17 ก.พ. 2022 เวลา 11:29 • ประวัติศาสตร์
“แอตแลนติส (Atlantis)” จากตำนานสู่ประวัติศาสตร์” ตอนที่ 3
การตามหาอารยธรรมที่ใช่
บทนี้ เราจะพูดถึงดินแดนที่ทรงอำนาจ เป็นมหาอำนาจทางทะเลซึ่งเป็นที่รู้จักในโลกโบราณ ก่อนจะหายไปในเวลาต่อมา
คำถามก็คือ “ในการค้นคว้าเรื่องนี้ เราควรย้อนกลับไปนานแค่ไหน? และเราจะศึกษาจากคนกลุ่มไหน?”
เมื่อวิเคราะห์จากข้อมูลแล้ว ในเมดิเตอเรเนียน มีกลุ่มคนหลายกลุ่มที่อยู่ในแถบนี้ และเชี่ยวชาญในการเดินทะเล กลุ่มคนที่เมืองของตนถูกทำลายด้วยน้ำท่วม แผ่นดินไหว หรือคลื่นยักษ์
แต่เพื่อจะจำกัดวงให้แคบลงมา เราก็น่าจะพิจารณาจากกลุ่มคนในยุคสมัยของเพลโต ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญหนึ่งเดียวของตำนานแอตแลนติส
1
เพลโต (Plato)
ในโลกที่ประวัติศาสตร์เพิ่งจะถูกบันทึกได้ไม่นาน เหตุการณ์ต่างๆ เช่น สงคราม หรือภัยธรรมชาติต่างๆ ไม่ได้เป็นที่รับรู้อย่างกว้างขวางดังเช่นทุกวันนี้
ตัวเพลโตเองก็เป็นนักปรัชญา ไม่ใช่นักประวัติศาสตร์
เพลโตนั้นได้ออกเดินทางไปยังหลายๆ ที่ เดินทางมากกว่าคนทั่วไปในยุคนั้น หากแต่การเดินทางของเขาก็จำกัดวงอยู่แค่รอบๆ กรีซ ซิซิลี และอาจจะไปถึงลิเบียหรืออียิปต์ ดังนั้น การค้นหาข้อมูลก็อาจจะจำกัดวงอยู่ในพื้นที่แถบนี้
1
เมื่อพิจารณาจากหลักฐานต่างๆ อารยธรรมที่น่าจะใกล้เคียงหรือมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นแอตแลนติส ก็คือ “อารยธรรมไมนวน (Minoan civilization)”
1
อารยธรรมไมนวน เคยเป็นอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ มีหลักฐานทางโบราณคดีซึ่งค้นพบที่กรีซ เลแวนต์ และอียิปต์ ก่อนที่ภูเขาไฟซานโตรินีจะระเบิดเมื่อระหว่าง 1,642-1,540 ปีก่อนคริสตกาล ทำให้เกิดคลื่นยักษ์ พุ่งเข้าทำลายเกาะครีต และทำลายอารยธรรมนี้จนย่อยยับ
หลักฐานต่างๆ ล้วนชี้ไปที่อารยธรรมไมนวน แม้แต่ตำนานเองก็สนับสนุนทฤษฎีนี้ เนื่องจากตามตำนาน กษัตริย์องค์แรกแห่งครีต นั่นคือ “ไมนอส (Minos)” ก็เป็นบุตรแห่ง “โพไซดอน (Poseidon)” เทพเจ้าแห่งท้องทะเล เช่นเดียวกับ “แอตลาส (Atlas)” กษัตริย์องค์แรกแห่งแอตแลนติส ซึ่งก็เป็นบุตรแห่งโพไซดอนเช่นกัน
นอกจากนั้น ยังมีหลักฐานที่ได้รับการบันทึกในอียิปต์ กล่าวถึงการที่ภูเขาไฟระเบิด ทำให้เรื่องเล่าของนักบวชอียิปต์และโซลอนมีเค้าของความจริงบ้าง หากแต่ก็มีเรื่องหนึ่งที่เป็นปัญหา
ไมนอส (Minos)
นั่นก็คือ “นักประวัติศาสตร์หลายคนคิดว่าทฤษฎีนี้ไม่จริง”
ข้อแรก หลายคนคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่เพลโต แม้แต่ลูกหลานของเขา จะรับรู้ถึงการระเบิดของภูเขาไฟซานโตรินี เนื่องจากในโลกที่ยังไม่มีการบันทึกด้วยลายลักษณ์อักษร ช่วงเวลาก่อนที่บันทึกด้วยลายลักษณ์อักษรจะเกิดขึ้นเมื่อราว 900 ปีก่อนคริสตกาล ตำนานและนิทานต่างๆ ล้วนแต่ถูกถ่ายทอดผ่านการเล่าสู่กันฟัง ปากต่อปาก
2
จากการตรวจสอบตำนานของกรีก ก็ไม่พบถึงการกล่าวถึงการระเบิดของภูเขาไฟครั้งนี้ ไม่มีเรื่องราวของผลกระทบที่เกิดจากการระเบิด ซึ่งที่เป็นอย่างนี้ ก็เนื่องจากในช่วงที่สิ้นยุคสัมฤทธิ์ และอารยธรรมไมซีนีล่มสลาย ความรู้ด้านการอ่าน เขียน ก็สูญหายตามไปด้วย
หากว่าชาวไมซีนี ซึ่งมีชีวิตอยู่ในช่วงที่เกิดการระเบิด เป็นผู้บันทึกเหตุการณ์นี้ ลูกหลานของพวกเขาก็ไม่สามารถจะถอดรหัสหรือตีความบันทึกของเขา ไม่สามารถอ่านบันทึกนี้ได้อยู่ดี
ในเมื่อไม่มีทั้งหลักฐานจากบันทึกหรือตำนาน เรื่องเล่าต่างๆ ทำให้เหตุการณ์นี้ถูกลืมเลือนไปอย่างรวดเร็ว
ส่วนจากบันทึกของอียิปต์ ก็เพียงแต่กล่าวถึงผลกระทบของภูเขาไฟระเบิดต่ออียิปต์ แต่ไม่มีการพูดถึงชาวไมนวน
1
ดังนั้น เมื่อหลายคนไม่ค่อยเชื่อถือว่าเป็นอารยธรรมไมนวน จึงต้องลองหาอารยธรรมอื่นที่อาจจะเป็นไปได้
เมื่อพิจารณาแล้ว ก็พบสิ่งน่าสนใจในนครรัฐที่ชื่อ “เฮลิค (Helike)” ซึ่งเป็นเมืองทางชายฝั่งตอนเหนือของเพโลพอนนีส
ในยุคโบราณ เฮลิค คือเมืองชั้นนำทางทะเลในแถบนั้น เพียบพร้อมทั้งกองทัพเรือและมั่งคั่งทางการค้า
กองเรือของเฮลิคนั้นเกรียงไกร และออกท่องทะเลไปอย่างยาวไกล ส่วนท่าเรือเฮลิคก็เป็นสถานที่ซึ่งผู้คนโดยรอบเมดิเตอเรเนียนเข้ามาทำการค้าขาย แลกเปลี่ยนสินค้า
ชาวเรือของเฮลิคก็ได้ออกเดินทางไปยังดินแดนต่างๆ ซึ่งเป็นที่รู้จักในยุคนั้น และได้ก่อตั้งอาณานิคมในอานาโตเลียและซิซิลี
เทพผู้อุปถัมภ์เมืองเฮลิคคือโพไซดอน ซึ่งโพไซดอนนั้น ปรากฎอยู่บนเหรียญของเมืองเฮลิค อีกทั้งยังมีการสร้างวิหารให้โพไซดอน และดึงดูดนักเดินทางทั่วกรีกให้เข้ามาเยี่ยมเยือน
1
แต่เมื่อ 373 ปีก่อนคริสตกาล เฮลิคก็พบกับจุดจบ เมื่อเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ กลืนกินเมืองทั้งเมืองลงไปอยู่ใต้น้ำ
ภายในชั่วข้ามคืน เฮลิคก็สูญหายลงไปใต้น้ำ ซึ่งภายหลัง ได้มีการพยายามจะกู้ร่างชาวเมืองเฮลิค รวมถึงกู้สิ่งของต่างๆ ขึ้นมา แต่ก็ไม่สามารถทำได้
เมืองทั้งเมืองจมอยู่ใต้ท้องทะเล พ่ายแพ้ต่อกาลเวลา
เรื่องราวของเมืองเฮลิคจะเป็นอย่างไรต่อไป และเกี่ยวข้องกับแอตแลนติสอย่างไร ติดตามได้ในตอนหน้านะครับ
โฆษณา