9 มี.ค. 2022 เวลา 12:30 • ท่องเที่ยว
เรื่องไม่ (น่า) เป็นเรื่องในเกาหลีใต้ ตอนที่ 3 : เพลงรักในสายลมหนาววววววว
เที่ยวเกาหลีทั้งทีจะไม่ไปตามรอยซีรีส์ก็คงไม่ได้ และซีรีส์ที่หลายคนต้องไปตามก็คงหนีไม่พ้น Winter Love Song หรือ เพลงรักในสายลมหนาว วันนี้เราจะมาเล่าประสบการณ์เส้นทางท่องเที่ยวเกาะนามิที่หนาวจับ...
ขอเริ่มต้นที่สถานี Gapyeong เลยแล้วกัน ซึ่งเป็นรถไฟ ITX สายสีเขียวมิ้นท์ที่ออกจะไกลจากตัวเมืองโซลอยู่พอสมควร โดยจุดเริ่มต้นของรถไฟสายนี้อยู่ที่สถานี Yongsan แต่เพื่อนๆจะสะดวกขึ้นที่ไหนก็เลือกจุดกันตามแผนที่ได้เลยจ้า
แผนที่รถไฟ ITX Cr. https://www.englishspectrum.com/korean-subway-system/
รถไฟ ITX จะต่างจากรถไฟใต้ดินธรรมดาเล็กน้อย ตอนที่เราไปก็ไม่รู้หรอกไปกันแบบงงๆ คือพอเราจะเปลี่ยนเป็นสาย ITX อ่ะ จะต้องแตะบัตรออกก่อนแล้วค่อยแตะเข้าประตูทางเข้ารถไฟ ITX อีกที ซึ่งประตูก็อยู่ในสถานีเดียวกันนั่นแหละ อ้อ! แล้วก็อย่าลืมดูปลายทางดีๆล่ะเพราะเราจะต้องเลือกขบวนที่ปลายทางเป็นสถานี Kyungchun นะ ไม่ใช่สถานี jungang
สถานี Gapyeong สามารถซื้อตั๋วรถบัสได้หน้าสถานีเลยน้า
ที่สถานีนี้เราสามารถขึ้นรถ Gapyeong City Tour Bus ได้ที่หน้าสถานี ซึ่งเป็นรถที่จ่ายรอบเดียวเราก็สามารถขึ้น-ลงสถานที่ท่องเที่ยวตามป้ายต่างๆได้ทั้งวัน ในราคาเพียง 8,000 วอนสำหรับผู้ใหญ่ 6,000 วอนสำหรับเด็ก และฟรีสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี (ราคาปัจจุบัน) โดยรถของเขาก็จะมีเป็นรอบๆ และมีหลายสถานีให้เราเลือกจุดหมายปลายทางได้ตามใจชอบ เพราะฉะนั้นอย่าลืมจัดเวลา จัดสถานที่กันดีๆนะจ๊ะ
Cr. ข้อมูลปัจจุบันตามด้านล่างนี้นะคะ
รถบัสจะมีให้เลือก 2 เส้นทางด้วยกัน คือเส้นทาง A และ B ใครชอบเที่ยวแบบไหนก็ลองไปปักหมุดกันดู แต่สำหรับทริปนี้เป็นเส้นทาง A จ้า
ป้ายต่างๆ ที่เราสามารถลงได้ Cr.https://majalahka.com/gapyeong-city-tour-bus-schedule-2019-2/
ตารางเวลาทั้งไป และ กลับ Cr. https://majalahka.com/gapyeong-city-tour-bus-timetable-2019/
โดยทริปของเรานั้นตัดสินใจไป 3 ที่ด้วยกัน นั่นคือ
  • 1.
    เกาะนามิ
  • 2.
    Petite France
  • 3.
    Garden of Morning Calm
จุดมุ่งหมายแรก "เกาะนามิ"
เราลงรถบัสที่ป้าย Gapyeong แล้วก็วิ่งต๊อกแต๊กๆไปขึ้นเรือข้ามฟาก ซึ่งตอนอ่านรีวิวเขาบอกว่าบนเรือมีธงชาติไทยปักคู่กับธงเกาหลีด้วยนะ แต่ตอนไปกลายเป็นธงจีนไปแล้ว ค่าเรือรวมค่าเข้าปัจจุบัน 16,000 วอนสำหรับผู้ใหญ่ 13,000 วอนสำหรับเด็กมัธยมและผู้สูงอายุ และ 10,000 วอนสำหรับเด็กเล็ก
เรือข้ามฟากไปเกาะนามิ
แต่ก็ยังไม่ได้น้อยหน้าซะทีเดียวนะ เพราะภายในเกาะก็ยังมรธงเราคู่ธงเกาหลีใต้อยู่
ในช่วงที่เราไปเป็นช่วงปลายหน้าหนาวแล้ว ไม่เจอหิมะตกแต่ทั้งเกาะก็ยังเต็มไปด้วยหิมะอยู่ ธารน้ำในเกาะก็ยังเป็นน้ำแข็งอยู่บางส่วน และนี่คือจุดเริ่มต้น...
หิมะๆๆๆ ตื่นเต้นมากๆที่ได้เห็นหิมะ
เมื่อเดอะแก๊งที่มาท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นครั้งแรก และสัมผัสความหนาวเย็นเป็นครั้งแรก เริ่มเล่นธารน้ำแข็ง กระโดดโลดเต้นโดยไม่รู้เลยว่าน้ำแข็งนั้นเปราะบางแค่ไหน คนที่หนึ่งผ่านไป ตามด้วยคนที่สอง และแจ็กพอร์ตก็มาตตกที่คนที่สาม ที่เท้าข้างหนึ่งหล่นตุ้บและจุ่มลงไปในธารน้ำที่เย็นเฉียบ พวกเราหัวเราะกันลั่นโดยที่ไม่รู้เลยว่าเพื่อนกำลังเจอกับอะไร ก่อนจะพากันไปผิงไฟบริเวณใกล้ๆ
สภาพหลังเอาเท้าไปวัดอุณหภูมน้ำ
ระหว่างรอเพื่อนอังไฟ คนเกาหลีที่อยู่ใกล้ๆหันมาเห็นก็ทำหน้าตกใจแล้วเข้ามาช่วย พูดอะไรบ้างไม่รู้แหละแต่เขาถอดรองเท้าและถุงเท้าเพื่อนเรามา เอาทิชชู่ยัดเข้าไปในรองเท้าแล้วก็เอาไปอังไฟ ดูเป็นเรื่องซีเรียสมาก จนเราก็แอบคิดว่าจะอะไรขนาดนั้นกันนะ
พวกเราใช้เวลาไปกับการอังไฟอยู่พอสมควรจนเพื่อนเริ่มดีขึ้นจึงออกเดินทางต่อ ซึ่งแน่นอนว่าต้องไปถ่ายรูปบริเวณป่าสนที่มีรูปปั้นพระนางจากเรื่อง Winter Love Song และด้วยความโอ้เอ้เอ้อระเหยก็เกือบจะขึ้นรถไม่ทัน ก็วิ่งกันไปสิคะ รถที่นี่ไม่เลทไม่ดีเลย์เหมือนบ้านเรานี่คะ ขึ้นรถได้ก็นั่งหอบกันเลย555
มุมนี้คือสวยมากกก คนเยอะมากกกก
จุดนี้ไม่ถ่ายคือมาไม่ถึงนะ
ข้อมูลเพิ่มเติม 👇
จุดหมายที่สองของเราก็คือ "Petite France"
จุดถ่ายรูปแรกก็คือเจ้าชายน้อยหน้าป้ายระหว่างระหว่างซื้อตั๋วเข้าชมนี่ล่ะค่า ซึ่งข้อมูลค่าเข้าปัจจุบันสำหรับผู้ใหญ่ 10,000 วอน เด็กมัธยม 8,000 วอน และเด็กเล็ก 6,000 วอน
หน้าทางเข้าระหว่างรอซื้อตั๋วก็สลับกันถ่ายรูปก่อน555
ส่วนตัวเราว่าด้านในมันก็ไม่ได้มีอะไรมากนะ เป็นอาคารสีลูกกวาด มีของตกแต่งนู่นนี่นั่น มีมุมถ่ายรูปเยอะแยะ สำหรับใครที่ชอบถ่ายรูปมันก็คุ้มค่าเลยแหละ พวกเราก็เดินถ่ายรูปกันไปถ่ายรูปกันมารู้ตัวอีกทีก็กระจายไปคนละทิศคนละทาง ไวไฟก็อยู่กับเพื่อนคนเดียวก็เลยต้องเดินวนเก็บเพื่อนมาทีละคน จนขาดแค่คนสุดท้ายที่ไม่รู้ว่าไปเดินถ่ายรูปถึงไหน
มุมนี้ชอบมากกกกกก
สีสันสดใสน่ารักกรุบกริบ
เวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆ แถมใกล้ถึงเวลารถมาอีกคือเริ่มกระวนกระวายละ ดีที่รถมาเลท (เมื่อกี้ยังว่าไม่เลทอยู่เลย 😅) ก็เลยได้หาเพื่อนกันต่อ และสุดท้ายเพื่อก็เดินออกมาจากคาเฟ่ใกล้ทางออก คือแบบเอ้อไม่ชงไม่ชวนกันเลยตามหากันแทบตาย
และจากที่เราได้กลับมาหาข้อมูลก็เห็นว่าที่นี่เค้ามีที่พักด้วยนะเออ แถมตอนนี้มีกิจกรรมเจ้าชายน้อยกับพีน็อคคีโอด้วย รายละเอียดและการอัพเดทกิจกรรมต่างๆสามารถดูเพิ่มเติมได้ตามลิงค์นี้เลยน้า 👇
มาถึงจุดหมายสุดท้ายสำหรับเราในวันนี้ "Garden of Morning Calm"
ที่นี่เราตามมาจากซีรีส์เรื่อง You are beautiful ซึ่งเป็นเรื่องที่เปิดโลกซีรีส์เกาหลีให้กับเราจนกลายเป็นติ่งซีรีส์มาจนทุกวันนี้ 😁
ค่าเข้าชมปัจจุบัน ผู้ใหญ่ 9,500 วอน เด็กโต 7,000 วอน เด็กเล็ก 6,000 วอน และมีส่วนลดสำหรับผู้พิการเพิ่มเติมอีกด้วย
ถ้าถามว่าตอนที่ไปนี่ตรงปกตามซีรีส์มั้ย ตอบเลยว่าไม่เพราะเราไปหน้าหนาวหิมะขาวโพลน ส่วนในซีรีส์คือดอกไม้สวยมากกกกก แต่ถึงอย่างนั้นเราว่ามันก็ยังสวยอ่ะ ภาพที่เห็นก็จะเป็นเมืองหิมะซะส่วนใหญ่นอกนั้นก็จะเป็นพวกเรือนกระจกและเน้นไม้ใบซะมากกว่า
โซนเรือนกระจกที่พอจะมีสีเขียวๆให้เห็นอยู่บ้าง
ถึงจะไม่มีดอกไม้แต่สวยอยู่เด้อ
และด้วยความที่ตื่นเต้นตื่นตาตื่นใจกับการได้เห็นหิมะปุยๆ ก็เกิดนึกครึ้มอะไรไม่รู้เลยอยากลองเล่นขึ้นมา เรากับเพื่อนที่เท้าจุ่มน้ำก็เดินดุ่มๆพุ่งตรงไปยังกองหิมะแล้วโกยขึ้นมา (ยัง ยังไม่เข็ด 😆) แต่เอ๊...ทำไมปั้นเป็นก้อนแบบในหนังไม่ได้ล่ะ เพื่อนคนนึงก็ทักว่าเพราะใส่ถุงมือรึเปล่า? เรากับเพื่อนก็เอาเลยค่ะ ถอดถุงมือสิคะรออะไร แล้วใช้มือเปล่าโกยหิมะขึ้นมา
ผลคือเห้ย! ได้อ่ะ ปั้นเป็นก้อนเล่นสนุกเลย แต่ไม่นานเท่านั้นแหละเพราะอยู่ดีๆก็เริ่มแสบมือ คือแสบแบบแสบมากจนต้องโยนหิมะทิ้งไปหมด ก็แน่สิหิมะกัดนี่ ซึ่งตอนนั้นก็ไม่รู้จริงๆนะ มันแสบจนต้องฉุกคิดถึงตอนที่เพื่อนตกน้ำอีกครั้งว่ามันทนมาได้ยังง้ายยยยยยยย
พอหันไปถามเพื่อนอีกทีว่าเท้าเป็นไงบ้าง คำตอบที่ได้ก็คือ เออ...เนี่ยเท้ายังชาๆอยู่เลยมือก็กำลังตามไป ตอนนั้นเราก็คือทั้งแสบมือ ทั้งสงสารเพื่อน แต่ก็ขำอ่ะ ขำในความเด๋อด๋า ขำในความอะไรของพวกเราครับเนี่ย
ไฟประดับยามค่ำคืน ได้เห็นแค่ประมาณนี้แล้วเราก็กลับ5555
สำหรับหน้าหนาวที่มีดอกไม้น้อยนิดนี้ที่นี่ก็ยังมีจุดขายนะ ก็คือการเน้นไฟประดับในยามค่ำคืนนั่นเอง แต่เราก็ได้อยู่ช่วงนั้นแป๊บเดียวแหละ กลัวรถหมดหรือจะไปไหนต่ออันนี้ก็จำไม่ได้ละ ที่แน่ๆได้ของที่ระลึกมาด้วยซึ่งจำราคาไม่ได้อีกนั่นแหละ555 เป็นพวงกุญแจใบโคลเวอร์ 4 แฉก ซึ่งปัจจุบันอยู่ไหนก็ไม่รู้ 😂
ข้อมูลเพิ่มเติมอัพเดทได้ที่เว็บนี้น้า 👇
การเที่ยวในเส้นทางนี้สำหรับเราถือว่าโอเคเลยนะ เป็นการเดินทางที่คุ้มค่า แม้ว่าจะออกนอกโซลแต่ก็ไม่ได้เดินทางลำบากจนเกินไป แต่แนะนำให้ไปช่วงฤดูใบไม้ผลิ ประมาณ มี.ค. - เม.ย. เราว่าน่าจะได้บรรยากาศที่สวยกว่านี้
หรือใครอยากเห็นบรรยากาศหลายๆแบบก็ลองไปในฤดูต่างๆได้นะ เราเองก็ได้มีโอกาสไปเที่ยวอีกครั้งช่วงฤดูใบไม้ร่วง ไว้จะเอาบรรยากาศมาฝากในตอนต่อๆไปน้า ^^~
โฆษณา