18 ก.พ. 2022 เวลา 11:38
ทศชาติชาดก มหานิบาตชาดก พระเจ้าสิบชาติ เป็นชาดกที่สำคัญ กล่าวถึงการบำเพ็ญบารมีใน 10 ชาติสุดท้ายของพระโพธิสัตว์ ก่อนจะเสวยพระชาติมาเกิดเป็นพระโคตมพุทธเจ้า หรือเจ้าชายสิทธัตถะแห่งศากยวงศ์
ชาดกทั้ง 10 เรื่อง เพื่อให้จำง่าย มักนิยมท่องโดยใช้พยางค์แรกของแต่ละชาติ คือ เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ นา วิ เว ซึ่งเรียกว่า คาถาหัวใจทศชาติ
มีแสตมป์ที่ออกมาในวาระวันสำคัญทางศาสนา ได้พิมพ์เป็นภาพทศชาติชาดก จึงอยากนำมาแบ่งปันให้ได้ชมกัน พร้อมเรื่องราวในแต่ละชาติด้วยครับ
1
แสตมป์วันมาฆบูชา 2539
จำหน่ายวันแรก 3 มีนาคม 2539 พิมพ์ที่ โจ เอ็นเอ็นเชเด้ เอ็นโซเน่นซ์ กราฟฟิชช์ อินริชติ้ง เนเธอแลนด์
แสตมป์ชุดนี้ ครบชุดมี 4 ดวง พิมพ์เป็นรูปทศชาติชาดก
เริ่มที่ชนิดราคา 2 บาท พิมพ์ออกมา 2,500,000 ดวง เป็นภาพ “เตมิยชาดก”
แสตมป์วันมาฆบูชา 2539
ทศชาติ 1 พระเตมีย์ (บำเพ็ญเนกขัมมบารมี)
“เพราะกลัวว่าจะต้องขึ้นครองราชย์ แล้วจะต้องทำบาป พระเตมีย์ราชกุมารจึงแสร้งทำว่าเป็นง่อย หูหนวก เป็นใบ้”
พระเตมีย์เป็นโอรสพระเจ้ากาสิกราชแห่งเมืองพาราณสี วันหนึ่ง พระเตมีย์เห็นพระบิดาพิพากษาโทษผู้ร้ายด้วยวิธีการโหดร้ายต่างๆ ก็คิดว่า
(เสียงก้องๆ)
2
“ถ้าเราโตขึ้นเป็นพระราชา เราก็ต้องตัดสินโทษผู้ร้าย ต้องทำบาปเช่นเดียวกันนี้ ตายไปก็จะต้องตกนรกเป็นแน่”
ก็เพราะพระเตมีย์ระลึกชาติได้ว่า เคยเป็นพระราชา และได้ตัดสินโทษผู้ร้ายอย่างนี้ แล้วต้องตกนรกอยู่ถึง 80,000 ปี ได้รับความทุกข์ทรมานมาก พระเตมีย์คิดอยู่ว่า ทำอย่างไรหนอ เราถึงจะไม่ต้องทำบาป และไม่ต้องตกนรกอีก
เทพธิดาผู้รักษาเศวตฉัตรได้แนะนำให้ปฏิบัติ 3 ประการ คือ ให้ทำเป็นคนง่อย เป็นคนหูหนวก และเป็นใบ้ จึงจะพ้นจากการเป็นพระราชา
1
นับแต่นั้นมา พระเตมีย์ก็ทำพระองค์เป็นคนหูหนวก เป็นใบ้ และเป็นง่อย แต่พระราชาและพระมเหสีไม่เชื่อจึงได้ทดลองด้วยวิธีต่างๆ เช่น ให้เอาผลไม้เอาขนมมาล่อ พระเตมีย์ก็ไม่สนใจ ให้เอาอาวุธ เอาไฟ เอาช้าง เอางู มาขู่ พระเตมีย์ก็ไม่หวาดกลัว เมื่อล่วงเข้าวัยหนุ่มก็ใช้ของหอมและสตรีมาล่อ แต่ก็ไม่ได้ผล พระเตมีย์ยังคงทำเป็นหูหนวก เป็นใบ้ และไม่ไหวติง เช่นเดิม
1
ในที่สุด พรามหณ์ที่ปรึกษากราบทูลว่า “เมื่อตอนที่ประสูตินั้นพระโอรสมีลักษณะเป็นผู้มีบุญ แต่เมื่อได้กลับกลายเป็นเช่นนี้ จะเป็นกาลกิณีแก่บ้านเมือง ขอให้นำพระโอรสไปฝังที่ป่าช้าเถิด จะได้สิ้นอันตราย”
ที่สุดพระราชาจึงสั่งให้สารถีนำพระเตมีย์ขึ้นราชรถ นำไปฝังที่ป่าช้า เมื่อไปถึงป่าช้า ขณะที่นายสารถีก้มหน้าก้มตาขุดหลุมอยู่ พระเตมีย์คิดว่า “บัดนี้เราไม่ต้องเป็นพระราชาแล้ว เราอดทนไม่เคลื่อนไหวร่างกายมา 16 ปี ไม่รู้ว่าร่างกายยังปกติอยู่หรือไม่”
Cr. https://www.facebook.com/236136623176658/posts/1085747024882276/
พระเตมีย์จึงลองเดินดู ก็เดินได้ปกติ แล้วก็ลองยกราชรถขึ้นกวัดแกว่ง จากนั้นก็บอกนายสารถีว่า อย่าฝังตนเลย การฝังโอรสพระราชาเท่ากับเป็นการทำร้ายมิตร แล้วชี้แจงคุณูปการของการไม่ทำร้ายมิตร ครั้งแรกนายสารถีไม่เชื่อว่าเป็นพระเตมีย์ที่ตนนำขึ้นรถมาแต่ในที่สุดก็เชื่อและกราบทูลให้กลับวังแต่พระเตมีย์บอกว่า “เราอุตส่าห์อดทนมา 16 ปี เพื่อวันนี้ เราไม่ปรารถนาราชสมบัติ ไม่ปรารถนาในกิเลสทั้งหลาย เราจะขอบวชอยู่ในป่า”
เมื่อพระราชากับพระราชินีทราบเรื่อง จึงยกขบวนมาชวนพระเตมีย์ให้กลับไปครองราชย์ พระเตมีย์ปฏิเสธแล้วแสดงคุณแห่งเนกขัมมธรรมให้ฟัง พระราชา พระราชินี และผู้ติดตามได้ฟังก็เลื่อมใส พากันออกบวชทั้งหมด ประชาชนชาวเมืองเมื่อทราบข่าวก็พากันออกบวชตาม
พระราชาของประเทศใกล้เคียงเมื่อทราบข่าวว่ากรุงพาราณสีไม่มีคนปกครองก็นยกทัพจะมายึดราชสมบัติ แล้วตามรอยพระราชาเข้าไปในป่า ได้พบพระเตมีย์ พระเตมีย์แสดงธรรมให้ฟัง พระราชาทั้งหลายก็ศรัทธาเลื่อมใส พากันออกบวชด้วยกันทั้งหมด บ้านเมืองทั้งหลายก็กลายเป็นเมืองร้างนับแต่นั้นมา…
2
“บำเพ็ญเนกขัมมบารมี : ทำใจให้เต็มออกจากเครื่องผูกรัด”
ขอบคุณที่ติดตามครับ🙏🙏🙏

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา