนเมา และเขาก็จะลงมือฆ่า โดยในช่วงแรกเราจะใช้วิธีโยนลงบ่อน้ำ แต่ต่อมาก็เปลี่ยนมาใช้ปืนแก็ปที่ประดิษฐ์ขึ้นเอง จนกระทั้งในปี 2005 เขาก็พัฒนาความโรคจิตขึ้นไปอีกขั้น โดยการเริ่มใช้ค้อนทุบไปที่ศรีษะของเหยื่อ โดยหลังจากที่มั่นใจว่าเหยื่อเสียชีวิตแล้ว เขาก็จะรับกลับบ้านทันทีเพื่อดูละครที่เขาชื่นชอบตอนเวลา 2 ทุ่ม ซึ่งนั่นแสดงในเห็นว่าจิตใจของเขาคงต้องผิดปรกติมากจริงๆ
Alexander ยังเป็นคนที่ชอบเล่นหมากรุกมาก ทุกครั้งที่เขาฆ่าเหยื่อสำเร็จ เขาก็จะนำเหรียญมาวางที่กระดานหมากรุก และกำกับหมายเลขไว้เพื่อทำการบรรทึก โดยในตอนที่เขาถูกจับกุมเขาใกล้ที่จะวางหมากรุกครบ 64 ช่องแล้ว
3
กระดานหมากรุกดังกล่าว
Part 3 : บทสรุป
Alexander ถูกจับเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ปี 2006 เริ่มใต่สวนวันที่ 13 สิงหาคม ปี 2007 ในชั้นศาลเขามีอาการสงบนิ่ง ยิมรับผิดในทุกคดี รวมถึงเขายังบอกเล่ารายละเอียดในการลงมือได้ทุกคดี สื่อต่างๆล้วนเดินทางมาทำข่าว เป็นครั้งแรกที่ Alexander รู้สึกว่าเขาได้รับความสนใจจากผู้คนมากมาย ความผิดปรกติภายในจิตใจ ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้น และไม่ได้รู้สึกผิดในการกระทำที่ผ่านมาเลย อีกทั้งเขายังพูดคำพูดที่ชวนสยองด้วยว่า “การฆ่าคนคือความจำเป็นของผม หากไม่ฆ่าคน ผมคงมีชีวิตอยู่ต่อไม่ได้ ผมเป็นพระเจ้าของพวกเขา ผมได้เปิดประตูบานใหม่เพื่อพวกเขา ให้พวกเขาได้มีชีวิตใหม่”
1
Alexander Pichushkin ขณะถูกควบคุมตัว
ในวันที่ 29 ตุลาคม เขาถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต โดยใน 15 ปีแรกจะเป็นการขังเดี่ยวเพื่อรับการรักษาอาการป่วยทางจิต โดยสาเหตุที่เขาไม่ได้รับโทษประหารชีวิตก็เป็นเพราะว่า ประเทศรัสเซียได้ยกเลิกโทษประหารไปตั้งแต่ปี 1996 แล้วคดีนี้ก็ได้สิ้นสุดลง
จากการตรวจสอบของจิตแพทย์ได้ลงความเห็นว่า เหตุการณ์ในวัยเด็กมีส่วนอย่างมากในการหล่อหลอมให้เขาหลายเป็นฆาตกร การที่ปู่ของเขาเสียชีวิตอย่างกระทันหันทำให้เขาเชื่อว่าเขาถูกทอดทิ้ง จนกระตุ้นบุคลิกต่อต้านสังคมภายในใจของเขาออกมา และต่อมาเพื่อเป็นการแก้แค้นปู่ ที่เขาเชื่อว่าได้ทอดทิ้งเขาไป เขาจึงลงมือฆ่าคนชราจำนวนมาก อีกทั้ง Alexander ยังมีความกลัวต่อเพศตรงข้าม อันที่จริงเขาอยากทำความรู้จักกับเพศตรงข้าม แต่ก็มีความกลัวพวกเธอ เขาจึงใช้การฆ่าเพื่อตอบสนองความต้องการทางเพศของเขา
3
ทางตำรวจยังพบอีกว่าเขามีความสนใจเกี่ยวกับความรุนแรงทางเพศเป็นพิเศษ โดยตัวของ Alexander ยังเคยพูดกับพนักงานสอบสวนอีกว่า “การฆ่าคนทำให้เขารู้สึกเติมเต็ม มันเหมือนกับการสำเร็จความใคร่อย่างต่อเนื่อง” อีกทั้งเขายังรู้สึกว่าชีวิตของเขานั้นล้มเหลว ดังนั้นสำหรับ Alexander การฆ่าคนจึงเป็นเหมือนอาชีพที่ยิ่งใหญ่ และเป็นเครื่องยืนยันว่าชีวิตของเขายังมีความหมาย
เรียบเรียงโดย
นายจอมโม้
5 กุมภาพันธ์ 2022
1

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา