2 ก.พ. 2022 เวลา 05:29 • หนังสือ
ฮิกิโกะโมริ - คือคำที่คนญี่ปุ่นใช้อธิบายเด็กวัยรุ่นที่ขังตัวเองอยู่ในห้อง ลดการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน และสังคม หรือแม้แต่คนในครอบครัวตัวเอง บางคนทำอยู่อย่างนั้นนานถึง 15 ปี
1
ทึ่งกับคนญี่ปุ่นมากที่ตั้งชื่อให้กับพฤติกรรมอะไรแบบนี้ มันเหมือนกับบอกว่า เอาล่ะมึงไม่อยากมีตัวตนใช่มั้ย ไม่เป็นไรเดี๋ยวพวกเราจะตั้งชื่อให้ อย่างน้อยผู้คนก็ยังแคร์พอที่จะเห็นและเรียกชื่อให้ว่า “ฮิกิโกะโมริ” ... เฮ้ย!! ย้อนแย้งดีอ่ะ
1
I Called Him Necktie - ผมเรียกเขาว่าเน็กไท
เขียนโดย 👉Milena Michiko Flasar
แปลโดย 👉สิริยากร พุกกะเวส มาร์ควอร์ท
หนังสือที่บอกเล่าเรื่องราวของเด็กหนุ่มอายุยี่สิบปีคนหนึ่งที่เป็นฮิกิโกะโมริ และ ชายวัยห้าสิบปีอีกคนหนึ่ง ตลอดทั้งเล่มได้พาเราว่ายเวียนไปยังภายในที่แหลกสลายของทั้งคู่ และเฝ้าดูการประกอบร่างสร้างตัวใหม่ให้กันและกันโดยไม่รู้ตัว
พูดจริง ๆ ก็คือหนังสือเล่มนี้เหมาะกับคนที่รักการพรรณา ละเลียดพร่ำบรรยายเปรียบเปรยแบบไม่จำเป็น ถ้อยคำที่รุงรังเยอะแยะ ถ้าหนังสือปกติก็คงจะเขียนบรรยายแค่ “เขาตื่นตามกิจวัตรและเดินทางไปทำงาน” แต่หนังสือเล่มนี้จะใช้เวลาอธิบายความรู้สึก ส่วนประกอบอื่น ๆ มากมายกว่าที่ชายคนหนึ่งที่ตื่นมาและเดินทางไปทำงาน ได้ถึงหนึ่งหรือสองหน้ากระดาษ
จริตแบบนี้นี่แหละที่ทำให้ฉันจมดิ่งอยู่กับทุกหน้าทุกบรรทัด เข้าอกเข้าใจหัวอกคนที่ว่างกลวงโบ๋ได้เป็นอย่างดี เพราะในบางส่วนเสี้ยวมันก็คือตัวฉันที่ดำเนินอยู่ในเล่ม
ซึ่งมันก็ไม่ใช่ทุกคนที่ชอบแบบนี้ คนที่อ่านอะไรง่าย ๆ ซื่อตรง อาจจะเขวี้ยงทิ้งตั้งแต่ยังไม่พ้นหน้าที่สิบ
แต่ถ้าอดทนพอก็จะพบว่า ความงามของถ้อยคำที่ร้อยเรียงกัน ทำให้เรื่องสามัญงดงามและล้ำลึก กว่าที่เราจะรู้ได้ว่า ที่มาที่ไปของเด็กหนุ่มฮิกิโกะโมริผู้แขยงต่อโลกภายนอก และชายวัยใกล้เกษียณที่ดูหมดอาลัยในชีวิต ยังไม่ทันปะติดปะต่อเรื่องราวให้เข้าใจเราก็ตกลงไปในกับดักของชีวิตทั้งคู่แล้ว แบบถอนตัวออกได้ยากซะด้วย
บางทีเธอชอบนอนราบไปกับพื้นแล้วร้องไห้จนน้ำตาชุ่มพื้น ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอบอกว่ามันเป็นการชำระล้างอย่างหนึ่ง ​... เธอไม่ได้ร้องไห้เพราะเสียใจ แต่เพื่อที่จะมองเห็นแก่นสารของชีวิตให้ชัดขึ้น
เพราะฉันเชื่อใจเธอ เธอจึงเป็นหนี้ฉัน และเพราะเธอสัญญาว่าจะไม่ทรยศฉัน ฉันจึงเป็นหนี้เธอ
คนที่ได้ยินแค่การหัวเราะในเสียงหัวเราะคือคนหูหนวก ฉันบอกได้เลยหนวกยิ่งกว่าหนวก ฉันหัวเราะให้เธอได้ยินมั้ย เขาหัวเราะ เขาหัวเราะอีก เธอต้องได้รู้ว่าฉันเสียใจที่เธอกำลังจะจากฉันไป ฉันใส่ความเคารพไว้ในนั้น ได้ยินไหม เขาหัวเราะไม่หยุด
การรับรู้ว่าใครและอะไรที่ผมสูญเสียเกิดขึ้นในภายหลัง หลายปีให้หลัง และเมื่อมันเกิดขึ้น มันก็เป็นการสูญเสียซ้ำสอง เป็นการพยายามกรีดแผลให้เปิดออก คุณล้วงเข้าไปข้างใน แล้วถึงได้เข้าใจ มันไม่มีทางแก้ มันไม่ใช่สิ่งที่จะแก้ไขได้
มีคนบอกว่าคนเราเกิดมาแค่ครั้งเดียว แล้วทำไมเราถึงตายครั้งแล้วครั้งเล่า
อ้อ - ฉันคิดว่า คนที่ชอบเขียนก็ควรที่จะอ่านหนังสือเล่มนี้ เพื่อจะได้เรียนรู้การบรรยายเปรียบเปรยในสถานการณ์ต่าง ๆ ซึ่งโดยปกติหนังสือทั่วไปจะไม่เลือกอะไรที่เยิ่นเย้อวุ่นวายขนาดนี้ แต่มันจะทำให้เราทึ่งว่าผู้เขียนสรรหาการบรรยายที่เรานึกไม่ถึงมาจากไหนกัน
1
อืมมม ก็น่าจะมาจากการอ่านเยอะ คิดเยอะนั่นแหละ ซึ่งก็ได้กลายมาเป็นหนังสืออีกเล่มที่จะเป็นบทเรียนให้เราได้เรียนรู้วิชาการเขียน การวางโครงเรื่อง และการค่อย ๆ เล่าถึงมันช้า ๆ แบบไม่เร่งรีบ
ฉันใช้เวลาสามวันกับหนังสือเล่มเล็ก ๆ นี้เพื่ออ่านมันจนจบ ทั้ง ๆ ที่วันเดียวก็น่าจะจบแล้ว แต่ก็อย่างที่บอก มันมีการบรรยายให้เราว่ายลึกลงไปในตัวตนที่กลวงเปล่าแต่เต็มไปด้วยเศษเสี้ยวของชีวิตที่แตกสลายของตัวละคร มันก็เลยทำให้ฉันค่อย ๆ เคี้ยวและย่อยและดื่มด่ำกับมัน
หลายคนบอกว่านี่เป็นหนังสือให้กำลังใจสำหรับคนผู้เคว้งคว้างอันเกิดจากความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ ให้กลับมาใช้ชีวิตอีกครั้ง
ฉันเองไม่ได้มีสภาวะร่วมอะไรแบบนั้น แต่หลังจากอ่านจบก็ได้ทบทวนถึงสายตาที่เรามองผู้คน เราแทบไม่รู้เลยว่าเบื้องลึกภายใน ใครต่อใครเจออะไร และกำลังเจ็บปวดกับอะไรบ้าง - มันทำให้เรารู้สึกอยากจะ “ใจดี” กับผู้คนมากขึ้น
อย่างไรก็ตามนี่คือหนังสือที่ดีอีกเล่มหนึ่ง❤️

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา